Honda City Hatchback e:HEV RS จ่ายเพิ่มอีกหน่อย แต่คุ้มกว่านะ

แม้ว่า Honda City Hatchback e:HEV RS จะมีราคาถึง 849,000 บาท ต้องจ่ายเพิ่มอีก 100,000 บาท จากรุ่นท็อปในตัว Hatchback ปกติ ที่มีราคาอยู่ที่ 749,000 บาท ดูเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง แต่ถ้าเทียบกับ Honda city e:HEV ราคา 839,000 บาท ตัวถังซีดาน นั่นเท่ากับว่าจ่ายเพิ่มอีก 10,000 บาท จะได้รถที่มีการใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น แม้ว่าการขับขี่แทบไม่ต่างกัน แต่มีเหตุผลอะไรที่ควรเลือกใช้ e:HEV ที่เป็น Full Hybrid ความคุ้มค่ามันอยู่ที่ตรงไหน

คำตอบนี้อยู่ที่ตัวของผู้ใช้งาน ไม่มีผิดหรือถูก เพราะเหตุผลของแต่ละคนนั้นต่างกัน จากการทดลองขับในช่วงสั้นๆ เพราะด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นั่นทำให้การทดลองขับในครั้งนี้ต้องใช้เวลาที่จำกัด แต่มากพอที่จะทำให้สัมผัสได้ว่า สไตล์ในการขับนั้นไม่ได้แตกต่างจากรุ่น City e:HEV หรือรุ่น City Hatchback ถ้าเป็นการใช้งานทั่วไป ไม่ได้มีประสาทสัมผัสระดับเทพ คงบอกไม่ได้ถึงความแตกต่าง แต่จะต่างกันก็ตรงเรื่องของราคาค่าตัวนี่ล่ะ

ที่นี้มาดูเรื่องของการใช้งานแน่นอนว่า ไลฟ์สไตล์ของคนที่ใช้รถตัวถังแบบซีดานกับแฮทช์แบคมีความแตกต่างกัน การใช้พื้นที่ห้องโดยสารก็แตกต่างกันไปอีกด้วย ยิ่งเป็นแฮทช์แบคที่ใช้เบาะนั่งอัลตร้า ซีท (ULTR) ที่ปรับเบาะให้กลายเป็นพื้นที่ใช้งานอเนกประสงค์ได้ถึง 4 โหมด มันสร้างความแตกต่างในการใช้งานได้อย่างมหาศาลเมื่อเทียบกับตัวถังซีดาน ยิ่งถ้าใครที่เดินทางบ่อยๆ ชอบท่องเที่ยวมีอุปกรณ์ที่ต้องนำพาไปจำนวนมาก ตัวถังแบบแฮทช์แบคนั้นตอบโจทย์ที่สุด รวมกับการปรับพับเบาะได้เพิ่มเติมอีก ทำให้มันเกิดความสนุและสบายใจในการใช้งานมากกว่า ไปซื้อโต๊ะซื้อตู้ซื้อของใหญ่ๆ ที่อีเกีย ของหลายอย่างสามารถจัดวางในรถได้ หรือจะซื้อต้นไม้เข้าบ้านที่สูงเมตรห้าสิบสักสองหรือสามต้นก็พับเบาะหลังขึ้น นำมาจัดวางไม่เสียหายได้อีก ซึ่งนี่เป็นไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนในการเลือกใช้งาน

ส่วนเรื่องความประหยัดล่ะเป็นอย่างไร เรื่องนี้เราจะไม่ไปพูดถึงเรื่องสเปคให้เย่นเย้อเพราะเขียนไปเยอะแล้ว สรุปเลยว่า ในรุ่น City Hatchback เคยขับได้ 17 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วน City e:HEV ทำได้สูงสุด 26 กิโลเมตรต่อลิตร (การขับด้วยความเร็วใช้งานทั่วไป) และทำได้แย่ที่สุด 20 กิโลเมตรต่อลิตร (ขับเน้นความเร็วใช้อัตราเร่งและรอบเครื่องที่บ้าบอแบบที่คนปกติไม่ทำกัน) จะเห็นว่า City e:HEV ประหยัดกว่ามาก แต่พื้นที่ห้องโดยสารที่มีความอเนกประสงค์แพ้ City Hatchback อย่างสิ้นเชิง แล้วพอมาเป็นรุ่นนี้ที่ทั้งสองอย่างมารวมกันเป็น Honda City Hatchback e:HEV มาพร้อมกับชุดแต่ง RS ล่ะ..

ถึงจะลองขับในช่วงเวลาเกือบๆ สองชั่วโมง ระยะทางร่วม 80 กิโลเมตร ดูไม่เยอะ แต่จากที่ขับและนั่งไปกับทีมงานรวมเป็น 3 คน มีน้ำหนักของแบตเตอรี่ไฮบริดที่ถ่วงเอาไว้อีก มีอุปกรณ์ถ่ายทำที่ยัดไว้เต็มท้ายรถ อัตราสิ้นเปลืองที่แสดงผลทางหน้าจออยู่ที่ 20 กิโลเมตรต่อลิตร แย่สุด 17 กิโลเมตรต่อลิตร นั่นทำให้มั่นใจว่า Honda City Hatchback e:HEV คือ Best in Class ของ ฮอนด้า The City Series

ในราคาที่ต่างกันอยู่ 100,000 บาท ระหว่าง Honda City Hatchback และ Honda City Hatchback e:HEV ถ้าไม่ได้ต้องการใช้เทคโนโลยีไฮบริด รับได้กับอัตราสิ้นเปลือง การเลือกแฮทช์แบคตัวปกติถือว่าคุ้มค่า แต่ถ้ากำลังจะเลือก City e:HEV แล้วจ่ายเพิ่มอีก 10,000 บาท ทำให้ได้พื้นที่ห้องโดยสารสำหรับการใช้งานที่อเนกประสงค์มากขึ้นก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แล้วคุณล่ะจะเลือกแบบไหน แต่ถ้าเป็นตัวผมแล้วล่ะก็..ขอเลือก Honda City Hatchback e:HEV เพราะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผมมากกว่า เพราะใช้งานในเมืองเป็นส่วนใหญ่ ใช้การปรับเบาะเป็นประจำ ราคาที่ขยับอีกนิดไปซีวิคก็ได้ แต่เพราะการเป็นเบาะอัลตร้า ซีท มันช่วยให้ออกเดินทางบรรทุกสัมภาระสำหรับแคมปิ้งได้สะดวกกว่าและประหยัดน้ำมันมากกว่าก็เท่านั้นเอง