Nissan Micra EV รุ่นใหม่มาถึงยุคไฟฟ้าล้วน

Nissan Micra หรือ March รถแฮทช์แบ็กบี-เซ็กเมนต์ที่มีรุ่นแรกออกมาตั้งแต่ปี 1982 โดยที่รถเจเนเรชันล่าสึดเน้นทำตลาดในยุโรปเดินทางมาถึงเจเนเรชันที่ 6 ซึ่งมากับความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญด้วยการมีคำว่า EV ต่อท้ายชื่อรุ่น ซึ่งหมายถึงการใช้ไฟฟ้าล้วนในการขับเคลื่อน โดยมีให้เลือกสองระดับกำลังขับเคลื่อนและสองความจุแบตเตอรี
ด้วยการที่เป็นรถที่เน้นทำตลาดในยุโรป จึงทำให้ Nissan Micra EV ถูกออกแบบโดยศูนย์ออกแบบNissan’s Design Europe ในลอนดอน ซึ่งรถรุ่นใหม่ถูกระบุว่ามีรูปลักษณ์ภายนอกที่สดใหม่และโดดเด่น พร้อมใส่แนวคิดการออกแบบรถเอสยูวีเอาไว้ด้วยจึงทำให้มีซุ้มล้อที่ใหญ่ ขณะเดียวกันส่วนล่างของรถก็ถูกออกแบบเพื่อให้รู้สึกถึงจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ และพร้อมที่จะรับมือกับสภาพถนนต่างๆ
นอกจากนี้ รถยังเน้นความกะทัดรัดด้วยการที่ตัวรถมีความยาวไม่ถึง 4 เมตร กว้างไม่ถึง 1.8 เมตร ขณะที่ระยะฐานล้อของรถมีความยาว 2.54 เมตรเพื่อให้เหมาะสำหรับการขับในเมืองที่การจราจรหนาแน่น โดยรถแฮทช์แบ็กไฟฟ้ารุ่นใหม่มี 3 เกรดแต่งให้เลือกระหว่าง Active, Iconic และ Sport ซึ่งรถทั้งหมดมากับล้อขนาด 18 นิ้วและคิ้วแต่งซุ้มล้อสีดำ รวมทั้งมีความโดดเด่นด้วยไฟ LED เกือบเป็นทรงกลมทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ส่วนสีภายนอกของรถมีให้เลือกถึง 14 สี
ห้องโดยสารของรถถูกระบุว่ายังคงแนวทางที่เป็นหัวใจมาจากรถรุ่นก่อนหน้านี้คือความเรียบง่ายและสวยงาม พร้อมแฝงด้วยความเป็นญี่ปุ่นในการออกแบบ โดยอุปกรณ์มาตรฐานในรถมีพวงมาลัยสามก้านซึ่งมีจอแสดงข้อมูลการขับขนาด 10.1 นิ้วที่มองเห็นข้อมูลที่สำคัญได้ง่ายอยู่ด้านหลัง ในขณะที่จอตรงกลางมีขนาด 10.1 นิ้วเช่นเดียวกันถูกวางตำแหน่งให้เอียงเข้าหาผู้จับ
วัสดุที่ใช้หุ้มเบาะมีความหลากหลายขึ้นอยู่กับเกรดของรถ นอกจากนี้รถยังมีไฟ Ambient Lighting ปรับได้ 48 สีช่วยสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร ส่วนพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังของรถมีความจุ 326 ลิตร โดยสามารถเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้ถึงความจุ 1,106 ลิตรเมื่อพับเบาะหลังซึ่งแบ่งพับได้ 40/60 นอกจากนี้รถยังมากับระบบช่วยขับNissan ProPilot ที่มีการทำงานช่วยขับต่างๆ ให้ใช้
ระบบขับเคลื่อนของรถมีสองทางเลือกระหว่างใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 90 kW หรือ 120 แรงม้า แรงบิด 225 นิวตัน–เมตร มากับแบตเตอรีความจุ 40 kWh ให้ระยะเดินทางได้ 310 กิโลเมตร ส่วนอีกทางเลือกใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 110 kW หรือ 147 แรงม้า แรงบิด 245 นิวตัน–เมตร มากับแบตเตอรีความจุ 52 kWh ให้ระยะเดินทางได้ 408 กิโลเมตร
รถที่มีแบตเตอรีความจุน้อยกว่ารองรับการชาร์จไฟแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC ถึง 80 kW ส่วนรถที่ใช้แบตเตอรีความจุมากกว่ารองรับการชาร์จเร็วสูงสุด 100 kW ทำให้ชาร์จไฟจาก 15 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ด้วยเวลา 30 นาที นอกจากนี้รถทั้งหมดยังมากับเทคโนโลยี V2L ทำให้สามารถชาร์จไฟจากแบตเตอรีของรถให้กับอุปกรณ์ภายนอกได้
ราคาของรถยังไม่มีออกมาเพราะจะเริ่มขายที่ยุโรปในช่วงปลายปี 2025 นี้ โดยยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการขายรถในตลาดภูมิภาคอื่นนอกจากยุโรปด้วยหรือไม่
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th