Mini JCW GP ทรงพลังที่สุดของรถแฮทช์แบ็กขนาดซับคอมแพกต์

Mini เข้าร่วมงานมอเตอร์โชว์ที่ลอส แองเจลิสในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นงานใหญ่ช่วงปลายปีด้วยการเปิดตัว John Cooper Work GP หรือ JCW GP พร้อมกับคุณสมบัติเป็นรถที่มีความเร็วสูงสุดสำหรับใช้งานบนถนนสาธารณะเท่าที่เคยมีการผลิตมาของ Mini รวมทั้งยังเป็นรถแฮทช์แบ็กที่ทรงพลังที่สุดในขนาดซับคอมแพกต์

พลังที่เหนือกว่ารถแฮทช์แบ็กซับคอมแพกต์รุ่นอื่นๆ ของ Mini JCW GP มาจากเครื่องยนต์ 4 สูบ 2,000 ซีซี ทวินเทอร์โบ ที่สามารถสร้างพลังขับเคลื่อนได้ 306 แรงม้าระหว่าง 5,000-6,250 รอบ/นาที แรงบิด 450 นิวตันเมตร จนทำให้ใช้เวลา 5.2 วินาทีเพื่อพารถจากหยุดนิ่งไปถึงความเร็ว 100 กม./ชม. และมีความเร็วสูงสุด 265 กม./ชม. โดยใช้เกียร์ Steptronic 8 สปีดพร้อม Differential Lock ส่งกำลังสู่ล้อหน้า

ภายนอกของรถที่มีหลายส่วนเหมือนกับ Mini Cooper S JCW ถูกเพิ่มความแตกต่างให้ดุขึ้นด้วยคิ้วซุ้มล้อคาร์บอนไฟเบอร์รวมไปถึงการใช้คาร์บอนไฟเบอร์ทั้งที่กันชนหน้าและกันชนหลัง แถมยังเพิ่มความดุด้านหลังด้วยสปอยเลอร์ขนาดใหญ่ปลายหลังคา นอกจากนี้ยังมีการออกแบบ Diffuser ใหม่โดยที่มีท่อไอเสียตรงกลาง พร้อมระบุชื่อรุ่นด้วยป้าย GP ทั้งที่กระจังหน้าและด้านหลังรถ ในขณะที่ล้ออัลลอยที่มาพร้อมกับรถขนาด 18 นิ้วซึ่งมีน้ำหนักไม่ถึง 9 กิโลกรัมถูกหุ้มด้วยยางสมรรถนะสูงที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะ และเพิ่มความพิเศษด้วยหมายเลขการผลิตของรถที่ซุ้มล้อหน้าซึ่งมีความแตกต่างกันในรถแต่ละคันโดยใช้กระบวนการทำสีแบบใหม่

ผู้ที่อยากขับ Mini JCW GP ต้องยอมรับว่ารถมาพร้อมกับแค่เบาะหน้า 2 ที่นั่งเท่านั้น เพราะ Mini ถอดเบาะหลังออกสำหรับเป็นพื้นที่ของโรลเคจ โดยเภายในห้องโดยสารใช้เบาะบั๊กเก็ตซีตที่มีขอบสีแตกต่างจากตัวเบาะพร้อมตัวหนังสือ GP ที่พนักพิงศรีษะ เข็มขัดนิรภัยสีแดง พวงมาลัยพร้อมมาร์กที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา และแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่มาจาก 3D Print ในขณะที่แผงแดชบอร์ดฝั่งผู้โดยสารมาพร้อมกับสัญลักษณ์ GP และหมายเลข 4 ตัว รวมไปถึงมีสัญลักษณ์ GP ในส่วนต่างๆ ของห้องโดยสาร ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ ภายในห้องโดยสารมีทั้งจอสำหรับระบบ Infotainment หน้าจอดิจิตอลแสดงมาตรวัดต่างๆ และระบบปรับอากาศดูอัลโซน พร้อมการใช้แสงไฟเพื่อแต่งภายในรถ

ในเมื่อมีหมายเลขการผลิตระบุทั้งด้านนอกและที่แผงแดชบอร์ดในห้องโดยสารจึงหมายถึงการจำกัดจำนวนผลิต โดย Mini จะผลิต Cooper JCW GP ที่โรงงานในออกซ์ฟอร์ดจำนวน 3,000 คัน และเริ่มส่งมอบรถเดือนมีนาคมปีหน้า