ยางรถยนต์ในปัจจุบันใช้ลมเป็นตัวช่วยในเรื่องการซึมซับแรงสั่นสะเทือนและช่วยให้ยางคงรูปเพื่อให้การหมุนของล้อเป็นไปได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ แน่นอนว่า แม้ยางยุคใหม่จะถูกออกแบบอย่างทันสมัยและมีส่วนช่วยให้แรงดันลมภายในยางลดลงได้ช้า

ขอคั่นรายการเรื่อง “ล้อๆ ที่ไม่ล้อเล่น” กันสักหน่อย เพราะในช่วงนี้ สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ที่กำลังมาแรงแซงทุกทาง ทำให้ต้องมีการหยุดงาน Work From Home กันส่วนใหญ่ รวมถึงการอยู่บ้านเพื่อลดการแพร่ของเชื้อ เลยทำให้การใช้รถน้อยลงไปมาก บางคนแทบไม่ได้ไปไหนเลยก็จอดเป็นส่วนใหญ่ แต่อย่าลืมว่า รถก็ต้องมีการดูแลเหมือนกัน เพื่อให้อยู่ในสภาพ “พร้อมใช้” เสมอ…

มาถึงเรื่องตรงกันข้ามกับลมยางแข็ง คือ “ลมยางอ่อนเกินไป” ซึ่งหลายคนอาจจะไม่ได้ต้องการ หรือ ไม่ได้เจตนา “ทำ” ให้มันเป็นเช่นนั้น แต่ด้วยความที่ “ลืม” บ้าง “ขี้เกียจ” บ้าง (ก็ได้วะ) ก็ปล่อยปละละเลยจนทำให้ลมยางอ่อนลง บางคนปล่อยจน “ยางแบน”

อย่างไปเชื่อคำพูดของใครนะว่า “เติมลมยางแข็งดี หรือ อ่อนๆ ก็พอแล้ว” จริงๆ แล้วการเติมลมยางต้องเติมให้เหมาะสมต่อการใช้งาน แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม เรามีทริคการเติมลมยางให้ถูกต้องมาฝาก

เรามักจะเห็นศูนย์บริการยางรถยนต์มีจุดเติม ลมไนโตรเจน เคยสงสัยไหมว่าการเติมไนโตรเจนดีอย่างไร ทำไมร้านหรือศูนย์บริการยางมักเชียร์ให้เราเติม เพื่อคลายข้อสงสัยเรามาดูกันดีกว่าว่าไนโตรเจนมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง

การ เติมลมยาง รถยนต์เป็นส่วนหนึ่งของกระบวกการขับเคลื่อนรถยนต์ให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งปริมาณแรงดันของลมยางรถยนต์ที่เหมาะสมจะช่วยเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ อีกทั้งยังช่วยยืดอายุการใช้งานของยางอีกด้วย แต่ถ้าหากเติมมากหรือน้อยไปล่ะจะมีผลเสียอย่างไรบ้าง

สิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ และเรื่องเบาๆ อย่างเช่น ยางแบน เป็นสิ่งที่ทำให้เราหัวเสียได้อย่างไม่น่าเชื่อ และจะยิ่งหัวเสียมากขึ้นไปอีก หากเปิดท้ายรถเพื่อเอายางอะไหล่ออกมาแล้วพบว่า ยางอะไหล่ก็ดันไม่มีลมเสียด้วย