Grand Prix Online

Main Menu

  • HOME
  • AUTO NEWS
    • Bizz News
      • NEW COMER
      • MODEL/MINORCHANGE
      • WORLD MOVEMENT
      • Corporate News
    • Achive
      • Car
      • Motorcycle
    • Promotion
    • Motorsport
      • MOTORSPORT NEWS
      • RACE RESULT
  • Motorcycle
    • Round Up News
    • NEW MODEL
    • Bike Technic
  • SPECIAL SCOOP
    • TOKYO MOBILITY
    • Test drive
    • REPORT
    • Classic Car
    • Interview
    • Modified
    • Technology
    • Tip&Technic
    • Insurance Tips
    • Variety Scoop
    • BOY’S TOY
    • Video
  • ABOUT US
    • ADVERTISING
    • CONTACT US
    • PRIVACY POLICY
  • INVESTOR RELATIONS
  • Work with us

logo

Header Banner

Grand Prix Online

  • HOME
  • AUTO NEWS
    • Bizz News
      • NEW COMER
      • MODEL/MINORCHANGE
      • WORLD MOVEMENT
      • Corporate News
    • Achive
      • Car
      • Motorcycle
    • Promotion
    • Motorsport
      • MOTORSPORT NEWS
      • RACE RESULT
  • Motorcycle
    • Round Up News
    • NEW MODEL
    • Bike Technic
  • SPECIAL SCOOP
    • TOKYO MOBILITY
    • Test drive
    • REPORT
    • Classic Car
    • Interview
    • Modified
    • Technology
    • Tip&Technic
    • Insurance Tips
    • Variety Scoop
    • BOY’S TOY
    • Video
  • ABOUT US
    • ADVERTISING
    • CONTACT US
    • PRIVACY POLICY
  • INVESTOR RELATIONS
  • Work with us
Classic Car
Home›Special Scoop›Classic Car›เมื่อ McLaren F1 อายุครบ 25 ปี

เมื่อ McLaren F1 อายุครบ 25 ปี

By นันทพงศ์ ภักดีบุตร
June 14, 2016
5632
0
Share:

 

เผลอแป๊บเดียวเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และไม่น่าเชื่อว่ารถสปอร์ตรุ่น F1 ของ McLaren ที่ออกแบบโดย Gordon Murray จะกลายเป็นตำนานและความคลาสสิคไปแล้ว

สำหรับพวก Petrol Head แล้ว ถ้าลองถามถึงซูเปอร์คาร์ในฝันของพวกเขา นอกจากผลผลิตจากค่ายเฟอร์รารี่, ปอร์เช่ หรือลัมบอร์กินีแล้ว น่าจะมีชื่อของแม็คลาเรน F1 ติดโผเข้ามาด้วย

เพราะนอกจากความสวยและล้ำสมัยของงานออกแบบ รวมถึงการนำเทคโนโลยีอันทันสมัย (ในยุคนั้น) มาใช้แล้ว นี่คือ ซูเปอร์คาร์ที่ได้รับการยอมรับว่ามีฝีเท้าจัดจ้านที่สุดโดยเฉพาะสถิติการทำความเร็วสูงสุดที่ทำเอาไว้เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 1998 ด้วยตัวเลข 240.1 ไมล์/ชั่วโมง หรือ 386 กิโลเมตร/ชั่วโมง

McLaren - F1 5

ถือเป็นตัวเลขที่อยู่ยงคงกะพันมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งยังไม่มีรถสปอร์ตในสายการผลิตที่ใช้เครื่องยนต์แบบ NA-Naturally Aspirated หรือ Normally Aspirated แบบหายใจเองรุ่นไหนในโลกสามารถลบสถิตินี้ลงได้ เพราะรถสปอร์ตที่ลบสถิติความเร็วปลายของแม็คลาเรน F1 เป็นสปอร์ตเครื่องยนต์ที่ติดตั้งระบบอัดอากาศอย่างโคนิกเซ็กก์ CCR, บูกัตตี้ เวย์รอน และ SS Ultimate Aero TT

McLaren - F1 2

สำหรับจุดเริ่มต้นของโครงการนี้ถือกำเนิดจากไอเดียของรอน เดนนิส ผู้ควบคุมทีมแข่ง F1 ของแม็คลาเรน ซึ่งต้องการสร้างปรากฎการณ์ในตลาดรถสปอร์ตด้วยการผลิตซูเปอร์คาร์ที่เป็นสุดยอดขึ้นมาสักรุ่น ซึ่งอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยที่ถูกส่งผ่านมาจากสนามแข่ง F1

McLaren - F1 7

จุดเริ่มต้นของไอเดียนี้เกิดขึ้นในปี 1988 ยุคที่แม็คลาเรนแท็คทีมกับฮอนด้าในการผูกขาดความยิ่งใหญ่ในสนามแข่ง F1 ด้วยฝีมือของไอร์ตัน เซนน่า และอแลง พรอสต์ โดยทางแม็คลาเรนพยายามที่จะใช้องค์ความรู้ในด้านเทคโนโลยีจากสนามแข่งของตัวเองในด้านการผลิตแชสซีส์มาผสมผสานกับเทคโนโลยีเครื่องยนต์ของฮอนด้าเพื่อสร้างสุดยอดเครื่องจักรภาคพื้นดินรุ่นใหม่ขึ้นมา

กอร์ดอน เมอร์เรย์ ผู้ออกแบบรถแม็คลาเรน F1 เล่าว่า พวกเขาพยายามยื่นข้อเสนอไปให้กับทางอาร์แอนด์ดีของฮอนด้าที่โตชิกิ ประเทศญี่ปุ่นพิจารณา ในการผลิตเครื่องยนต์น้ำหนักเบาแบบวี12 หรือ 10 สูบที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 4,500 ซีซี แต่สุดท้ายก็ทางฮอนด้าเซย์โนมา ทำให้แม็คลาเรนต้องหันไปพึ่งบริการของแผนกมอเตอร์สปอร์ตของบีเอ็มดับเบิลยูแทน และก็ได้ขุมพลังรหัส S70/2 มาวางอยู่กลางลำแทน

McLaren - F1 12

ในตอนแรกเมอร์เรย์ต้องการเครื่องยนต์ในฝันซึ่งมีความยาวของเสื้อสูบไม่เกิน 60 มิลลิเมตร และน้ำหนักโดยรวมขนาด 250 กิโลเมตร มีกำลังในระดับ 550 แรงม้า เพื่อให้พอเหมาะกับห้องเครื่องยนต์ที่อยู่กลางลำของรถสปอร์ตที่เขาร่างแบบขึ้นมาในเที่ยวบินกลับจากการแข่งขันอิตาเลี่ยน กรังด์ปรีซ์ในปี 1988

McLaren - F1 11

แต่สุดท้ายแม้ว่าผลงานของบีเอ็มดับเบิลยูจะมีเกินเลยไปหน่อยเพราะน้ำหนักของเครื่องยนต์อยู่ในระดับ 266 กิโลกรัม แต่ก็แลกมาด้วยจำนวนแรงม้าที่เพิ่มขึ้นจากที่หวังเอาไว้ 14% เป็น 627 แรงม้า โดยตัวเครื่องยนต์เป็นแบบวี12 ทวินแคม 48 วาล์ว 6,046 ซีซี 627 แรงม้า ที่ 7,400 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 66.3 กก.-ม. ที่ 5,600 รอบ/นาที

McLaren - F1 13

 

ครั้งแรกของรถสปอร์ตในสายการผลิตกับ CBFR

ในปี 1981 แม็คลเรนถือเป็นทีมแรกในวงการแข่งขัน F1 ที่นำวัสดุอย่างคาร์บอนไฟเบอร์มาใช้ในการสร้างค็อกพิตและชิ้นส่วนตัวถังของรถแข่ง F1 ซึ่งแนวคิดนี้ได้กลายเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายและทำให้คาร์บอนไฟเบอร์กลายเป็นวัสดุมาตรฐานสำหรับรถแข่งในยุคนั้นไล่มาจนถึงยุคนี้

ไอเดียตรงนี้ได้ถูกถ่ายทอดมายังการผลิตแม็คลาเรน F1 ด้วย และทำให้นี่คือรถสปอร์ตในสายการผลิตรุ่นแรกของโลกที่ใช้วัสดุนี้ในการผลิตค็อกพิตและโครงสร้างตัวถังโมโนค็อกทั้งคัน

การรวมตัวกันของทีมวิศวกรที่ต้องรับผิดชอบในการพัฒนาซูเปอร์คาร์รุ่นนี้เกิดขึ้นในเดือนมีนาคม 1990 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของแม็คลาเรน F1 อย่างแท้จริง สำหรับโครงสร้างตัวถังของแม็คลาเรน F1 ถือว่าเบามากเพียง 100 กิโลกรัมเท่านั้น ขณะที่ประตูแต่ละบานพร้อมคานเหล็กกันกระแทกมีน้ำหนักเพียง 7 กิโลกรัม และนั่นทำให้น้ำหนักของตัวรถอยู่ที่ 1,140 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งถือว่าเบามากเมื่อเปรียบเทียบกับขนาดตัวถังในระดับ 4,292 มิลลิเมตร

McLaren - F1 9

เมื่อบวกกับเครื่องยนต์อันทรงพลังทำให้ม้า 1 ตัวของแม็คลาเรน F1 แบกรับน้ำหนักน้อยมาก เพียง 1.81 กิโลกรัมเท่านั้น ส่งผลต่อเนื่องไปยังสมรรถนะที่เร้าใจ ด้วยอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมงใช้เวลาเพียง 3.2 วินาที และ 9.4 วินาทีสำหรับ 0-200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้เวลา 11.1 วินาท ที่ความเร็ว 222 กิโลเมตร/ชั่วโมงสำหรับควอเตอร์ไมล์ และมีความเร็วสูงสุดแบบมีการควบคุมรอบเครื่องยนต์อยู่ที่ 372 กิโลเมตร/ชั่วโมง และ 391 กิโลเมตร/ชั่วโมงเมื่อถอดตัวควบคุมรอบเครื่องยนต์ออกไป

นอกจากนั้นอีกจุดเด่นของแม็คลาเรน F1 คือ เป็นสปอร์ตที่ไม่ต้องพะวงเรื่องของการทำตลาดพวงมาลัยซ้ายหรือขวา เพราะว่าเมอร์เรย์วางตำแหน่งคนขับเอาไว้ตรงกลางห้องโดยสารและประกบซ้ายขวาด้วยเบาะนั่งของผู้โดยสารที่ถูกถอยร่นไปทางด้านหลังเล็กน้อยเพื่อความสะดวกในการเข้าออกของผู้ขับ และแม้ว่าจะอยู่ตรงกลาง แต่ดูเหมือนว่าแม็คลาเรนจะทำออกมาซัพพอร์ตตลาดพวงมาลัยซ้ายมากกว่าขวา เพราะดูได้จากการวางของคันเกียร์ซึ่งแทนที่จะอยู่ฝั่งซ้ายมือของคนขับเหมือนกับรถพวงมาลัยขวา กลับอยู่ทางฝั่งขวาเหมือนกับรถพวงมาลัยซ้าย

McLaren - F1 8

อย่างไรก็ตาม เมอร์เรย์ให้ความเห็นว่าการวางตำแหน่งผู้ขับให้อยู่ตรงกลางถือเป็นจุดที่มีทัศนวิสัยดี และสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ขณะที่การเข้าออกจากห้องโดยสาร อาจจะลำบากเหมือนกันไม่ว่าจะมาจากทางซ้ายหรือขวาเพราะว่าจะมีคอนโซลขนาดเล็กวางขวางอยู่ เพียงแต่ว่าการเข้าจากฝั่งที่เหมือนกับรถยนตะวงมาลัยขวาอาจจะลำบากหน่อย เพราะมีแท่นคันเกียร์ขวางทางอยู่

แม็คลาเรน F1 เปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 28 พฤษภาคม 1992 ที่โมนาโก และรถสปอร์ตในสายการผลิตคันแรกถูกส่งมอบให้กับลูกค้าในเดือนธันวาคม 1993 ซึ่งในตอนนั้น แม็คลาเรน F1 มีค่าตัวอยู่ในระดับ 540,000 ปอนด์ หรือถ้าคิดตามค่าเงินปอนด์ในยุคนั้น ซึ่งอยู่ที่ 40 บาท/ปอนด์ ราคาก็ตกประมาณ 21.6 ล้านบาท

แต่คิดแล้วก็คุ้มเพราะอีก 14 ปีให้หลังในการประมูลเมื่อเดือนตุลาคม 2008 ค่าตัวของแม็คลาเรน F1 ไปจบเอาที่ 2.53 ล้านปอนด์ หรือคิดตามค่าเงินในตอนนี้ 47 บาท/ปอนด์ก็อยู่ที่ 118.9 ล้านบาทแพงขึ้นเกือบ 5 เท่าตัวเลยทีเดียว

การพัฒนาสู่สนามแข่ง

แม้แม็คลาเรนจะประสบความสำเร็จอย่างมากในการแข่งขัน F1 แต่กับมอเตอร์สปอร์ตรายการอื่นๆ พวกเขามีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันน้อยมาก และในเมื่อมีการผลิตแม็คลาเรน F1 ออกมาขายในตลาด ทางผู้บริหารก็เลยเกิดความคิดที่จะขยายโอกาสสู่การสัมผัสกับประสบการณ์การแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตรายการอื่นๆ บ้าง และก็พุ่งเป้าไปที่การแข่งมาราธอน 24 ชั่วโมงของเลอ มังส์ และการแข่ง GT ของ FIA

แม็คลาเรนเข้าร่วมการแข่งขันในปี 1995 โดยเข้าร่วมในคลาส GT1 ของ FIA ซึ่งรถแข่งรุ่น F1 GTR ประสบความสำเร็จสามารถคว้าแชมป์โลกในปีนั้นมาครอง เช่นเดียวกับการเข้าเส้นชัยเป็นคันแรกหลังเสร็จสิ้นการแข่ง 24 ชั่วโมงที่เลอ มังส์ ซึ่งรถแข่งคันนั้นขับโดยเจเจ เลห์โต้, แยนนิก ดัลมาส และมาซาโนริ เซกิยะ ส่วนอันดับอื่นๆ ที่ได้ก็มีทั้งที่ 3, 4, 5 และ 13 โดยคันที่คว้าแชมป์ในปี 1995 ถูกเก็บเอาไว้ที่ McLaren Technology Centre เมือง Working ประเทศอังกฤษ

McLaren - F1 1

            ชัยชนะครั้งนี้ทำให้แม็คลาเรนสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในโลกมอเตอร์สปอร์ตด้วยการคว้าแชมป์โลกทั้ง F1, แชมป์เลอ มังส์ และแชมป์อินเดียนาโพลิส 500 หรืออินดี้ 500 ซึ่งถือเป็นการแข่งรถที่มีอายุยาวนานรายการหนึ่งของโลก ซึ่งทีมนี้ชนะ 2 ครั้งในปี 1974 และ 1976 จากฝีมือของจอห์นนี่ รูเธอร์ฟอร์ด

ผลจากการที่รถแข่งทั้ง 5 คันจบการแข่งขันแบบมีอันดับ ทำให้แม็คลาเรนผลิตเวอร์ชันพิเศษออกมาขาย 5 คันในชื่อ F1 LM และมีการสีส้มโทนสีเดียวกับรถแข่งที่บรูซ แม็คลาเรนใช้ในการแข่งขันยุคแรกช่วงทศวรรษที่ 1960 และ 1970 รวมถึงมีการดัดแปลงสมรรถนะของเครื่องยนต์ให้แรงและเร้าใจขึ้นมาอยู่ในระดับ 680 แรงม้า (ตัวแข่ง 600 แรงม้า) ซึ่งนอกจากจะเป็นแม็คลาเรน F1 ที่แรงที่สุดแล้ว ยังเป็นรุ่นที่มีคุณค่ามากที่สุดอีกด้วย รวมถึงรอน เดนนิสยังเอ่ยปากจะยก LM Version ที่จอดโชว์อยู่ในสำนักงานใหญ่ของแม็คลาเรนที่ Working ให้อีกด้วย หากว่าลูอิส แฮมิลตันสามารถคว้าแชมป์โลกได้ 2 สมัย แต่เขาก็ทำได้

1997 ปีสุดท้ายของการผลิต

ในปี 1997 ถือเป็นปีสุดท้ายที่แม็คลาเรนประกาศผลิตเวอร์ชันสำหรับการใช้งานบนท้องถนนของแม้คลาเรน F1 รุ่นธรรมดา ขณะที่ในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตพวกเขาก็ยังผลิตออกมาลุยอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะตัวแข่ง GTR  พร้อมกับเวอร์ชันสำหรับขายจำนวนหนึ่ง รวมทั้งหมด 13 คัน เพื่อให้สอดคล้องกับกฎการแข่งขัน หรือ Homologation Rule

ทั้งตัวแข่งและรุ่นสำหรับผลิตขายมากับการดัดแปลงตัวถังส่วนหน้าและส่วนหลังให้มีโอเวอร์แฮงค์ยาวยื่นจากรุ่นปกติเพื่อการสร้างแรงกดบนตัวถัง ซึ่งเวอร์ชันนี้ถูกเรียกเอาไว้ว่า Longtail Version โดยเวอร์ชันผลิตขายจริงนั้น ในตอนแรกแม็คลาเรนตั้งใจว่าจะผลิตออกมาเพียงแค่คันเดียวเท่านั้นเพื่อให้สอดคล้องกับกฎ แต่ทว่าเรื่องนี้ได้ยินถึงหูบรรดานักสะสมก็เลยมีการร้องขอให้ผลิตเพิ่ม ทางแม็คลาเรนก็เลยผลิตออกมาอีก 2 คันสำหรับเจ้าของ F1 ที่ร้องขอมา

McLaren - F1 15

จากนั้นในปี 2008 เมื่อวันที่ 31 มีนาคม แม็คลาเรนก็สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ด้วยการผลิตตัวต้นแบบของแม็คลาเรน F1 ซึ่งเป็นคันที่ 5 ที่เรียกว่า XP5 สำหรับใช้ในการทำสถิติด้านความเร็ว โดยก่อนที่จะมีการทดสอบในครั้งนี้ ทางทีมงานได้นำตัวต้นแบบนี้ไปแล่นทดสอบใน Ehra-Lessien  ซึ่งเป็นสนาม Proving Ground ในประเทศเยอรมนีรวมระยะทาง 45,000 ไมล์ หรือ  72,000 กิโลเมตร

เมื่อถึงวันจริง นักขับที่รับหน้าที่ในการทดสอบและทำสถิติคือ แอนดี้ วอลเลซ และเขาก็พาแม็คลาเรน F1 ตัวต้นแบบพร้อมเครื่องยนต์วี12 ทำความเร็วสูงสุดเอาไว้ที่ 240.1 ไมล์/ชั่วโมง หรือ 386 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งในปัจจุบันกลายเป็นสถิติที่ยาวนานถึง 12 ปี โดยที่ยังไม่มีรถสปอร์ตจากโรงงานเครื่องยนต์หายใจเอง หรือ NA รุ่นไหนสามารถลบสถิตินี้ลงได้

McLaren - F1 14

รายละเอียดทางเทคนิค McLaren F1 (1992-1998)

McLaren--F1-1

McLaren--F1-2

 

เรื่อง : กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย กรังด์ปรีซ์ออนไลน์ GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th

 

 

TagsClassic Carknowlege - LifestyleMcLarenMcLaren F1ซูเปอร์คาร์
0
Shares
  • 0
  • +
  • 0
  • 0

บทความแนะนำที่น่าสนใจ

บทความ รีวิว รถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านสมรรถนะ ที่น่าสนใจ
บทความ รถออกใหม่ ที่น่าสนใจ
บทความ รถครอบครัว ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านราคารถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านดีไซน์รถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านการซื้อรถ ที่น่าสนใจ
บทความเรื่องรถที่น่าสนใจ

About

logo_grandprix_online2016full

Grandprix Online กรังด์ปรีซ์ออนไลน์ ผู้นำข่าวสารยานยนต์

Thailand Automotive news leader and auto show. Our mission is the leading source of news about the global automotive industry.

Recent Posts

  • Porsche เผยโฉม Cayenne Electric สู่สาธารณชน-พรางตัวทดสอบสมรรถนะก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
  • สเปค และข้อมูลของ Ferrari Amalfi ซูเปอร์คาร์สไตล์ GT ขุมกำลัง V8 รุ่นล่าสุดจากมาราเนลโล่
  • Ferrari Amalfi ม้าลำพองตัวใหม่จากมาราเนลโล่-ยกระดับรถสปอร์ต GT ขุมกำลัง V8 630 แรงม้า
  • ‘เจม-นันทวุฒิ’ พลิกแซง 10 นาทีท้าย-คว้าแต้มศึกฟอร์มูล่า ยูโรเปี้ยน ที่ฮังการี
  • ‘เติ้น-ทัศนพล’ นักแข่งไทยคนแรกคว้าชัยชนะในศึกฟอร์มูล่า 3 รอบสปรินต์ เรซ ที่ซิลเวอร์สโตน

Advertising

สนใจลงโฆษณา
ติดต่อ : 02-522-1731-8

  • Facebook
  • Youtube
  • Instagram