Test Drive Ford Everest Sport ราคา 1.619 ล้านบาท คุ้มค่าน่าใช้หรือไม่

Test Drive Ford Everest Sport ราคา 1.619 ล้านบาท คุ้มค่าน่าใช้หรือไม่ เชื่อว่าเพื่อนๆหลายท่านคงคิดเหมือนผมว่ารถยนต์อเนกประสงค์ ที่ดูหล่อ เท่ บึกบึน แต่งสวย มันคงหนีไม่พ้น FORD RANGER ยิ่งคันที่ผมนำมาทดสอบในครั้งนี้เป็นรุ่นย่อยใหม่ล่าสุดนั้นก็คือ Everest Sport Special Edition Specs ราคา 1,619,000 บาท ซึ่งเป็นรุ่นย่อยใหม่ที่เสริมเข้ามา และเป็ฟนรุ่นที่ตกแต่งพิเศษ ที่มาพร้อมชุดแต่งภายนอกสีดำสปอร์ตรอบคัน ครั้งนี้เรามาลองขับกันดูครับว่ามีน่าซื้ออยู่หรือไม่
ภายนอก
ก่อนอื่นเรามาดูกันว่ารุ่นนี้มีอะไรแตกต่างจากรุ่นอื่นๆบ้าง สิ่งที่รุ่น Sport Special Edition แตกต่างจากรุ่นปกติ คือมีการเปลี่ยนล้ออัลลอยใหม่ ขนาด 20 นิ้ว สีดำด้าน Asphalt Black ตกแต่งด้วยสีแดงเพิ่มความสปอร์ต บนฝากระโปรงหน้ามีสัญลักษณ์ชื่อรุ่น E V E R E S T ด้านบนหลังคาสีดำ Black Roof พร้อมสปอยเลอร์หลังสีดำและตกแต่งสีดำรอบคัน เพิ่มเงินจากรุ่น SPORT PACK B 39,000 บาท นี่คือทั้งหมดที่เพิ่มเข้ามาเพื่อนๆว่าคุ้มหรือไม่ครับ
ภายใน
ขณะที่ภายในห้องโดยสารก็ได้รับการตกแต่งให้สอดรับกับความสปอร์ตเช่นเดียวกันภายนอกตัวรถ โดยจะตกแต่งโทนสีดำสปอร์ต มาพร้อมความกว้างขวางสะดวกสบาย เช่นเดิม อีกทั้งยังอัดแน่นด้วยฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวก อาทิ เบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง แท่นชาร์จไร้สาย เพลิดเพลินกับระบบการเชื่อมต่อแบบไร้สายบนหน้าจอแสดงผลจอสีแบบสัมผัสมัลติทัชขนาด 12 นิ้ว รองรับ Wireless Apple CarPlay และ Android AutoTM ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ และ SYNC 4A และ ระบบ FordPass Connect
เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ดีเซล EcoBlue 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 170 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 405 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง
ระบบความปลอดภัย
ส่วนระบบความปลอดถัย และบบช่วยเหลือการขับขี่ เพิ่มวิสัยทัศน์ และความปลอดภัยในการขับขี่ด้วยกล้องมองรอบคัน 360 องศา มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะครบครัน อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control (Stop & Go) ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด (BLIS with Cross Traffic Alert)
การทดลองขับ Test Drive Ford Everest Sport
เริ่มจากการทดลองขับภายในเมือง ที่มีการจราจรที่หนาแน่น ต้องบอกว่าเห็นคันใหญ่แบบนี้ แต่เจ้า EVEREST SPORT คันนี้ยังคงขับง่าย เพราะด้วยตัวรถที่สูงทำให้ทัศนะวิสัยในการขับขี่ดี มองเห็นได้ไกล ความคล่องตัวในการขับขี่ในเมืองถือว่าทำได้ดีสำหรับรถไซส์นี้ ออกมานอกเมืองมาทดสอบอัตราเร่งกันหน่อย เครื่องยนต์ดีเซล EcoBlue 2.0 ลิตร เทอร์โบ การออกตัวอาจจะมีหน่วงเล็กๆแต่ก็ไม่ได้อืดอะไร แต่ช่วงกลางไปปลายบอกเลยว่าขับดีขับสนุกครับ เครื่องยนต์ทำงานผสานกับเกียร์ 6 จังหวะได้สมูทและลื่นไหลดี อัตราเร่งถึงแม้มันจะไม่ได้จื๊ดจ๊าดดึงหลังติดเบาะ แต่ก็เพิ่มขึ้นแบบต่อเนื่องและลื่นไหล กดคันเร่งเพลินๆถนนว่างๆ ความเร็วไปแตะ 140 กม./ชม. ได้อย่างไม่ยากเย็น แถมยังนิ่งมากครับ ในส่วนของการเร่งแซงไม่มีปัญหา สบายหายห่วง ในบางจังหวะอาจจะต้องคลิ๊กดาวน์ช่วยหน่อยก็แค่นั้น เป็นรถที่ขับสนุกคันหนึ่งเลยครับ อีกหนึ่งจุดที่ทำให้รถคันนี้ขับสนุกมากขึ้นนั้นคือระบบช่วงล่าง ที่ด้านหน้าเป็น Double Wishbone พร้อมคอยล์สปริง และ เหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็น Watt’s Link พร้อมคอยล์สปริง และ เหล็กกันโคลง ที่ปรับเซ็ทมาได้ดี สามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากหลุมบ่อของถนนเมืองไทยได้ดี สมูทนุ่มนวล การวิ่งทางตรงด้วยความเร็วตัวรถยังคงนิ่ง ควบคุมง่าย พวงมาลัยน้ำหนักกำลังดี การเข้าโค้งด้วยความเร็วมีอาการโคลงเล็กน้อย ถือว่าเป็นปกติของรถทรงนี้ แต่ยังคงให้ความมั่นใจ แน่น หนึบ ช่วงล่างดีสมชื่อครับ อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยประมาณ 11.9 กิโลเมตร/ลิตร
ข้อดี
- ดีไซน์ภายนอกได้รับการปรับปรุงให้ดูดุดันและสปอร์ตมากยิ่งขึ้น
- เครื่องยนต์ดีเซล 0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังและแรงบิดที่ดี ขับขี่ได้ทั้งในเมืองและทางไกล
- มีระบบความปลอดภัยครบครัน
- ห้องโดยสารกว้างขวาง รองรับผู้โดยสารได้ 7 ที่นั่ง พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระที่เพียงพอ
- ช่วงล่างแน่นหนึบ ขับขี่มั่นใจ เข้าโค้งได้ดี แม้ใช้ความเร็วสูง
- เก็บเสียงดี ห้องโดยสารเงียบ เก็บเสียงภายนอกได้ดี
ข้อเสีย
- อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 7-13.3 กม./ลิตร อาจสูงกว่ารถยนต์บางรุ่นในระดับเดียวกัน
- การบริการและการซ่อมบำรุงอาจมีค่าใช้จ่ายสูง
สรุป
Ford Everest Sport Special Edition เป็นรถ SUV ที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการรถที่มีรูปลักษณ์สปอร์ต สมรรถนะดี และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ภายในกว้างขวาง นั่งสบาย ถ้าเพื่อนๆกำลังมองหารถอเนอกประสงค์ 7 ที่นั่ง เน้นขับในเมือง ออกเที่ยวต่างจังหวัด ผมว่า Everest Sport Special Edition คันนี้เป็นตัวเลือกที่ใช่ได้เลยครับ สุดท้ายไปลองขับดูก่อน ว่าโดนใจหรือไม่ก่อนตัดสินใจนะครับ
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th