Grand Prix Online

Main Menu

  • HOME
  • AUTO NEWS
    • Bizz News
      • NEW COMER
      • MODEL/MINORCHANGE
      • WORLD MOVEMENT
      • Corporate News
    • Achive
      • Car
      • Motorcycle
    • Promotion
    • Motorsport
      • MOTORSPORT NEWS
      • RACE RESULT
  • Motorcycle
    • Round Up News
    • NEW MODEL
    • Bike Technic
  • SPECIAL SCOOP
    • TOKYO MOBILITY
    • Test drive
    • REPORT
    • Classic Car
    • Interview
    • Modified
    • Technology
    • Tip&Technic
    • Insurance Tips
    • Variety Scoop
    • BOY’S TOY
    • Video
  • ABOUT US
    • ADVERTISING
    • CONTACT US
    • PRIVACY POLICY
  • INVESTOR RELATIONS
  • Work with us

logo

Header Banner

Grand Prix Online

  • HOME
  • AUTO NEWS
    • Bizz News
      • NEW COMER
      • MODEL/MINORCHANGE
      • WORLD MOVEMENT
      • Corporate News
    • Achive
      • Car
      • Motorcycle
    • Promotion
    • Motorsport
      • MOTORSPORT NEWS
      • RACE RESULT
  • Motorcycle
    • Round Up News
    • NEW MODEL
    • Bike Technic
  • SPECIAL SCOOP
    • TOKYO MOBILITY
    • Test drive
    • REPORT
    • Classic Car
    • Interview
    • Modified
    • Technology
    • Tip&Technic
    • Insurance Tips
    • Variety Scoop
    • BOY’S TOY
    • Video
  • ABOUT US
    • ADVERTISING
    • CONTACT US
    • PRIVACY POLICY
  • INVESTOR RELATIONS
  • Work with us
Report
Home›Special Scoop›Report›ทำไมบางประเทศมีกฏหมายควบคุมความเข้มของฟิล์มกรองแสงรถยนต์

ทำไมบางประเทศมีกฏหมายควบคุมความเข้มของฟิล์มกรองแสงรถยนต์

By นันทพงศ์ ภักดีบุตร
February 18, 2020
4291
0
Share:

จากสภาพอากาศที่ร้อน และแสงแดดที่แรงเกือบตลอดทั้งปีในบ้านเรา ทำให้หนึ่งในสิ่งแรกๆ ที่ผู้ซื้อรถใหม่มักทำคือการติด ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ เพราะไม่อย่างนั้นนอกจากระบบปรับอากาศของรถอาจสู้ความร้อนของอากาศไม่ไหวแล้ว แขนยังอาจไหม้ได้หากขับรถตอนกลางวัน ซึ่งเป็นโชคดีของผู้ใช้รถยนต์ในบ้านเราที่ปัจจุบันกฎหมายไม่ได้กำหนดความเข้มของฟิล์มกรองแสงไว้ จะยกเว้นก็แต่ฟิล์มปรอท ที่ฉาบโลหะซึ่งทำให้เกิดการสะท้อนแสงที่มาก

ซึ่งผิดกฏหมาย พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 12 ที่ระบุว่ารถใดที่จดทะเบียนแล้วปรากฏภายหลังว่ารถนั้นมีส่วนควบหรือหรือส่วนอุปกรณ์สำหรับรถไม่ครบถ้วนถูกต้องตามที่กำหนดในกฏกระทรวง หรือเพิ่มสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือผู้อื่น ห้ามมิให้ผู้ใดใช้รถนั้นจนกว่าจะจัดให้มีครบถ้วนถูกต้องหรือเอาออกแล้ว ซึ่งฟิล์มปรอทจะเข้าข่ายนี้เพราะสามารถสะท้อนแสงจนแยงตาผู้ใช้รถคันอื่นได้ จึงทำให้ผู้ใช้รถสามารถเลือกระดับความเข้มของฟิล์มกรองแสงได้ตราบเท่าที่ยังคงไม่รู้สึกว่าสร้างปัญหาในการมองเห็นของตนเองขณะขับรถ และไม่ใช้ฟิล์มปรอท

 

ที่ว่าเป็นโชคดีของผู้ขับรถในบ้านเราที่ไม่มีกฏหมายกำหนดความเข้มของฟิล์มกรองแสง เพราะในหลายๆ ประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น รวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้านใกล้ๆ กันอย่างมาเลเซียไม่ได้ให้อิสระในเรื่องฟิล์มกรองแสงอย่างในบ้านเรา แต่มีกฏหมายความควบคุมความเข้มของฟิล์มทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลังของรถ

กฏหมายควบคุมความเข้มฟิล์มกรองแสงในบางประเทศ

ในสหรัฐอเมริกามีกฏหมายที่แตกต่างกันในเรื่องความเข้มของฟิล์มกรองแสงหรือค่าแสงที่ส่องผ่านได้ (Visible Light Transmission) ของฟิล์มกรองแสงในแต่ละรัฐ อย่างรัฐอลาบามากำหนดความเข้มของฟิล์มกรองแสงของทั้งกระจกข้างของเบาะหน้า หลัง รวมทั้งกระจกหลังไว้ว่าต้องมีแสงผ่านไม่น้อยกว่า 32 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่กระจกหน้ารถสามารถติดฟิล์มทึบที่ไม่มีแสงผ่านได้โดยมีความกว้างไม่เกิน 6 นิ้วจากขอบบนของกระจก ในขณะที่รัฐแคลิฟอร์เนียกำหนดให้ฟิล์มกระจกข้างรถของเบาะหน้าต้องมีแสงผ่านไม่น้อยกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่กำหนดความเข้มของฟิล์มที่กระจกข้างของเบาะหลังและกระจกหลัง เช่นเดียวกับกระจกหน้าที่ไม่กำหนดความเข้มแต่ฟิล์มต้องมีพื้นที่กว้างจากขอบบนไม่เกิน 4 นิ้ว ส่วนรัฐมินเนโซต้ากำหนดความเข้มของฟิล์มทั้งกระจกที่เบาะหน้า เบาะหลัง รวมทั้งกระจกหลังไว้ว่าต้องให้แสงผ่านไม่น้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ โดยไม่อนุญาติให้ติดฟิล์มบนกระจกหน้า

 

สำหรับสหราชอาณาจักรซึ่งเป็นอีกประเทศที่มีกฎหมายกำหนดความเข้มของฟิล์มกรองแสงรถยนต์ แยกใช้กฏหมายที่แตกต่างกันระหว่างรถเก่าและรถใหม่ โดยรถที่จดทะเบียนก่อนเดือนเมษายนปี 1985 กระจกหน้ารถและกระจกข้างของเบาะหน้าต้องให้แสงผ่านได้ไม่น้อยกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ส่วนรถที่จดทะเบียนหลังเมษายน 1985 ฟิล์มที่กระจกหน้าและกระจกข้างของเบาะหน้าต้องให้แสงผ่านได้ไม่น้อยกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่มีการกำหนดความเข้มของฟิล์มที่ติดบนกระจกข้างของเบาะหลัง รวมทั้งกระจกหลัง

ส่วนประเทศญี่ปุ่นมีกฏหมายกำหนดว่าห้ามติดฟิล์มที่กระจกหน้ารวมทั้งกระจกข้างของเบาะหน้า ในขณะที่กระจกข้างเบาะหลังและกระจกหลังไม่มีระบุความเข้มของฟิล์มไว้

ส่วนประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างมาเลเซียเพิ่งมีการปรับกฏหมายเกี่ยวกับฟิล์มกรองแสงไปเมื่อปีที่แล้ว โดยกำหนดความเข้มของฟิล์มว่าที่กระจกหน้าต้องให้แสงผ่านได้ไม่น้อยกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ แสงผ่านได้ไม่น้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ที่กระจกข้างเบาะหน้า และไม่น้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ทั้งที่กระจกข้างเบาะหลังและกระจกหลัง

ทำไมต้องกำหนดความเข้มของฟิล์ม

เนื่องจากในบ้านเราไม่กำหนดความเข้มของฟิล์มกรองแสงรถยนต์ จึงทำให้ไม่เกิดคำถามในสังคมหรือตามโซเชียลมีเดียต่างๆ จากผู้ที่อยากติดฟิล์มเข้มว่าทำไมต้องกำหนดความเข้มของฟิล์มกรองแสง แต่ลองมาดูเหตุผลที่หลายประเทศควบคุมความเข้มของฟิล์มกรองแสงกัน ซึ่งจริงๆ แล้วก็เพื่อความปลอดภัยทั้งแก่ตัวผู้ขับรถเองและผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นจึงทำให้มีการใช้กฏหมายจริงและจับจริงสำหรับผู้ที่ทำผิดกฎหมาย

-เหตุผลแรกที่มักถูกใช้ก็คือกฎหมายถูกออกมาเพื่อให้ความแน่ใจว่าผู้ขับรถจะยังคงมีความสามารถในการมองเห็นที่ดีเมื่อขับรถตอนกลางคืนหรือในสถานการณ์ที่สภาพแสงสว่างไม่ดีอย่างในอุโมงค์

-การกำหนดความเข้มของฟิล์มรถยนต์ยังมีเพื่อให้ผู้ขับรถสามารถมองเห็นคนเดินถนนรวมทั้งรถคันอื่นได้มากขึ้น ซึ่งเป็นเหตุผลเพื่อความปลอดภัยทั้งสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นรวมทั้งผู้ขับรถเองด้วย

-เพื่อป้องกันการลักพาตัว หรือการปล้นจี้ที่อาจเกิดขึ้นในรถยนต์ที่ติดฟิล์มเข้มจนไม่สามารถมองเห็นภายในรถยนต์ได้

-ป้องกันการหลบเลี่ยงจากกล้องวงจรปิดของผู้ขับรถเมื่อมีการทำผิดกฏหมาย อย่างการฝ่าสัญญาณไฟแดง หรือขับรถเร็วเกินกว่าที่กฏหมายกำหนด ฟิล์มกรองแสงรถยนต์

 

เรื่อง : กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th

Tagsกฏหมายฟิล์มกรองแสงรถยนต์
0
Shares
  • 0
  • +
  • 0
  • 0

บทความแนะนำที่น่าสนใจ

บทความ รีวิว รถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านสมรรถนะ ที่น่าสนใจ
บทความ รถออกใหม่ ที่น่าสนใจ
บทความ รถครอบครัว ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านราคารถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านดีไซน์รถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านการซื้อรถ ที่น่าสนใจ
บทความเรื่องรถที่น่าสนใจ

About

logo_grandprix_online2016full

Grandprix Online กรังด์ปรีซ์ออนไลน์ ผู้นำข่าวสารยานยนต์

Thailand Automotive news leader and auto show. Our mission is the leading source of news about the global automotive industry.

Recent Posts

  • Lynk & Co 10 EM-P รถซีดานปลั๊กอินไฮบริดใช้ไฟฟ้าเดินทางได้เกือบ 200 กิโลเมตร
  • Koenigsegg Sadair’s Spear ไฮเปอร์คาร์รุ่นใหม่เน้นปรับปรุงสมรรถนะสำหรับสนามแข่ง
  • Lancia Ypsilon HF ตัวแรงของรถไฟฟ้ารุ่นเล็ก
  • ฟอร์ด ฉลองครบรอบ 29 ปี Growing Together-ส่งโปรฯ ช่วยผ่อน 29 งวด พร้อมแคมเปญพิเศษตอบแทนลูกค้า
  • New Mazda CX-3 Essential ขาย 4 รุ่น เริ่มต้นเพียง 699,000 บาท

Advertising

สนใจลงโฆษณา
ติดต่อ : 02-522-1731-8

  • Facebook
  • Youtube
  • Instagram