Grand Prix Online

Main Menu

  • HOME
  • AUTO NEWS
    • Bizz News
      • NEW COMER
      • MODEL/MINORCHANGE
      • WORLD MOVEMENT
      • Corporate News
    • Achive
      • Car
      • Motorcycle
    • Promotion
    • Motorsport
      • MOTORSPORT NEWS
      • RACE RESULT
  • Motorcycle
    • Round Up News
    • NEW MODEL
    • Bike Technic
  • SPECIAL SCOOP
    • TOKYO MOBILITY
    • Test drive
    • REPORT
    • Classic Car
    • Interview
    • Modified
    • Technology
    • Tip&Technic
    • Insurance Tips
    • Variety Scoop
    • BOY’S TOY
    • Video
  • ABOUT US
    • ADVERTISING
    • CONTACT US
    • PRIVACY POLICY
  • INVESTOR RELATIONS
  • Work with us

logo

Header Banner

Grand Prix Online

  • HOME
  • AUTO NEWS
    • Bizz News
      • NEW COMER
      • MODEL/MINORCHANGE
      • WORLD MOVEMENT
      • Corporate News
    • Achive
      • Car
      • Motorcycle
    • Promotion
    • Motorsport
      • MOTORSPORT NEWS
      • RACE RESULT
  • Motorcycle
    • Round Up News
    • NEW MODEL
    • Bike Technic
  • SPECIAL SCOOP
    • TOKYO MOBILITY
    • Test drive
    • REPORT
    • Classic Car
    • Interview
    • Modified
    • Technology
    • Tip&Technic
    • Insurance Tips
    • Variety Scoop
    • BOY’S TOY
    • Video
  • ABOUT US
    • ADVERTISING
    • CONTACT US
    • PRIVACY POLICY
  • INVESTOR RELATIONS
  • Work with us
World Movement
Home›Auto News›World Movement›จับตา! Volvo 2 ปี เข้าสู่ยุครถไฟฟ้า—เจาะตลาดจีน, สหรัฐฯ

จับตา! Volvo 2 ปี เข้าสู่ยุครถไฟฟ้า—เจาะตลาดจีน, สหรัฐฯ

By Poonthavee Suwathikul
July 12, 2017
4003
0
Share:

จากที่สัปดาห์นี้ทุกความสนใจในวงการรถยนต์ควรพุ่งเป้าไปที่ข่าว Tesla Model 3 คันแรกออกจากสายการผลิต แต่ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติอเมริกัน ต้องถูก Volvo ขโมยซีนด้วยการออกมาประกาศว่าในอีก 2 ปีข้างหน้ารถยนต์ใหม่ทุกรุ่นของพวกเขาจะมาพร้อมระบบมอเตอร์ไฟฟ้า

การเปลี่ยนแปลงของแบรนด์รถยนต์พรีเมียมเก่าแก่ที่ปัจจุบันอยู่ในเครือ Geely ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของประเทศจีน เกิดขึ้นไม่กี่วันก่อนที่รัฐบาลฝรั่งเศส ประกาศแผนยุติการขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันทั้งเบนซิน และดีเซล ภายในปี 2040 ตามข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) เพื่อแก้ไขปัญหาสภาวะโลกร้อนที่ร่วมลงนามมากกว่า 200 ประเทศ

“นับเป็นการยึดพื้นที่ข่าวพีอาร์ได้อย่างยอดเยี่ยม และเป็นวิธีการที่ค่อนข้างฉลาดของ Volvo” Tim Urquhart นักวิเคราะห์จาก IHS Markit บริษัทบริการข้อมูลธุรกิจของประเทศอังกฤษ ให้ความเห็น “ครึ่งหนึ่งเหมือนเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้แบรนด์ แต่อีกครึ่งหนึ่งถือเป็นแถลงการณ์ที่น่าประทับใจในการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนของพวกเขา”

ถ้อยคำในแถลงการณ์ที่ได้รับการยกย่องเป็นคำพูดของ Hakan Samuelsson ซีอีโอ Volvo Cars ระบุว่า “แถลงการณ์นี้เป็นบันทึกการสิ้นสุดยุคของการใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเท่านั้นในการขับเคลื่อนรถยนต์ Volvo Cars ขอประกาศแผนที่จะขายรถยนต์ไฟฟ้า 1 ล้านคันภายในปี 2025 เรามุ่งมั่นจะทำให้สำเร็จตามข้อความที่เราประกาศออกมา นั้นคือแนวทางที่เราจะก้าวเดินไปสู่เป้าหมาย”

แต่หากลงลึกสู่รายละเอียด Volvo ไม่ได้จะยุติการผลิตเครื่องยนต์สันดาปภายใน (Combustion Engine) ในเวลา 1-2 ปีข้างหน้า ตามแผนของพวกเขาระหว่างปี 2019-2021 จะมีการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 5 โมเดล โดยทั้งหมดจะมีตัวเลือกในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน/ดีเซล ขับเคลื่อนด้วยระบบ Plug-in Hybrid และ Mild Hybrid ที่ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาด 48 โวลต์

Hakan Samuelsson ประธานบริหารของ Volvo Cars

นอกจากนี้ 2 ใน 5 โมเดลของรถยนต์ไฟฟ้าจะถูกแยกเป็นแบรนด์ Polestar ที่ถูกอัพเกรดขึ้นมาจากปัจจุบันที่เป็นแผนกพัฒนารถยนต์สมรรถนะสูงของ Volvo ทำให้พวกเขามีตัวเลือกในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าที่หลากหลายมากที่สุดแบรนด์หนึ่งอีกด้วย

อย่างไรก็ตามแถลงการณ์ของ Volvo นับเป็นการเปลี่ยนนโยบายบริษัทแบบกะทันหัน หากดูจากรายงานประจำปี 2016 ที่เพิ่งตีพิมพ์ออกมาเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พวกเขาประเมินว่าสถานการณ์ของรถยนต์ไฟฟ้า “ไม่มีความแน่นอนในระดับสูง” ทั้งจำนวนผู้ใช้งาน และต้นทุนแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่เป็นหัวใจสำคัญ

แต่สถานการณ์ปัจจุบันที่ราคาแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยผลศึกษาล่าสุดของ UBS บริษัทที่ปรึกษาการลงทุนในสวิตเซอร์แลนด์ คาดการณ์ว่าในปี 2018 ต้นทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามีโอกาสจะลงมาอยู่ระดับเดียวกับเครื่องยนต์สันดาปภายใน โดยเราต้องติดตามดูกันต่อไปว่าจะจริงหรือไม่

ภาพแรกของ Tesla Model 3 ที่ออกจากโรงงาน ถูกขโมยซีนไปแบบไม่คาดคิด 

“หลายสิ่งเปลี่ยนแปลง ทำให้เราต้องเปลี่ยนการตัดสินใจของตัวเอง” Samuelsson อธิบายเหตุผล “ทั้งราคาแบตเตอรี่ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง และการเพิ่มจำนวนของสถานีชาร์จไฟฟ้า” แต่เขาออกตัวว่า Volvo เป็นเพียงแบรนด์รถยนต์พรีเมียมอันดับ 2 ของโลกรองจาก Tesla ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า “พวกเขาเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่เราให้ความเคารพ”

สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหนดูได้จากตัวเลขยอดขายรถยนต์ในทวีปยุโรปของ Toyota ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2017 ที่เพิ่งประกาศออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน นับเป็นครั้งแรกที่รถยนต์ไฮบริดของยักษ์ใหญ่แดนอาทิตย์อุทัยมียอดขายสูงถึง 40 เปอร์เซ็นต์จากตัวเลขรวม

นอกจากนี้มาตรการควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เริ่มมีความเข้มงวดมากขึ้น โดยนับตั้งแต่ปี 2021 รถยนต์ที่ผลิตขายในยุโรป ต้องปล่อยไอเสียต่ำกว่า 95 กรัม/กม. และมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 24 กม./ลิตร เช่นเดียวกับอีก 2 ตลาดใหญ่ สหรัฐฯ เพิ่มระดับอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็น 23 กม./ลิตร ในปี 2025 และจีน จะเพิ่มเป็น 20 กม./ลิตร

ตามข้อมูลของบริษัทวิจัยข้อมูล AID ในปี 2016 Volvo มียอดขายในทวีปยุโรป 290,004 คัน แต่คิดเป็นรถกลุ่มไฮบริด 4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ขณะที่ยอดขายรถยนต์ดีเซลร่วงลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ Volkswagen ยักษ์ใหญ่ของเยอรมนี ถูกจับได้ว่าติดตั้งซอฟต์แวร์หลบเลี่ยงการตรวจค่าไอเสีย เมื่อปลายปี 2015 จนกลายเป็นคดีอื้อฉาว ‘Dieselgate’ ที่ยืดเยื้อมาถึงทุกวันนี้ ทั้งที่ความจริงเครื่องยนต์ดีเซลมีอัตราปล่อย CO2 ต่ำกว่าเครื่องยนต์เบนซิน

“ดีเซล เคยเป็นอาวุธหลักที่ถูกเลือกใช้เพื่อสร้างรถยนต์ที่อยู่ภายใต้กฎที่กำหนด ตอนนี้พวกเขาต้องเปลี่ยนมาใช้แผนสำรองแทน” Matthias Schmidt นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมรถยนต์จาก AID ให้ความเห็น โดย Volvo มียอดขายรถยนต์ดีเซลในยุโรป  83 เปอร์เซ็นต์ เป็นรองแค่ Land Rover (96%) และ Jaguar (84%) ทำให้มีสิทธิ์จะเกิดอีกข่าวใหญ่ตามมา “ไม่ต้องเซอร์ไพรส์หากมีการประกาศข่าวทำนองเดียวกันจาก Jaguar Land Rover”

ด้วยองค์ประกอบเหล่านี้ ทำให้ไม่น่าแปลกใจที่ Volvo เลือกเดินหน้าสู่การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าแบบเต็มตัว โดยระหว่างงาน Auto Shanghai 2017 เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา พวกเขายืนยันจะใช้โรงงานในประเทศจีน ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กออกขายในปี 2019 ตามนโยบายสนับสนุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อส่งออกของรัฐบาลแดนมังกร

ที่สำคัญตลาดรถยนต์นั่งในประเทศจีน มีอัตราเติบโตสูงสุดของโลก เมื่อปี 2016 มียอดขายรถยนต์นั่งราว 28 ล้านคัน ขณะที่ยอดขายรถยนต์ในประเทศสหรัฐฯ อยู่ที่ 17.55 ล้านคัน ทำให้กลายเป็นประเทศที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตสูงสุดในเวลาเดียวกันด้วยจำนวน 352,000 คัน เกือบจะ 2 เท่าของยอดขายรถไฟฟ้าในสหรัฐฯ 160,000 คัน

บรรดานักวิเคราะห์อุตสาหกรรมรถยนต์มองว่าหาก Volvo และแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่ทำตลาดในประเทศจีน มียอดขายเพิ่มสูงขึ้น และต้นทุนแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนถูกลง จนมาสู่จุดคุ้มทุนที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาใกล้เคียงกับเครื่องยนต์สันดาปภายใน และเมื่อถึงเวลานั้นชื่อของ Volvo อาจกลับขึ้นมาอยู่หัวแถวของวงการรถยนต์โลกอีกครั้งก็เป็นได้

 

 

เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล

ขอบคุณข้อมูล: Volvo Media/ Automotivenews.com

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th

TagsElectric carEVTeslaTesla Model 3VolvoVolvo EVรถไฟฟ้า
0
Shares
  • 0
  • +
  • 0
  • 0

บทความแนะนำที่น่าสนใจ

บทความ รีวิว รถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านสมรรถนะ ที่น่าสนใจ
บทความ รถออกใหม่ ที่น่าสนใจ
บทความ รถครอบครัว ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านราคารถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านดีไซน์รถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านการซื้อรถ ที่น่าสนใจ
บทความเรื่องรถที่น่าสนใจ

About

logo_grandprix_online2016full

Grandprix Online กรังด์ปรีซ์ออนไลน์ ผู้นำข่าวสารยานยนต์

Thailand Automotive news leader and auto show. Our mission is the leading source of news about the global automotive industry.

Recent Posts

  • Voyah Free+ รถเอสยูวีรุ่นใหม่อัดมาด้วยเทคโนโลยีจาก Huawei
  • MG4 รุ่นใหม่เผยโฉมพร้อมดีไซน์ใหม่ ขนาดใหญ่ขึ้น และความร่วมมือกับ Oppo
  • Leapmotor B01 รถซีดานไฟฟ้าเริ่มทำตลาดที่จีนด้วยสองระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า
  • KLX230 ใหม่ เอาใจสายลุย พร้อมปรับราคาใหม่สุดเร้าใจ
  • ฮีโน่และกรมการขนส่งทางบก ผนึกกำลังสานต่อ “โครงการสร้างนักขับมืออาชีพ ปีที่ 3” ยกระดับมาตรฐานการขนส่งไทย

Advertising

สนใจลงโฆษณา
ติดต่อ : 02-522-1731-8

  • Facebook
  • Youtube
  • Instagram