The all-new SANTA FE รถใหญ่ หรูแรง ช่วงล่างนุ่ม ถูกใจสายครอบครัว

The all–new SANTA FE รุ่นใหม่นี้ เป็นเจเนอเรชั่นที่ 5 ลบภาพจำเดิมๆ ทิ้งไปแบบไม่เหลือซาก สู่ภาพลักษณ์ใหม่ที่ทันสมัย แต่ยังคงตอบโจทย์การใช้งานในกลุ่มเป้าหมายที่เป็นครอบครัวใหญ่เอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ และยังมาพร้อมกับขุมพลังไฮบริดที่ช่วยให้ประหยัดน้ำมันและพละกำลังที่มากพอต่อการใช้งาน ทำให้เป็นรถเอสยูวีสไตล์ Boxy Design ในกลุ่ม D-Segment ที่มีขนาดใหญ่ แต่กลับมีความคล่องตัวและปราดเปรียว เห็นตัวถังแนวเหลี่ยมๆ แบบนี้ แต่กลับมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (Cd) ต่ำเพียง 0.29 เท่านั้น เหนือกว่ารถ SUV และ PPV ทุกรุ่นในตลาดตอนนี้
ก่อนที่จะไปพูดถึงเรื่องขุมพลัง ต้องพูดถึงเรื่องของพื้นที่ห้องโดยสารกันก่อน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ต้องพิจารณา ห้องโดยสารเป็นแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง เบาะนั่งหนังแท้ เบาะแถวสองเป็นที่นั่งแบบ Captain Seat ปรับไฟฟ้า หนึ่งเดียวในคลาส ที่หลังคาเป็นแบบ Dual Sunroof เสริมบรรยากาศภายในห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี พร้อมด้วยม่านภายใน แต่ม่านด้านหน้าจะเปิดแบบแมนวล ส่วนด้านหลังเป็นแบบไฟฟ้า ที่คอนโซลจะพบกับหน้าจอคู่ Panoramic Curved Display ขนาด 12.3 นิ้ว + 12.3 นิ้ว เชื่อมต่อจอมาตรวัดและอินโฟเทนเมนต์อย่างไร้รอยต่อ
ที่เก็บของคอนโซลกลาง Bi-directional Multi-console เปิดได้ทั้งสองฝั่ง ใช้งานสะดวกทั้งผู้ขับและผู้โดยสารแถวสอง และสิ่งจำเป็นอีกอย่างในยุคนี้คือ ที่ชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย ซึ่งเป็นแบบ Dual Wireless Charger ชาร์จ 2 เครื่องพร้อมกันได้สบายๆ ยังมาพร้อมพัดลมระบายความร้อนมาให้ด้วย ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อเป็นแบบ USB-C ทั้งหมด มีจุดชาร์จไฟ 6 จุด มีไฟ Ambient Light ปรับได้ 64 เฉดสี และที่พีคมากคือมีจุดวางแก้วน้ำมากถึง 16 จุด รวมทั้งมี One Touch Relaxation ที่ปรับเบาะเอนนอนได้อัตโนมัติอีกด้วย ซึ่ง One Touch Walk-in ทำให้การเข้า-ออก ของผู้โดยสารแถวที่ 3 ทำได้สะดวกมากขึ้น นั่นทำให้พื้นที่ห้องโดยสารและออปชั่นต่างๆ ที่ให้มาถือว่าตอบโจทย์ในการใช้งานมาก โดยเฉพาะเบาะแถวสองแบบ captain seat ปรับไฟฟ้า ทำให้ห้องโดยสารมีความอเนกประสงค์ในการใช้งานมากกว่าเบาะแบบทั่วไป
หลังจากลองนั่งใช้งานทั้งในตำแหน่งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร พบว่าความสบายที่สุดอยู่ที่เบาะนั่งฝั่งผู้ขับขี่ ตัวเบาะใหญ่กระชับ นั่งสบาย ฟองน้ำนุ่มกำลังดี ส่วนเบาะนั่งแถวสองถึงจะปรับไฟฟ้า กลับนั่งสบายสู้เบาะนั่งด้านหน้าไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะการดีไซน์เบาะไม่ได้โอบกระชับก็เป็นได้ ส่วนเบาะนั่งแถวสามถ้าเป็นคนตัวสูง 165 ซม. ขึ้นไปนั่งได้แต่ไม่สบายสักเท่าไหร่ ขาจะอยู่ในท่าชันเข่าขึ้นมาหน่อย เพราะพื้นรถจะสูงขึ้นเป็นสเต็ป เบาะแถวหลังสุดจะไม่โดนเบาะด้านหน้าบัง ทำให้มีความรู้สึกโล่งโปร่งไม่อึดอัด และไม่ทำให้รู้สึกเวียนหัว แต่ถึงอย่างนั้นหากนั่งยาวออกต่างจังหวัดยังเป็นเบาะที่ทำให้นั่งแล้วหลับได้ง่ายๆ เพราะมีระบบช่วงล่างที่รองรับแรงสั่นสะเทือนได้ดี
ส่วนในเรื่องของขุมพลัง The all-new SANTA FE มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.6L Turbo Parallel Hybrid ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรีลิเธียมไอออนโพลิเมอร์ขนาด 1.49 kWh พละกำลังรวมสูงสุด 232 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 367 นิวตันเมตร ที่ 1,000 – 4,100 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า FWD มอบอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยสูงสุดที่ 19.6 กม./ลิตร (ตาม eco sticker) ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ระบบเบรกทั้งหน้าและหลังเป็นดิสก์เบรก พร้อมช่องระบายความร้อน ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบมัลติลิงค์
ในช่วงทดลองขับ เป็นการขับจากแถวอ่างเก็บน้ำวังบอน นครนายก กลับมาที่ H-Space Hyundai ถนนวิภาวดีรังสิต ระยะทาง 112 กิโลเมตร โดยประมาณ ทริปนี้เป็นการขับแบบสลับมือสองสื่อ ผู้เขียนขับในช่วงขากลับ โดยช่วงขาไปเป็นผู้โดยสารตอนหน้า ต้องยอมรับว่า The all-new SANTA FE เก็บเสียงภายในห้องโดยสารได้ดีมากๆ เสียงเครื่องยนต์และเสียงลมเบามากๆ แม้ว่าจะใช้ความเร็วบนทางพิเศษ เสียงลมปะทะที่เสา A ในช่วงความเร็ว 120 กม./ชม. ไม่มีให้ได้ยินเลย จะมีแต่เพียงเสียงของยางที่บดไปตามพื้นถนนเท่านั้นที่พอได้ยินอยู่บ้าง ซึ่งเป็นจุดเด่นของการเลือกใช้กระจกบังลมหน้าแบบ Acoustic Glass ร่วมกับกระจกด้านข้างผู้โดยสารตอนหน้าแบบ 2 ชั้น ที่ช่วยลดเสียงรบกวนได้ดีมาก จุดนี้ขอชื่นชม แม้ว่าตัวถังจะเป็นสไตล์ Boxy แบบนี้ แต่เรื่องของการเก็บเสียงลมปะทะทำได้ดีมาก โดยรวมของการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารทำได้น่าประทับใจ
ส่วนเรื่องของระบบช่วงล่าง ถึงจะยังไม่ได้ขับในช่วงแรก การนั่งบนเบาะฝั่งผู้โดยสารสามารถรับรู้ถึงความนุ่มนวลได้ ทั้งเบาะตอนหน้าและเบาะแถวสอง เพียงแต่การนั่งเบาะแถวสองจะปรับเบาะให้ปรับเอนได้สบายกว่า แต่เบาะด้านหน้าจะกระชับลำตัวมากกว่า เป็นจุดที่แตกต่างกัน โดยที่ช่วงล่างของรถรุ่นนี้มีจุดเด่นในเรื่องของความนุ่มนวล และไม่ย้วย มีความหนึบในสไตล์สปอร์ตเล็กๆ ซึ่งมาจากการเลือกใช้ระบบช่วงล่างที่ออกแบบมาเพื่อรถเอสยูวีโดยเฉพาะ
โดยโช้คอัพเป็นแบบ Frequency Sensitive Damper : SDC3 ที่เป็นแบบแมคคานิก แต่ปรับการทำงานแบบอัตโนมัติ โดยที่วาล์วตัวหลัก จะปรับแรงดันของน้ำมันไฮดรอลิกให้เหมาะสมตามความถี่ของแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้น รวมทั้งมีการควบคุมด้วย Frequency Control Unit แบบใหม่ ที่ควบคุมการหน่วง (Selective Damping Control) ของ SDC3 ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลขึ้น รวมทั้งปรับน้ำหนักของพวงมาลัยให้สมดุลกับระบบช่วงล่าง ตอบสนองได้รวดเร็วขึ้น และมีการเพิ่มประสิทธิภาพของบูชช่วงล่าง ทั้งตัวกันกระแทกด้านหน้า เพิ่มความยาวของ Bump Stopper รองรับการดีดตัวบนทางขรุขระ ป้องกันไม่ให้ช่วงล่างกระแทกกับตัวถัง ปรับบูชเฟรมด้านหน้าและหลัง ใช้บูชแบบ Hydro Bush ทั้ง Subframe ทั้งด้านหน้าและหลัง ทำให้การขับขี่นุ่มนวลขึ้นและลดเสียงรบกวนไปในตัว ส่วนบูชเหล็กกันโคลงหลัง ปรับให้มีความนุ่มนวลขึ้นเช่นกัน โดยเปลี่ยนจากบูชกันโคลงแบบเดิมที่มีแกนเหล็กตรงกลาง เป็นแบบไม่มีแกนเหล็กตรงกลาง นั่นทำให้ช่วงล่างของ The all-new SANTA FE มีความนุ่มนวล ไม่แข็งกระด้าง ท้ายไม่ย้วย และให้การยึดเกาะถนนได้ดี จุดนี้ทำได้ดีจริงๆ
มาถึงการขับกันบ้าง สังเกตุว่าตอนเปลี่ยนมือขับ แบตเตอรี่มีเหลืออยู่ประมาณครึ่งหนึ่งตามมาตรวัด ในช่วงออกตัว ขับบนเส้นทางชนบท ไม่ได้ใช้ความเร็วสูง อารมณ์จะเหมือนกับการขับแบบรถไฟฟ้า คือเสียงเงียบ ไม่มีเสียงเครื่องยนต์ เพียงแต่รถในระบบไฮบริดจะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ได้ไม่มากนัก เหมือนกับไฮบริดทั่วไปนั่นแหละ แล้วพอใช้อัตราเร่งมากขึ้น เครื่องยนต์ติดทำงานขึ้นมา จะได้ยินเสียงเครื่องยนต์เบาๆ (แต่ถ้ายืนข้างรถจะได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังพอสมควร) จุดนี้เก็บเสียงได้ดีจริงๆ ฟิลลิ่งในการขับถือว่ามีการตอบสนองของคันเร่งได้ดี อัตราเร่งถือว่าจัดจ้านพอตัว มีโหมดให้ใช้อย่าง Eco, Sport และ My Drive ที่แม้ว่าจะใช้โหมด Eco ยังถือว่าอัตราเร่งในจังหวะเร่งแซงทำได้เร็วมาก ด้วยตัวถังน้ำหนักแตะ 2 ตัน ขุมพลัง 1.6 ลิตร ไฮบริด ถือว่าจัดจ้านไม่ธรรมดา ยิ่งเปลี่ยนเป็นโหมด Sport จะยิ่งดุดันมากขึ้น เป็นรถไซส์ใหญ่แบบ D-Suv ที่เปลี่ยนจากพ่อบ้านเป็นสายบู๊ได้ทันที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ต่ำกว่า 10 วิ ถือว่าไม่ธรรมดา รวมทั้งการตอบสนองของพวงมาลัยที่แม่นยำสูง ทำให้การขับสนุก ปลอดภัย และตัวรถมีสมดุลที่ดีมาก ส่วนอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยสูงสุดที่ 19.6 กม./ลิตร (ตาม eco sticker) จากการขับครั้งนี้ มาตรวัดแจ้งเอาไว้ที่ 16 กม./ลิตร ซึ่งหากขับใช้งานจริงทั่วไป ตัวเลขน่าจะอยู่ราวๆ นี้เช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับขนาดตัวถังแล้วถือว่าตัวเลขระดับนี้ทำได้ดีในระดับหนึ่งเหมือนกันนะ
โดยภาพรวมของ The all-new SANTA FE รถเอสยูวี 3 แถว 6 ที่นั่ง สไตล์ Boxy Design รุ่นนี้ ถือว่าสร้างความแตกต่าง ลบภาพจำเดิมๆ ไปแบบสิ้นเชิง ปรับการออกแบบให้ทันสมัย ภายในห้องโดยสารที่โดดเด่นมีความอเนกประสงค์ ตอบโจทย์การใช้งานในแบบครอบครัว ที่ต้องการรถที่ตัวถังใหญ่ แต่มีความคล่องตัวสูง ไม่ได้เน้นไปที่อัตราการประหยัดน้ำมันมากนัก แต่ถือว่าประหยัดได้เรื่องพอตัว แลกมากับอัตราเร่งที่จัดจ้าน ช่วงล่างนุ่มนวล นั่งสบาย แต่อาจจะรู้สึกอึดอัดนิดเวลาที่หาที่จอดรถ เพราะตัวถังที่กว้าง จะค่อนข้างแน่นคับที่จอด แต่ด้วยลักษณะตัวถังแบบเอสยูวี 3 แถว 6 ที่นั่ง ราคา 1,599,000 – 1,749,000 บาท ถือว่าเป็นราคาที่น่าสนใจมาก แค่ด้วยตัวถัง D-SUV ที่ใหญ่ แต่ราคาอยู่ในระดับ C-SUV ถือว่าน่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจพอสมควรอีกด้วย ต้องลองขับแล้วจะรู้ว่าไม่ได้อธิบายเกินจริงเลย
เรื่อง : พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th