ภายหลังการเปิดตัวของ Versilia ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา ถือได้ว่าเป็นการสร้างกระแสความสนใจและได้การตอบรับจากนักบิดชาวไทยไม่น้อยเหมือนกัน ด้วยความโดดเด่นของการออกแบบในสไตล์ย้อนยุค ผสมผสานกลิ่นอายของอิตาเลี่ยนสกู๊ตเตอร์คลาสพรีเมี่ยม รวมไปถึงฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง … ล่าสุดเพื่อกระตุ้นตลาดต้นสังกัด Keeway ส่งเวอร์ชั่นอัพเกรดใหม่ภายใต้รหัส Versilia 150 Max เอาใจสาวกสกู๊ตเตอร์อีกครั้ง ภายใต้สโลแกน “ใส่เต็ม MAX  ให้สุด ไม่หยุดแค่คำว่าพอ” 

สองเฉดสีใหม่ Max Gray และ Mag Black

สะท้อนความพรีเมี่ยมตามแบบฉบับอิตาเลี่ยนสไตล์

Keeway Versilia 150 Max ใหม่ มีให้เลือกสองเฉดสีได้แก่ Max Gray และ Mag Black พร้อมความโดดเด่นที่เติมเต็มแม็ก ไล่เรียงกันไปตั้งแต่ในส่วนของเรือนไมล์ใหม่แบบ LCD ที่ดูเท่เข้มมากขึ้นในเวอร์ชั่น Max Gray ในขณะที่เวอร์ชั่น Max Black จัดเต็มความหล่อด้วยวงล้อสีพิเศษ Pink Gold นอกจากนั้นทั้งสองเวอร์ชั่นยังเพิ่มความดุดันด้วยโช้คอัพหน้ากระบอกดำ พร้อมเติมความโดดเด่นด้วยโลโก้ “Versilia” ที่ออกแบบตัวนูน 3 มิติสะท้อนภาพความหรูหราอย่างมีเอกลักษณ์ด้วย 

ไฟหน้าดีไซน์หรูให้แสงส่องสว่างกว้างไกล

เบาะนั่งหนานุ่ม แบ่งระดับผู้ขับขี่ ซ้อนท้าย ตัดเย็บสวยงาม

ช่องเก็บของด้านหน้าล็อคได้แบ่งพื้นที่ใช้สอยชัดเจน

หรูหรา เท่เข้มด้วยโช้คหน้ากระบอกดำ และล้อสีพิเศษ Pink Gold ในเวอร์ชั่น Max Black

ในส่วนของพื้นฐานเครื่องยนต์ยังคงพึ่งพาขุมพลังแบบสูบเดียว 4 จังหวะ ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 149.6 ซี.ซี. ระบายความร้อนด้วยอากาศ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบ EFI ให้กำลังสูงสุดตามที่ต้นสังกัดเคลมเอาไว้ 7.2 กิโลวัตต์ ที่ 7,000รอบ/นาที และยังมีแรงบิดสูงสุดที่ 10.5 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบ/นาที … มิติตัวรถที่มีความยาว 1,920 มม. กับความกว้างสุดปลายแฮนด์ที่ 680 มม. และเบาะนั่งสไตล์วินเทจแบบ 2 ตอนมีความสูงจากพื้น 790 มม. กับน้ำหนักตัวราว 107 กก. ถือได้ว่าอยู่ในพิกัดที่สามารถควบคุมได้ถนัดมือ ซึ่งความยาวของตัวรถกับระยะห่างของฐานล้อ 1,360 มม. และความสูงใต้ท้องรถ 130 มม. ถือว่าเป็นผลดีในเรื่องการทรงตัวบนย่านความเร็วปลายที่ทำได้นิ่งน่าพอใจ 

บาร์ท้ายรองรับการติดตั้งกล่องเก็บสัมภาระได้อย่างอเนกประสงค์

ขุมพลังสูบเดียว 4 จังหวะ ความจุ 149.6 ซี.ซี. ระบายความร้อนด้วยอากาศ

แถบไฟ LED DRL daytime running light พาดผ่านด้านหน้า

ไฟท้ายแนวตั้งอันเป็นเอกลักษณ์เติมเต็มรูปทรงกะทัดรัดและเงางามของสกู๊ตเตอร์อย่างสมบูรณ์แบบ

ระบบไฟส่องสว่างด้านหน้าแบบ Full LED มาพร้อมแถบไฟ LED DRL daytime running light สุดล้ำพาดผ่านด้านหน้า ครอบคลุมสัญญาณไฟเลี้ยวที่เพรียวบาง เรือนไมล์ได้รับการออกแบบอย่างเรียบง่ายแต่มีสไตล์ มีพร้อมพอร์ตชาร์จไฟสำรองแบบ USB ที่อยู่ภายในกล่องหน้ารถ และที่เก็บของใต้เบาะมีขนาด 23 ลิตร สามารถเก็บหมวกกันน๊อค หรือสัมภาระต่าง ๆ ได้อย่างจุใจ ถังน้ำมันมีขนาดความจุ 5.6 ลิตร … ในส่วนของระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบเทเลสโกปิก หลังโช้คเดี่ยว วงล้ออัลลอยด์สีดำขนาด 12 นิ้ว รัดทับด้วยยางหน้า และหลังขนาด 120/70 ให้ความความคล่องตัว และวงเลี้ยวแคบ เหมาะกับการใช้งานในเมือง เพิ่มความทันสมัยและความปลอดภัยด้วยดิสก์เบรกหน้าขนาด 185 มม. โดยยังคงราคาขายเอาไว้ที่ 63,500 บาท พร้อมการรับประกันเครื่องยนต์ 3 ปี 30,000 กิโลเมตร เหมือนเดิม 

อัตราเร่งแรงติดมือน่าพอใจ

หุ่นทรงกะทัดรัดให้ความคล่องตัวตอบโจทย์การขับขี่ในเมือง

เรื่อง  : กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ได้ที่ www.grandprix.co.th