Nissan คว้า 3 รางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี Car of The Year 2025

Nissan คว้า 3 รางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี Car of The Year 2025 ฉลองความสำเร็จส่งท้ายปี คว้ารางวัลอันทรงเกียรติจากเวที Car of the Year 2025 รถรุ่นไหนบ้างที่ได้รับการยกย่องให้เป็นที่สุดแห่งปี ตามมาดูกันเลย
BEST MID-SIZE MPV
NISSAN SERENA Highway Star
NISSAN กลับมาเขย่าวงการรถ MID-SIZE MPV ด้วยการเปิดตัว NISSAN SERENA Highway Star ที่พร้อมขุมพลัง Mild Hybrid 2.0 ลิตร รถอเนกประสงค์ครอบครัว 7 ที่นั่ง ที่เน้นพื้นที่ใช้สอยและความประหยัด ด้วยเทคโนโลยีไมลด์ไฮบริด พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย 360° Safety Shield ซึ่งทำให้ NISSAN SERENA Highway Star ได้รับการโหวตอย่างต่อเนื่องจากคณะกรรมการว่านี่คือ BEST MID-SIZE MPV ปี 2025
l มุมมองจากคณะกรรมการ
การออกแบบที่ลงตัว ใช้งานได้หลากหลาย
NISSAN SERENA Highway Star รถครอบครัวอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ไซซ์กลางที่โดดเด่นด้วยพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง ทั้งในส่วนของผู้โดยสารตอนหน้าและผู้โดยสารตอนหลัง โดยมาพร้อมกับเบาะนั่งแถวที่ 2 แบบ Exclusive Captain Seat พร้อมพนักวางแขนและฟังก์ชันปรับเลื่อน สามารถเลื่อนได้ถึง 900 มม. 4 ทิศทาง ขณะที่เบาะแถว 3 เป็น Bench Seat 3 ที่นั่ง แยกพับแบบ 50:50 ปรับที่นั่งได้มากถึง 13 รูปแบบ พร้อมสร้างประสบการณ์ในทุกการเดินทางกับครอบครัว เบาะที่นั่งแถว 2 และ 3 สามารถปรับราบเหมือนห้องนั่งเล่น ตอบโจทย์ความต้องการของทุกคนในครอบครัว เพิ่มความสะดวกด้วยประตูคู่บานหลังเปิดแบบสไลด์ไฟฟ้าทั้ง 2 ฝั่ง และฝาท้ายอเนกประสงค์ (Dual Back Door) สามารถเปิดเต็มบานหรือครึ่งบานได้
NISSAN SERENA Highway Star ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ด้วยฟังก์ชันที่ครบครันเพื่อทุกคนในครอบครัว ระบบเครื่องเสียงจอสัมผัส ขนาดใหญ่ 10.1 นิ้ว พร้อมระบบ Apple CarPlay และ Andriod Auto ที่เชื่อมต่อได้ทั้งแบบมีสายและไร้สายและเป็นจอแสดงภาพจากกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor (IAVM) เพื่อความปลอดภัยขณะถอยจอดเพิ่มความสะดวกด้วยช่องต่ออุปกรณ์ USB ทุกแถวที่นั่งรวม 6 จุด ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone ควบคุมแยกส่วน ด้านหน้า-ด้านหลัง และหน้าจอแบบดิจิทัล ควบคุมระบบปรับอากาศด้านหลัง แถวที่ 2-3
ขุมพลัง Mild Hybrid
ตอบสนองการใช้งานได้ลงตัว
NISSAN SERENA Highway Star มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.0 ลิตร (1,997 ซี.ซี.) กำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ที่ 4,400 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า Energy Control Electric Motor 2.6 แรงม้า 48 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ X-TRONIC CVT พร้อม Adaptive Shift Control (ASC) รองรับน้ำมันเบนซินออกเทน 91 95 แก๊สโซฮอล์ 91 95 ให้อัตราสิ้นเปลือง เฉลี่ย 14.3 กิโลเมตร/ลิตร
ปลอดภัยทุกการเดินทาง
ด้วยระบบ 360° NISSAN Safety Shield
NISSAN SERENA Highway Star ได้รับการติดตั้งระบบความปลอดภัย 360° NISSAN Safety Shield พร้อมระบบ Advanced Driver Assistance System (ADAS) อาทิ Intelligent Forward Collision Warning (IFCW) เทคโนโลยีเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ และIntelligent Emergency Braking (IEB) เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ, Blind Spot Warning (BSW) เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา, Rear Cross Traffic Alert (RCTA) เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย, Lane Departure Warning (LDW) เทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง, Intelligent Around View Monitoring (IAVM) เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง และ Intelligent Driver Alertness (IDA) เทคโนโลยีช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่
ระบบความปลอดภัยมาตรฐานอื่นๆ ได้แก่ ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง คู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านถุงลม ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (VDC) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TCS) ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) ระบบเบรก (ABS / EBD / BA) จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX และนี่คือความโดดเด่นเหนือใคร ที่ทำให้
NISSAN SERENA Highway Star ได้รับการคัดเลือกให้เป็น BEST MID-SIZE MPV ประจำปี 2025 จากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
BEST HYBRID SUV UNDER 1,300 c.c.
NISSAN KICKS e-POWER
ความร้อนแรงของกลุ่มรถเซ็กเมนต์ HYBRID SUV ชั่วโมงนี้ต้องยกให้กับ NISSAN KICKS e-POWER ที่เน้นการออกแบบที่โดดเด่น ล้ำสมัย และเทคโนโลยี e-POWER ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% โดยไม่ต้องชาร์จไฟ และอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน 360 องศา Safety Shield ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทั้งผู้ขับขี่และผู้ใช้ถนนมากยิ่งขึ้น จนได้รับการโหวตมากที่สุดจากคณะกรรมการให้เป็น BEST HYBRID SUV UNDER 1,300 c.c. ในปีนี้
l มุมมองจากคณะกรรมการ
เทคโนโลยี e-POWER ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100%
NISSAN KICKS e-POWER มาพร้อมกับมอเตอร์ขับเคลื่อนไฟฟ้า ให้พละกำลังสูงสุด 136 แรงม้า ที่ 3,410-9,697 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดถึง 280 นิวตันเมตร ที่ 0-3,410 รอบ/นาที จ่ายไฟด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 2.06 kWh แบบ 4 โมดูล 96 เซลล์ ส่วนเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ รหัส HR12DE ขนาด 1.2 ลิตร 1,198 ซี.ซี. ให้กำลังสูงสุด 79 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 103 นิวตันเมตร ที่ 3,600-5,200 รอบ/นาที ทำหน้าที่ปั่นไฟไปเก็บยังแบตเตอรี่ (เครื่องยนต์ไม่มีหน้าที่ขับเคลื่อนส่งพละกำลังลงสู่ล้อ) รองรับน้ำมัน E20 ความจุถังน้ำมัน 41 ลิตร โดยถูกกำหนดให้มีการทำงานในรอบที่เหมาะสมที่สุดในการผลิตกระแสไฟฟ้า ระบุอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งสามารถทำอัตราสิ้นเปลืองในเมือง 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร
สามารถปรับโหมดการขับได้ 4 รูปแบบ คือ Normal mode การขับในแบบปกติ, Sport mode ตอบสนองอัตราเร่งและการชะลอความเร็วที่ดียิ่งขึ้น, ECO mode เน้นการออกตัวที่นุ่มนวล ปรับการทำงานของระบบอี-พาวเวอร์ ให้ลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลืองลง และใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และ EV mode ปรับเปลี่ยนให้รถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เหลือภายในแบตเตอรี่ โดยเครื่องยนต์จะไม่ทำงานจนกว่าไฟฟ้าจะใกล้หมด
ภายในออกแบบให้มีความใช้งานง่ายยิ่งขึ้น
NISSAN KICKS e-POWER ได้รับการออกแบบให้ง่ายต่อการใช้งาน ด้วยการออกแบบภายในตามหลักสรีรศาสตร์ เพิ่มความสะดวกสบายด้วยระบบชาร์จไร้สาย และระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ พร้อม Heater จอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว และระบบข้อมูลความบันเทิง NissanConnect พร้อมช่องเสียบ AUX เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับ Apple CarPlay และ Android Auto สามารถเล่นแอปพลิเคชันในมือถือผ่านจอเครื่องเสียงรถยนต์เพื่อความคมชัด พร้อมระบบนำทาง Navigation System ผ่าน Google Map และระบบสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ Voice Recognition จอเรือนไมล์แบบดิจิทัล TFT ขนาด 7 นิ้ว แสดงผลต่างๆ ที่สามารถเลือกได้ด้วยตัวเอง ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการมองเห็นรายละเอียดต่างๆ และการปรับโหมดการใช้งานเพื่อใช้คอนเทนต์ความบันเทิงขั้นสุด
ระบบความปลอดภัยเหนือระดับ
วางใจในทุกการขับขี่ NISSAN KICKS e-POWER เสริมความมั่นใจทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยและช่วยเหลือผู้ขับขั้นสูงรอบคัน Nissan 360° Safety Shield ประกอบด้วยระบบแจ้งเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ (Lane Departure Warning – LDW), ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (High Beam Assist – HBA), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control – ICC), ระบบเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning – IFCW), ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB), ระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW), ระบบเตือนรถในทางสวนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert – RCTA), กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM) และเทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection – MOD), กระจกมองหลังอัจฉริยะ (Intelligent Rear View Mirror – IRVM) และเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ช่วยให้ผู้ขับมองเห็นพื้นที่ข้างรถได้รอบทิศทางผ่านกล้อง 4 จุดรอบคัน : กล้องทุกตัวจะจับภาพขณะเคลื่อนไหวจริง และแสดงผลเป็นภาพจากมุมสูงผ่านหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ซึ่งช่วยให้การจอดรถง่ายและปลอดภัยขึ้น และยังทำงานร่วมกับเทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคันหรือ Moving Object Detection (MOD) ซึ่งทำหน้าที่ตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนเมื่อตรวจพบบุคคลหรือวัตถุที่จับการเคลื่อนไหวได้
ส่วนระบบความปลอดภัยในส่วนของการช่วยเหลือขณะขับ ประกอบด้วย ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ(Vehicle Dynamic Control – VDC), ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง (Intelligent Trace Control – ITC), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-lock Braking System – ABS), ระบบกระจายแรงเบรก (Electric Brake Force Distribution System – EBD), ระบบเสริมแรงเบรก (Brake Assist – BA), ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake), ระบบหยุดรถอัตโนมัติ (Auto Brake Hold) และไฟเบรกดวงที่ 3 พร้อมไฟ LED
ซึ่งทั้งหมดนี้คือความโดดเด่นเหนือใคร ที่ทำให้ NISSAN KICKS e-POWER ได้รับการคัดเลือกให้เป็น BEST HYBRID SUV UNDER 1,300 c.c ประจำปี 2025 จากคณะกรรมการผู้เข้าทดสอบ
BEST HIGH-LIFTED PICKUP UNDER 2,500 c.c.
NISSAN NAVARA DC Black Edition
หนึ่งในรถปิกอัพสายพันธุ์แกร่งที่โดดเด่นเหนือคู่แข่ง ด้วยรูปลักษณ์ที่แข็งแกร่ง ดุดัน สะดุดตาและสมรรถนะที่เพียบพร้อม ทำให้สร้างความแตกต่างเหนือระดับกว่าปิกอัพทั่วไป รวมถึงระบบความปลอดภัยครบครัน ซึ่งเป็นเหตุผลให้ NISSAN NAVARA DC Black Edition สามารถคว้า BEST HIGH-LIFTED PICKUP UNDER 2,500 c.c. มาครองได้สำเร็จ ซึ่งความยอดเยี่ยมจะมีอะไรบ้าง สามารถติดตามได้ใน Car of The Year 2025
l มุมมองจากคณะกรรมการ
รูปลักษณ์แกร่ง ดีไซน์ดุดัน มีเอกลักษณ์ที่ลงตัว
NISSAN NAVARA DC Black Edition เวอร์ชัน 2025 ได้รับการออกแบบใหม่ ให้มีรูปลักษณ์ที่สะท้อนความเข้ม ดุดัน ด้วยกระจังหน้า Interlock ดีไซน์ใหม่ สีดำด้าน ลงตัวกับไฟหน้าแบบ LED Projectors Quad-eyes ดีไซน์ใหม่ พร้อมด้วยไฟ Daytime Running Lights รูปตัว C ทรงสี่เหลี่ยม เปลี่ยนเสาอากาศเป็นแบบครีบฉลาม กระบะท้าย
ฝาท้าย ดีไซน์ใหม่ พร้อมด้วยระบบช่วยผ่อนแรงฝาท้ายกระบะและกันชนท้ายดีไซน์ใหม่ที่ลงตัวมากยิ่งขึ้น
ภายในดีไซน์ใหม่ พร้อมคอนโซลหน้าดีไซน์สปอร์ต มีความกว้างขวาง สะดวกสบายเต็มพื้นที่ใช้สอย พร้อมกระจก Acoustic Glass ช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก ปรับคอนโซลหน้า-แดชบอร์ดหน้า ให้มีความหรูแบบรถ SUV ส่วนคอนโซลกลางดีไซน์ใหม่ ติดตั้งระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด NissanConnect จากนิสสัน ที่สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย Wireless สามารถเล่นแอปพลิเคชันในมือถือผ่านจอเครื่องเสียงรถยนต์ และระบบสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Recognition) ลำโพง 6 ตำแหน่ง มีช่องเชื่อมต่อ USB / AUX รองรับการเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth มีระบบนำทางในตัว ช่องชาร์จไฟ USB แบบ Type C มาตรวัดเรือนไมล์พร้อมจอ MID แบบสี TFT 3 มิติ ดีไซน์ใหม่ ขนาด 7.0 นิ้ว สะดวกต่อการใช้งาน ระบบปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติ แยกอิสระ ซ้าย-ขวา และมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
ขุมพลัง 2.3 ลิตร เทอร์โบคู่
ปรับใหม่ มาตรฐาน EURO 5
NISSAN NAVARA DC Black Edition มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ รหัส YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร 2,298 ซี.ซี. DOHC Twin-Turbo Intercooler (เทอร์โบคู่) กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที รองรับมาตรฐาน EURO 5 ส่งผ่านกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ พร้อมโหมดแมนวล (M mode) รองรับน้ำมันดีเซลทุกแบบ ทั้ง B7, B10 และ B20 เพิ่มระบบกรองเขม่า DPF (Diesel Particulate Filter) แข็งแกร่งด้วยโมโนเฟรม แชสซีทำจากเหล็กกล้ามาพร้อมระบบกันสะเทือนหน้าอิสระ ปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ด้านหลังแหนบซ้อน พร้อมโช้คอัพ ทั้งหมดถูกปรับจูนใหม่ เพื่อสมรรถนะที่ดีในการเกาะถนนและเข้าโค้ง
ปลอดภัยรอบคันด้วย 360° SAFETY SHIELD
NISSAN NAVARA DC Black Edition เพิ่มความปลอดภัยทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงรอบคัน ทั้งในเชิงป้องกันและแก้ไข พร้อมระบบช่วยเหลือการขับขั้นสูง 360° Safety Shield ช่วยให้ผู้ขับและผู้โดยสารทุกคนเดินทางถึงที่หมายอย่างปลอดภัย มั่นใจ ประกอบด้วย
l กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง
(Intelligent Around View
Monitor – IAVM) พร้อมระบบเตือนวัตถุ เคลื่อนไหวรอบคัน (Moving Object Detection MOD)
l ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
(Hill Start Assist – HSA)
ป้องกันไม่ให้รถไหลขณะออกตัว
เพิ่มความปลอดภัย Passive Safety
จากเทคโนโลยีความปลอดภัย Safety Shield ประกอบด้วย ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control – TCS), ระบบควบคุมเสถียรภาพของรถขณะลากจูง (Trailer Sway Assist – TSA), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-lock Braking System – ABS), ระบบกระจายแรงเบรก (Electric Brake Force Distribution System – EBD), ระบบเสริมแรงเบรก (Brake Assist – BA), ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake), และไฟเบรกดวงที่ 3 พร้อมไฟ LED สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
ซึ่งทั้งหมดที่เรากล่าวมานี้ คือความคุ้มค่าแบบเหนือชั้น ที่ทำให้เหล่าคณะกรรมการผู้ทดสอบได้ลงความเห็นให้ NISSAN NAVARA DC Black Edition คว้ารางวัล BEST HIGH-LIFTED PICKUP UNDER 2,500 c.c. ใน Car of The Year 2025