Tank 500 ปลั๊กอินไฮบริดใหม่เพิ่มอุปกรณ์สำหรับระบบช่วยขับ

GWM เปิดตัว Tank 500 ปลั๊กอินไฮบริดใหม่ ที่ยังคงดีไซน์รูปทรงกล่องสไตล์แกร่งของรถเอสยูวีรุ่นนี้เหมือนเดิม แต่เพิ่มอุปกรณ์สำหรับระบบช่วยขับที่มีความล้ำหน้ามากขึ้น ส่วนระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดของรถมีให้เลือกระหว่าง Hi4-T มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวและ Hi4-Z มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่มีกำลังจากระบบกว่า 800 แรงม้า

จุดเด่นของ Tank 500 ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่คือการมี Lidar บนหลังคารถ พร้อมมีกล้องที่บริเวณซุ้มล้อหน้าและสปอยเลอร์หลังสำหรับใช้ในระบบช่วยขับที่ได้รับการอัปเกรดเป็น Coffee Pilot Ultra เจเนเรชันที่ 3 ที่มีความล้ำหน้ามากขึ้น นอกจากนี้รถยังมีสีเขียว Dunhuang Green ใหม่เพิ่มเข้ามาให้เลือก นอกจากสีทอง Kunlun Gold สีเงิน Pamir Silver และสีขาว Mount Everest White ที่มีอยู่แล้ว

ในขณะที่ขนาดของรถไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่มีความยาว 5,078 มม. กว้าง 1,934 มม. สูง 1,905 มม. และระยะฐานล้อของรถมีความยาว 2,850 มม. เหมือนเดิม ส่วนความสามารถในการลุยของรถมีมุมไต่ 29 องศา มุมจาก 24 องศา โดยความสูงของใต้ท้องรถจากพื้นอยู่ที่ 210 มม. นอกจากนี้ทาง GWM ยังมีออปชันให้เลือกความสามารถในการลากจูงสูงสุด 2,500 กิโลกรัม

ระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดของรถหากเป็น Hi4-T ใช้เครื่องยนต์ 2,0T 248 แรงม้า ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว และระบบส่งกำลัง 9HAT มีกำลังรวมจากระบบ 402 แรงม้า ใช้แบตเตอรีความจุ 37.1 kWh ให้ระยะเดินทางเฉพาะไฟฟ้าได้ถึง 110 กิโลเมตร ส่วนระบบปลั๊กอินไฮบริด Hi4-Z ใช้เครื่องยนต์ 2.0T ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ และระบบส่งกำลัง DHT 3 สปีด ให้กำลังรวมจากระบบ 865 แรงม้า มีแบตเตอรีความจุ 59.05 ให้พลังงานสำหรับเดินทางเฉพาะไฟฟ้าได้ถึง 201 กิโลเมตร

ห้องโดยสารของรถยังคงมีจอแสดงข้อมูลการขับขนาด 12.3 นิ้ว และจอ Infotainment ขนาด 14.6 นิ้วแบบลอยตัวที่แผงแดชบอร์ดเหมือนรุ่นก่อน แต่มีแป้นชิฟต์เกียร์ที่หลังพวงมาลัยเพิ่มเข้ามา นอกจากนี้ยังมีมีตู้เย็นที่คอนโซลกลางปรับอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -6 ถึง 50 องศาเซลเซียส จอขนาด 17.3 นิ้วที่เพดานสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง โดยรถเอสยูวีรุ่นใหม่ยังให้ความสบายด้วยการมีเบาะปรับความอุ่นและระบายอากาศได้ ส่วนเบาะหลังสามารถปรับเอนได้ตั้งแต่ 25 ถึง 35 องศา