Toyota ออกมาเปิดเผยว่าจนถึงปัจจุบันได้มีรถยนต์ทั่วโลกกว่า 10 คันของตนที่ถูกติดตั้งชุดเทคโนโลยีความปลอดภัย  Toyota Safety Sense ที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันหรือลดการชนจากสถานการณ์การจราจรต่างๆ หลังจากที่เริ่มมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยนี้ในรถมาสามปีครึ่งตั้งแต่ปี 2015 โดยทาง Toyota ระบุว่าในปัจจุบันมีการติดตั้งระบบนี้ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ของรถยนต์นั่งในญี่ปุ่น อเมริกาเหนือ และยุโรป ซึ่งเมื่อรวมกับการใช้ในภูมิภาคอื่นของโลกอย่างจีน รวมทั้งบางประเทศในเอเชีย ตะวันออกกลาง และออกเตรเลียแล้วทำให้มี 68 ประเทศทั่วโลกที่ Toyota ใช้ระบบความปลอดภัยนี้ในรถยนต์ของตน โดยเมื่อถึงสิ้นปีนี้จะมีรถ Toyota 3 ล้านคันในญี่ปุ่น 5 ล้านคันในอเมริกาเหนือ และ 2 ล้านคันในยุโรปที่ติดตั้ง Toyota Safety Sense

นอกจากนี้ Toyota ยังระบุว่าระบบ Pre-Collision System ที่ช่วยป้องกันและลดอันตรายจากการชนที่ด้านหลังรถใน Toyota Safety Sense ยังช่วยลดการชนจากด้านหลังซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมากในญี่ปุ่นลงได้ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อเทคโนโลยีความปลอดภัยนี้พร้อมกับ Intelligent Clearance Sonar ที่ครอบคลุมการชนที่ความเร็วต่ำลงทำงานร่วมกันก็จะสามารถลดการชนที่ด้านหลังลงได้ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์

โดยเมื่อต้นปี 2018 ที่ผ่านมาทาง Toyota ได้เปิดตัวเทคโนโลยี Toyota Safety Sense เจนเนอเรชั่นที่ 2 ออกมาซึ่งได้มีการปรับปรุงการตรวจจับและประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้น ด้วยการที่ชุดระบบความปลอดภัยสามารถตอบสนองต่อคนเดินถนนและจักรยานได้ ตอนกลางคืนสำหรับการพัฒนาต่อไปจะเน้นไปที่การเพิ่มความปรับรูปแบบการทำงานที่ตอบสนองต่ออุบัติเหตุจากการจราจรให้มากขึ้นอย่างกับคนเดินถนนหรือสิ่งที่เข้ามาที่บริเวณทางแยก

Toyota และ Lexus ตั้งเป้าที่จะใช้แพ็กเกจเทคโนโลยีความปลอดภัย Toyota Safety Sense ในประมาณ 100 ประเทศทั่วโลกในปี 2020 ซึ่งรวมทั้งประเทศในเอเชียและลาตินอเมริกา

เรื่อง : กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th