Grand Prix Online

Main Menu

  • HOME
  • AUTO NEWS
    • Bizz News
      • NEW COMER
      • MODEL/MINORCHANGE
      • WORLD MOVEMENT
      • Corporate News
    • Achive
      • Car
      • Motorcycle
    • Promotion
    • Motorsport
      • MOTORSPORT NEWS
      • RACE RESULT
  • Motorcycle
    • Round Up News
    • NEW MODEL
    • Bike Technic
  • SPECIAL SCOOP
    • TOKYO MOBILITY
    • Test drive
    • REPORT
    • Classic Car
    • Interview
    • Modified
    • Technology
    • Tip&Technic
    • Insurance Tips
    • Variety Scoop
    • BOY’S TOY
    • Video
  • ABOUT US
    • ADVERTISING
    • CONTACT US
    • PRIVACY POLICY
  • INVESTOR RELATIONS
  • Work with us

logo

Header Banner

Grand Prix Online

  • HOME
  • AUTO NEWS
    • Bizz News
      • NEW COMER
      • MODEL/MINORCHANGE
      • WORLD MOVEMENT
      • Corporate News
    • Achive
      • Car
      • Motorcycle
    • Promotion
    • Motorsport
      • MOTORSPORT NEWS
      • RACE RESULT
  • Motorcycle
    • Round Up News
    • NEW MODEL
    • Bike Technic
  • SPECIAL SCOOP
    • TOKYO MOBILITY
    • Test drive
    • REPORT
    • Classic Car
    • Interview
    • Modified
    • Technology
    • Tip&Technic
    • Insurance Tips
    • Variety Scoop
    • BOY’S TOY
    • Video
  • ABOUT US
    • ADVERTISING
    • CONTACT US
    • PRIVACY POLICY
  • INVESTOR RELATIONS
  • Work with us
Report
Home›Special Scoop›Report›รู้จักเวียดนาม ผ่านรอยล้อ.. Mazda Skyactiv Asean Caravan (ปัจฉิมบท)

รู้จักเวียดนาม ผ่านรอยล้อ.. Mazda Skyactiv Asean Caravan (ปัจฉิมบท)

By พุทธิ ผาสุข
July 31, 2016
3149
0
Share:

จากตอนที่แล้วเขียนมาถึงเส้นขนานที่ 17 นั่นเท่ากับว่าคาราวาน Mazda Skyactiv Asean Caravan ได้ผ่านมาถึงครึ่งทางแล้ว ซึ่งจะพูดไป..ความเป็นเวียดนามจากฮานอยลงมาถึงดองฮอย ก่อนที่จะเข้าเมืองดานัง เพื่อไปยังจุดหมายปลายทางที่ฮอยอัน ช่างเป็นความงดงามของทิวทัศน์ อาคารบ้านเรือนที่ผสานความดั้งเดิมและยุคใหม่ได้อย่างลงตัว ไม่แปลกหากจะบอกว่าดูเป็นเมืองที่มีความร่วมสมัยอย่างลงตัวเลยทีเดียว

 mazda_vietnam2_084

mazda_vietnam2_085

ป่าไม้ ผืนทราย ไอทะเลและเหล่าม้าศึกสกายแอคทีฟ

เส้นทางจากดองเฮยมายังฮอยอัน ผู้เขียนและคู่หูถูก ยังคงควบขับม้าศึกมาสด้า 3 กันอย่างเพลินใจ ด้วยเส้นทางที่ลัดเลาะไปตามแนวภูเขา ที่มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ สองข้างทางได้สัมผัสถึงวิถีชีวิตของชาวเวียดนามที่แตกต่างกันไปตามภูมิภาค บางช่วงของเส้นทางก็ทำให้ตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศของชายหาดสีขาวและท้องทะเลสีครามที่มองเห็นอยู่ไกลๆ

mazda_vietnam2_007

ภาพเบื้องหน้านั้นคือ เหล่าม้าศึกสกายแอคทีฟที่เคลื่อนตัวกันอย่างต่อเนื่องเป็นขบวน มองดูแล้วรู้สึกสนุกและเพลินใจไปกับการควบคุมมาสด้า3 ได้อย่างคล่องแคล่วและแม่นยำในทุกโค้ง แม้ว่าในหลายเส้นทางจะจำกัดความเร็ว แต่ทุกครั้งที่จำเป็นต้องเร่งแซงกันเป็นขบวนตามจังหวะที่รถนำขบวนคอยบอกเพื่อความปลอดภัย ก็สามารถทำได้อย่างทันใจและปลอดภัยมากๆ บรรยากาศสองข้างทางที่มักจะเห็นประจำคือ ภาพของการปลูกข้าวและทำประมง

mazda_vietnam2_043

mazda_vietnam2_041

mazda_vietnam2_002

นั่นเป็นเพราะเวียดนามเป็นประเทศที่มีการส่งออกข้าวมากเป็นอันดับ 2 รองจากประเทศไทย และคุณภาพของข้าวมีคุณภาพสูง (แต่ยังเป็นรองข้าวหอมมะลิของไทย) และด้วยภูมิประเทศที่ติดชายทะเลตลอดตั้งแต่เหนือลงใต้ ทำให้เห็นผลิตภัณฑ์จากท้องทะเลอยู่บ่อยครั้งตามเส้นทาง แต่กลับเป็นช่วงจังหวะไม่ค่อยดี ที่คาราวานไปในช่วงที่เวียดนามมีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมจากไต้หวันที่มีการปล่อยน้ำเสียลงสู่ท้องทะเล ทำให้ชาวประมงไม่สามารถออกหาสัตว์ทะเลได้ เพราะเกรงว่าจะมีสารพิษตกค้างอยู่ในกุ้ง หอย ปู ปลา ทริปนี้เราจึงได้ลิ้นรสอาหารทะเลเวียดนามได้น้อยมากๆ

 

“ไฮวัน” อุโมงค์ที่ยาวที่สุด จุดเชื่อมต่อโลกร่วมสมัยกับยุคใหม่ของดานัง

hai van

ภาพจากดาวเทียมแสดงให้เห็นถึงอุโมงค์ไฮวันที่ตัดผ่านภูเขาลูกใหญ่

หากมองจากแผนที่ Google Map จะเห็นว่าอุโมงค์ไฮวัน หรือ หายเวิน  (Ham Hai Van) เจาะทะลุเป็นอุโมงค์รถยนต์ที่ลอดใต้ภูเขาที่ยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีความยาวมากถึง 6.28 กิโลเมตร และยังเป็นทางเชื่อมต่อระหว่างเมืองเว้ที่ตั้งอยู่ตอนกลางของเวียดนามกับเมืองดานังที่ค่อนลงมาทางใต้ของเวียดนาม เสียดายที่ผู้เขียนเป็นผู้ขับ จึงไม่ได้เก็บภาพมาฝาก  จึงอาศัยภาพถ่ายจาก Google มาใช้แทนไปก่อน

haivan2

Hai_Van_Tunnel_North_Entrance

haivan3

ภาพปากทางอุโมงค์และภายในอุโมงค์จาก Map.google

โดยช่วงที่จะผ่านเข้าอุโมงค์นี้ ผู้เขียนไม่คิดว่าจะมีระยะทางยาวขนาดนั้น แต่มองจากเลขไมล์แล้วก็ต้องอึ้งเพราะจากปากอุโมงค์มาออกทางฝั่งดานัง ใช้เวลาร่วม 15 นาที กับระยะทาง 6.28 กิโลเมตร (ขับเท่าไหร่ก็ไม่เห็นแสงทางออกที่ปลายอุโมงค์สักที) ที่ต้องใช้เวลาเพราะภายในอุโมงค์จะไม่มีการขับแซงกันและใช้ความเร็วอยู่ไม่เกิน 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

 

อุโมงค์หายเวินหรือไฮวันนี้  ตัดกลางผ่านภูเขาที่ใช้ชื่อเดียวกันนี้ ภายในอุโมงค์มีถนนขาด 2 ช่องจราจร แต่มีพื้นที่ภายในที่ค่อนข้างกว้างมาก มีเลนฉุกเฉินและมีพื้นที่สำหรับเซอร์วิส รวมแล้วเทียบเท่ากับพื้นที่ขนาด 4 ช่องจราจรเลยทีเดียว ซึ่งแต่เดิม เส้นทางการคมนาคมในภาคต่างๆ ไม่มีความสะดวกเท่าใดนัก โดยเฉพาะเส้นทางนี้ที่เป็นถนนสายหลักของเวียดนามเลียบชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกตลอดแนวเหนือใต้ของประเทศ ซึ่งถนนไฮวันนั้นเชื่อมต่อระหว่างเมืองเว้และดานัง การใช้เส้นทางผ่านภูเขาไฮวันเป็นเส้นทางที่อันตราย มีทั้งทางแคบและสูงชัน  ทางรัฐบาลจึงได้เริ่มสร้างอุโมงคไอวันนี้ขึ้นเพื่อเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างจังหวัดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ เริ่มสร้างเมื่อเดือนสิงหาคม 2543 และเปิดใช้อย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน 2548 ถือว่าเป็นอุโมงค์ที่มีความน่าสนใจทั้งในการท่องเที่ยวและเชิงเศรษฐกิจมากทีเดียว

 

ดานัง เมืองสวรรค์ของนักท่องเที่ยว ความเจริญที่ปลายอุโมงค์

danang bay

เมืองดานังที่โอบล้อมอ่าวดานัง

หลังจากที่ขับรถออกมาจากอุโมงค์ไฮวัน สิ่งแรกที่มองเห็นภายหลังแสงจากปลายอุโมงค์ก็คือ ภาพของเมืองใหญ่ที่โอบล้อมอ่าวดานังเอาไว้ สีฟ้าครามของน้ำทะเลตัดกับสีขาวของอาคารใหญ่อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งบรรยากาศนั้นต่างกับอีกฝั่งของอุโมงค์ที่เป็นสีเขียวของป่าไม้ทั้งสองข้างทาง มันช่างเหมือนกับผ่านอุโมงค์มาสู่อีกโลกหนึ่งจริงๆ และที่เป็นอย่างนั้นเพราะว่า เมืองดานังเป็นเมืองท่าที่สำคัญของเวียดนามกลางตอนใต้ ในอดีตเคยได้รับการช่วยเหลือจากประเทศแถบยุโรปและอเมริกา จึงมีความเจริญมากกว่าเมืองอื่นๆ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลจีนใต้ เป็น 1 ใน 5 เขตการปกครองส่วนท้องถิ่นของเวียดนาม และเป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 อีกด้วย

mazda_vietnam2_091

mazda_vietnam2_090

ขณะจอดพักเหนื่อยอยู่ริมชายหาดที่ทอดยาวสุดตา

ในยุคหนึ่ง “ดานัง” เป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมง แล้วมีการพัฒนาให้กลายมาเป็นเมืองท่า ซึ่งสมัยยุคอาณานิคม ฝรั่งเศสได้ยกพลขึ้นบกที่เมืองดานังในปี 2401 และยึดเวียดนามไว้เป็นอาณานิคมในปี 2426 โดยในช่วงที่เกิดสงครามเวียดนาม สหรัฐอเมริกาได้เข้ามาใช้เมืองดานังเป็นฐานทัพอากาศเพื่อส่งเครื่องบินไปโจมตีเวียดนามเหนือ ซึ่งก่อนที่จะผ่านดานังไปยังเมืองฮอยอัน คาราวานยังได้ขับผ่านจุดที่เป็นโรงเก็บเครื่องบินเก่าของอเมริกาอีกด้วยเช่นกัน

mazda_vietnam2_094

mazda_vietnam2_092

ที่ดานังนี้ยังคงพลุกพล่านไม่แพ้เมืองฮานอย รถจักรยานยนต์เยอะจริงๆ

ผู้คนที่ดานังนี้ แต่ตัวกันค่อนข้างทันสมัย มีนักท่องเที่ยวจากยุโรปและอเมริกาค่อนข้างพลุกพล่าน ร้านอาหารและผับถูกเปิดขึ้นมากมาย มองๆ ไปคล้ายกับเมืองพัทยา แต่ดูมีระเบียบเรียบร้อยกว่ามาก สายไฟต่างๆ ถูกวางไว้ใต้ดินทั้งหมด จึงไม่เห็นสายไฟให้รกหูรกตา ทำให้มองเห็นเมืองได้อย่างชัดเจนและสวยงาม แต่เป็นที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งคือ ที่นี่มีร้านนวดแผนโบราณค่อนข้างเยอะ พอๆ กับร้านอาหารประเภทผับ บาร์ ส่วนพอขับเข้าตัวเมืองดานัง ภาพทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นที่ฮานอยนั้นย้อนกลับมาอีกครั้ง ความวุ่นวาย เสียงแตรที่ดังตลอดเวลา รถที่แทรกเข้ามาในเลน ทำให้คาราวานต้องระมัดระวังกันเป็นพิเศษ แต่สำหรับผู้เขียนแล้วรู้สึกเริ่มชินขึ้นมานิดๆ และขับรถได้อย่างคล่องแคล่วมากขึ้น เพราะจับทางได้ว่า ต่างคนต่างต้องการไปในทิศทางของตน ฉะนั้น จงขับไปเรื่อยๆ และใช้ความเร็วต่อเนื่อง เพราะหากหยุด จะมีรถจักรยานยนต์แทรกเข้ามาทันที ซึ่งมีให้หวาดเสียวเป็นระยะๆ จริงๆ

 

เดินตลาดเมืองเก่าฮอยอัน สีสันยามค่ำคืน

กว่าจะฝ่าการจราจรที่แออัดในเมืองดานังไปถึงเมืองฮอยอัน ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง ก็เล่นเอามืดค่ำกันพอดี เลยไม่ได้เห็นบรรยากาศยามเย็นของฮอยอันว่าจะสวยสักเพียงใด แต่ไกด์เวียดนามบอกมาว่า มาถึงฮอยอันทั้งที ถึงจะค่ำมืดก็มีที่ให้เดินเล่น นั่นคือ ตลาดเมืองเก่า ซึ่งห่างจากโรงแรมรอยัล ริเวอร์ ไซด์ ที่พักในคืนนี้ไปไม่ไกล เดินไปสักพักก็ถึงแล้ว และตอนนี้สองทุ่มเป็นเวลาที่เหมาะเพราะหลังจาก 6 โมงเย็น ที่เขตเมืองเก่านี้จะพร้อมใจกันปิดไฟ แล้วใช้แสงไฟจากแสงเทียนและโคมไฟ แต่เอาเข้าจริงๆ ยุคนี้โคมไฟก็ใช้ไฟฟ้าทั้งนั้นน่ะสิ เอาล่ะถือว่ายังพอได้บรรยากาศอยู่บ้าง อย่างน้อยมาถึงแล้วต้องลองเดินตลาดเมืองเก่าท่ามกลางแสงจากโคมไฟดูสักหน่อย

mazda_vietnam2_079

mazda_vietnam2_082

mazda_vietnam2_077

mazda_vietnam2_086

บรรยากาศของตลาดเมืองเก่าที่นี่ให้ความเป็นโบราณได้อย่างดี มีโคมไฟหลากหลายสีสันส่องสว่าง มีร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหารแบบที่เป็นสตรีท ฟู้ด ผู้คนที่มาเดินตลาดมีทั้งชาวเวียดนามและนักท่องเที่ยว ระหว่างที่เดินไปนั้นได้ยินเสียงเพลงบรรเลงจากเครื่องเป่าและเครื่องดีดอยู่เป็นระยะ ทำให้การเดินตลาดครั้งนี้ได้อรรถรสไปอีกแบบ ซึ่งไฮไลท์อยู่ที่สะพานญี่ปุ่นที่ตกแต่งไฟอย่างสวยงาม และแปลกตาจากภาพที่เคยเห็นตามนิตยสารที่มักเป็นภาพในตอนกลางวัน

mazda_vietnam2_088

mazda_vietnam2_089  mazda_vietnam2_076

mazda_vietnam2_074

mazda_vietnam2_073

mazda_vietnam2_072

สำหรับเมืองฮานอยในปัจจุบัน องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม เพราะความเก่าแก่และความงดงามของบ้านเรือนและสถาปัตยกรรม เมืองฮอยอันตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำทูโบน (Thu Bon) ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองดานังราว 30 กิโลเมตร ครั้งหนึ่งเมืองฮอยอันเคยเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก ในช่วงต้นสมัยกรุงศรีอยุธยาเคยมีการบันทึกจากการเดินเรือของชาวตะวันตกว่า ฮอยอันเป็นเมืองท่าที่สำคัญมีการเดินเรือเข้ามาค้าขายมากมาย จนกลายเป็นเมืองที่เกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างตะวันตกและตะวันออก แต่แล้วในช่วงหลังของศตวรรษที่ 19 (ค.ศ. 1801-1900) ฮอยอันถูกเผาจากการสู้รบกับกบฏไตเซิน และถูกสร้างเมืองขึ้นมาใหม่ โดยใช้ต้นแบบบ้านเรือนจากจีนเป็นแนวคิดในการออกแบบ จากนั้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 แม่น้ำทูโบนที่เป็นเหมือนเส้นเลือดสำคัญเริ่มตื้นเขินลง เพราะมีตะกอนโคลนสะสมเป็นจำนวนมาก เรือใหญ่ไม่สามารถแล่นเข้ามาได้ เมืองดานังจึงถูกสร้างขึ้นมาเป็นเมืองท่าแห่งใหม่แทนฮอยอัน และจากนั้นเป็นต้นมาฮอยอันจึงเริ่มลดบทบาทความสำคัญลงกลายเป็นเมืองค้าขายเล็กๆ มาจนถึงปัจจุบันนี้

thu bon river

ที่เห็นเป็นลำน้ำสีเขียวนี้คือแม่น้ำทูโบน หัวใจสำคัญของฮอยอัน

 

GÀNH ĐÁ ĐĨA มหัศจรรย์ธรรมชาติหรือจากฝีมือมนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์

GÀNH ĐÁ ĐĨA (ก๋าน ด๋า เดี๋ย) ที่แห่งนี้คือความมหัศจรรย์ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในเวียดนาม อยู่ในเมืองตุยฮวา (Tuy Hoa)  จังหวัดฝูเอียน (Phu Yen) ซึ่งคาราวาน Mazda Skyactiv Asean Caravan ถือเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยกลุ่มแรกที่ได้เข้ามาสัมผัสความมหัศจรรย์ในที่แห่งนี้

mazda_vietnam2_103

mazda_vietnam2_102

เส้นทางก่อนที่จะเข้าไปถึง GÀNH ĐÁ ĐĨA ต้องผ่านเขตชุมชนเข้าไปอีกร่วม 20 กิโลเมตร

mazda_vietnam2_104

ภาพแบบพาโนรามา ให้เห็นถึงพื้นที่เป็นอ่าวและมีโขดหินโอบล้อม รวมทั้งแท่งเสาหิน GÀNH ĐÁ ĐĨA อีกด้วย

mazda_vietnam2_017

mazda_vietnam2_018

ทางเดินลงไปสู่แท่งหินมหัศจรรย์

mazda_vietnam2_022

นี่ล่ะคือ GÀNH ĐÁ ĐĨA แท่งหินที่น่าจะมีอายุนับพันปี

mazda_vietnam2_026

mazda_vietnam2_025

แนวหน้าตัดที่เรียบเสมอกัน นี่คือฝีมือของมนุษย์หรือธรรมชาติ

mazda_vietnam2_023

mazda_vietnam2_024

GÀNH ĐÁ ĐĨA เป็นพื้นที่เสมือนเป็นเสาหินหรือแท่งหินมีลักษณะคล้ายๆ กับ The Giant’s Causeway (เดอะ ไจแอนท์ คอสเวย์) ที่เกาะไอร์แลนด์เหนือ ประเทศอังกฤษ เสาหินที่เห็นนี้มีลักษณะซ้อนๆ กัน เหมือนต่อจิ๊กซอว์ มองๆ ไป เหมือนกับรังผึ้งไม่ผิด แต่จะต่างจากรังผึ้งที่รูปทรงที่เกิดขึ้นจะเป็นแบบ 6 เหลี่ยม แต่แท่งหินที่ว่านี้กลับมีรูปทรงเป็นแบบ 5 เหลี่ยม และหลายเหลี่ยมด้านเท่า แถมยังมีหน้าตัดของด้านข้างที่เรียบสนิทเหมือนกับโดนตัดให้เรียบเพื่อวางต่อกันหรือเสียบเข้าหากันให้ได้ ซึ่งไม่น่าจะเป็นรูปทางเรขาคณิตที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จนสร้างความสงสัยให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

mazda_vietnam2_027

แต่หากพิจารณาจากเหตุผลที่มีนักธรณีวิทยาแสดงความคิดเห็นเอาไว้จาก แท่นหิน The Giant’s Causeway ซึ่งมีลักษณะที่แทบจะเหมือนกันกับ GÀNH ĐÁ ĐĨA ได้ให้ความเห็นว่า น่าจะเกิดจากที่แห่งนี้เดิมเป็นภูเขาไฟ เมื่อภูเขาไฟระเบิดจะมีลาวาที่ไหลออกมา และเมื่อเนื้อหินบะซอลต์ของลาวาแข็งตัวและมีการหดตัวจากแรงกดดันและอุณหภูมิที่ชั้นผิวที่กำลังเย็นตัวลง มีการกระจายจุดศูนย์กลางออกไปเท่าๆ กันอย่างสม่ำเสมอทั่วพื้นผิว  ลาวาจึงแตกร้าวจากกันเป็นรูปเหลี่ยมที่ด้านแต่ละด้านเท่ากัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรูปทรง 6 เหลี่ยมทางเรขาคณิต เอาเป็นว่าไม่ว่าจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรือมนุษย์สร้างขึ้น ถือว่าที่แห่งนี้ได้สร้างความมหัศจรรย์และสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว แม้แต่ผู้เขียนเองยังรู้สึกทึ่งและอึ้งกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าเช่นกัน

mazda_vietnam2_015

mazda_vietnam2_014

บริเวณใกล้เคียงกับที่จอดรถ บรรยากาศเหมือนอยู่ริมทะเลแถบแคริเบียน

mazda_vietnam2_031

บรรยากาศสวยอย่างนี้ต้องขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึกสักหน่อย

mazda_vietnam2_035

mazda_vietnam2_036

mazda_vietnam2_038

Mazda CX-5 และ Mazda CX-3

 

มาสด้า 2 คะนองศึก…น้องเล็กแต่สมรรถนะไม่แพ้รุ่นพี่

หลังจากที่เข้าพักที่ Vietstar Resort&Spa จ.ฝูเอียน (Phu Yen) เพื่อพักผ่อนเก็บแรงไว้ในวันถัดไป นั่นเท่ากับว่าตอนนี้คาราวาน Mazda Skyactiv Asean Caravan ได้ขับบนเส้นทางของประเทศเวียดนามมาแล้วกว่า 1,300 กิโลเมตร ยังเหลือระยะทางอีกราว 800 กิโลเมตร จึงจะถึงนครโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางในวันสุดท้ายของทริปที่2 นี้ กับเส้นทางจากฮานอยสู่โฮจิมินห์ เพื่อที่จะไปสมทบกับกลุ่มที่ 3 ที่พร้อมรอรับกลุ่มที่ 2 อยู่ที่โฮจิมินห์เรียบร้อยแล้ว แต่มันมีเรื่องที่ท้าทายมากกว่านั้น นั่นคือ ระยะทางอีกราว 800 กิโลเมตร เป็นอะไรที่วางแผนเพื่อให้ไปถึงจุดหมายตามเวลาได้ยากมาก นอกจากมีการจำกัดความเร็วแล้ว เส้นทางหลังจากนี้คือการขับเข้าเมืองหลวง ซึ่งระหว่างนั้นจะมีรถบรรทุกสัญจรบนเส้นทางหลวงสายหลักค่อนข้างมาก ทำให้ใช้ความเร็วได้ช้าลงกว่าเดิม แต่คาราวานจะต้องไปถึงที่โรงแรม Tan Son Nhat Hotel Saigon ก่อน 3 ทุ่ม จึงต้องออกเดินทางจากโรงแรมช่วง 6 โมงเช้า เท่ากับว่ามีเวลา 15 ชั่วโมง สำหรับการเดินทาง

mazda_vietnam2_033

เหล่าม้าศึกมาสด้า สกายแอคทีฟ ที่ร่วมสร้างประวัติศาสตร์ในครั้งนี้

แต่ความท้าทายยังไม่จบแค่นั้น เพราะวันสุดท้ายนี้รถที่ผู้เขียนและคู่หูต้องขับก็คือ มาสด้า2 ซีดาน สีแดงสด ที่ถือว่าเป็นน้องเล็กในคาราวานครั้งนี้ เพราะขุมพลังเป็นเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G ขนาด 1.3 ลิตร  93 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 123 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และมีถังน้ำมันขนาด 35 ลิตร และนี่ไม่ใช่การขับประหยัด แถมเส้นทางยังท้าทายสุดๆ วันนี้ล่ะจะเป็นวันวัดใจกันไปเลยว่า มาสด้า 2 Skyactiv-G จะเจ๋งขนาดไหน

mazda_vietnam2_069

เส้นทางเลียบชายทะเลที่สวยงาม

mazda_vietnam2_068

ช่วงขับผ่านเนินทรายสีแดง

เส้นทางวันนี้จะผ่านเมืองญาจาง (Nha Trang) เป็นอีกหนึ่งเมืองชายฝั่งทะเลที่สวยงาม และจะขับผ่าน มุยเน่ (Mui Ne) เมืองตากอากาศสุดฮิต ที่นักท่องเที่ยวมุ่งหน้าไปสัมผัสดินแดนแห่งทะเลทรายที่มีเฉดสีที่ต่างกันถึง 18 สี ซึ่งมีทะเลทรายที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ “เนินทรายสีแดง” (Doi Cat) และ “เนินทรายสีขาว” (Bau Trang) แต่วันนี้จะขับผ่านไปแค่เพียงเนินทรายสีแดงแบบผ่านๆ เท่านั้น เพราะเวลามีไม่พอ จากนั้นจะขับรถลัดเลาะไปตามเส้นทางบนภูเขาสลับกับที่ราบลุ่ม ก่อนที่จะขับขึ้นทางด่วนพิเศษมุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางนครโฮจิมินห์

มาสด้า 2 คันงามสีแดง ออกตัวอย่างเงียบขรึมจากโรงแรม แล้วเร่งแซงรุ่นพี่อย่าง CX-5 , มาสด้า3 และ CX-3 เพื่อขึ้นมาอยู่หัวแถว จะได้ไม่รู้สึกกดดันมาก หากถูกรุ่นพี่ที่มีพละกำลังเหนือกว่าทำความเร็วฉีกหนีออกไป ขณะทำความเร็วอย่างต่อเนื่องเป็นขบวนคาราวานอยู่นั้น ผู้เขียนสัมผัสได้ถึงความโดดเด่นของมาสด้า2 คือ ในการขับแบบทั่วไป แม้ไม่ได้ทำความเร็วสูง ให้ความคล่องตัวที่ดีมาก น้ำหนักของพวงมาลัยที่เบาในช่วงความเร็วต่ำ แต่เมื่อทำความเร็วที่สูงขึ้น กลับให้ความรู้สึกมั่นใจเหมือนขับมาสด้า3 ระบบช่วงล่างที่รองรับแรงสั่นสะเทือนได้อย่างนุ่มนวล แม้จะมีอาการแข็งกระด้างเล็กน้อย แต่นั่นกลับช่วยให้การขับสนุกขึ้น รวมทั้งให้การยึดเกาะถนนได้อย่างดีเยี่ยม

mazda_vietnam2_062

อีกหนึ่งเส้นทางที่สวยมากๆ ด้านซ้ายและขวาเป็นบ่อกุ้ง ด้านหน้าเป็นภูเขา ทางซ้ายไกลออกไปคือทะเล

ในส่วนของพละกำลังเครื่องยนต์ 1.3 ลิตร 93 แรงม้า แรงบิด 123 นิวตันเมตร กลับมาแสดงสมรรถนะอย่างเต็มที่ในช่วง 200 กิโลเมตรสุดท้ายก่อนที่จะเข้าสู่นครโฮจิมินห์ เส้นทางนั้นเป็นแบบ 2 เลนสวนกัน มีรถบรรทุกขนาดใหญ่ รวมทั้งรถบรรทุกเล็กร่วมทางอย่างหนาแน่น ทำให้ใช้ความเร็วได้ต่ำมาก และหากยังคงทำความเร็วเพิ่มขึ้นไม่ได้ จะทำให้คาราวานไปถึงนัดไม่ตรงเวลาอย่างแน่นอน รถนำคาราวานซึ่งเป็นทีมงานจากทรานเอเชีย รูท จึงต้องหากที่จอดเพื่อปรับแผนการขับกันใหม่

ด้วยการปรับให้คาราวานแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม และแบ่งวิทยุสื่อสารให้สื่อสารแยกกัน 2 กลุ่ม เนื่องจากในคาราวานมีรถรวมกันถึง 15 คัน การขับไล่กัน 15 คันไม่มีทางที่จะเป็นขบวนได้อย่างแน่นอน หากอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ และความตื่นเต้น ปนความเร้าใจจึงเกิดขึ้นหลังจากนี้ และที่สำคัญต้องไว้ใจคู่หูในการเป็นผู้ดูทาง เพราะในเวียดนามขับรถชิดขวา พวงมาลัยซ้าย แต่รถที่ขับจากไทยพวงมาลัยอยู่ทางขวา จึงยากที่จะตัดสินใจเร่งแซง พร้อมๆ กับฟังเสียงวิทยุสื่อสารทางหัวขบวนว่าสามารถแซงเป็นกลุ่มได้อย่างปลอดภัยหรือไม่

mazda_vietnam2_054

mazda_vietnam2_050

จังหวะขับบนเส้นทางขึ้นภูเขาที่ลัดเลาะไปตามชายหาด

เส้นทางที่ว่านี้สามารถทำความเร็วได้ไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตามกฎหมายกำหนด แต่รถส่วนใหญ่ที่เป็นรถบรรทุกจะขับอยู่ไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จึงพอที่จะแซงได้หลายจังหวะ แต่สิ่งที่ยากคือ รถที่ขับสวนมาก็ใช้ความเร็วต่ำด้วยเช่นกัน จึงยากในการประเมินความเร็วสำหรับการแซงเป็นขบวน

เสียงเครื่องยนต์เล็กๆ ขนาด 1.3 ลิตร ดังกระหึ่มอย่างต่อเนื่องยาวนาน เพราะผู้เขียนเลือกที่จะปรับการทำงานของเกียร์ให้เป็นโหมดสปอร์ต ซึ่งหากใช้โหมดปกติ จังหวะของรอบเครื่องจะช้าเกินไปหากต้องเร่งแซง และไล่ตามความเร็วของบีที-50 โปร ให้ทัน แต่นั่นทำให้ผู้เขียนไว้ใจในสมรรถนะของมาสด้า2 มากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม รอบเครื่องกวาดสูงไม่ต่ำกว่า 3,500 รอบ อยู่เป็นชั่วโมง การตอบสนองของเกียร์เมื่ออยู่ในโหมดสปอร์ตนั้นทำได้อย่างทันใจ จะมีข้อติอย่างเดียวคือ ในจังหวะที่จำเป็นต้องใช้ความเร็วต่อเนื่องรวมทั้งเร่งแซง หากรอบเครื่องตกลงต่ำกว่า 3,000 รอบ รอบจะหายและต้องเร่งรอบให้กลับมาใหม่ พูดได้ว่าเป็นการข่มขืนและกระทำชำเรามาสด้า2 อย่างโหดร้ายทารุณที่สุด แต่สิ่งที่สัมผัสได้คือ สมรรถนะไม่ได้เป็นรองเครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่าเลย ทั้งระบบส่งกำลัง ระบบช่วงล่าง การบังคับเลี้ยว ทุกอย่างสมบูรณ์แบบมาก เมื่อจำเป็นต้องใช้ในสถานการณ์แบบนี้ ฉะนั้น กับการขับใช้งานทั่วไป ถือว่าเป็นรถอีกหนึ่งรุ่นที่ควรจะเป็นเจ้าของอย่างยิ่ง

 

นครโฮจิมินห์ เมืองหลวงแห่งความทันสมัย

หลังจากที่ขบวนคาราวานเร่งทำความเร็วกันต่อเนื่อง จนเหลือระยะทางอีก 70 กิโลเมตร เป็นเส้นทางซูเปอร์ไฮเวย์เส้นทางเดียวที่ทำความเร็วได้ถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ก่อนหน้านั้นคาราวานใช้เวลาในการเดินทางไปกว่า 11 ชั่วโมง พูดได้ว่าอ่อนเพลียกันเต็มที่ แสงตะวันเริ่มบอกลา เหลือเพียงแสงสีส้มบางตาที่เส้นขอบฟ้า และเบื้องหน้าคือนครโฮจิมินห์ที่มองเห็นแสงสีของเมืองได้จากระยะไกล

mazda_vietnam2_109

ความเจริญของเมืองส่งผลให้มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่มากมาย

mazda_vietnam2_110

การจราจรในเมืองยามค่ำคืน วุ่นวายไม่แพ้กัน

mazda_vietnam2_108

เส้นทางตรงยาวๆ กว่า 30 กิโลเมตร มุ่งหน้าสู่นครโฮจิมินห์

mazda_vietnam2_106

แสงสุดท้ายของวันแห่งการเดินทาง

mazda_vietnam2_107

เป็นเส้นทางสายเดียวที่สามารถทำความเร็วได้เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นครั้งแรกของทริป

นครโฮจิมินห์ หรือ โฮจิมินห์ซิตี้ มีชื่อเดิมว่า “ไซ่ง่อน”  (Saigon) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเวียดนามในปัจจุบัน พูดง่ายๆ ว่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยพลังแห่งการพัฒนาที่ต่างจากเมืองอื่นๆ ในเวียดนามอย่างเห็นได้ชัด นครโฮจิมินห์เติบโตอย่างรวดเร็วและมีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สูงมาก เมืองแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยสีสัน ความเจริญทางวัตถุ และมีตึกสูงมากมายเช่นเดียวกับเมืองใหญ่ในหลายประเทศ แต่ยังคงมีความดั้งเดิมสอดแทรกอยู่ผ่านสถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือน รถจักรยานยนต์ขับขี่ฉวัดเฉวียน แสงสีน่าตื่นตาตื่นใจ ไนต์คลับ โรงเบียร์ ห้างสรรพสินค้าถูกเปิดให้บริการเพิ่มขึ้น ดูเหมือนชีวิตในยามค่ำคืนของโฮจิมินห์นั่นน่าดึงดูดใจอย่างมาก แต่ในความเจริญนั้นทางวัตถุนั้น ผู้คนยังคงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายเช่นเดียวกับเมืองอื่นๆ จะต่างกันที่มีการใช้เงินมากกว่าเท่านั้นเอง

 

ปิดเส้นทาง ฮานอย – โฮจิมินห์ ความประทับใจที่ยากจะลืม

และแล้วการเดินทางของกลุ่มที่ 2 ในวันสุดท้ายได้สิ้นสุดลง หลังผ่านไปถึง 14 ชั่วโมง รวมระยะทั้งหมด 1,818 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางถึง 4 วัน 3 คืน จากวันแรกถึงวันสุดท้าย ได้เห็นถึงวิถีชีวิต เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ซึมซับอารยธรรม และรู้ซึ้งถึงสมรรถนะของเหล่าม้าศึกมาสด้า สกายแอคทีฟ แบบที่พูดได้ว่า เป็นรถที่แกร่ง สมรรถนะสูง ประหยัด เทคโนโลยีความปลอดภัยเต็มขั้น ภายใต้การออกแบบตัวถังที่สวยงามและสะดุดตา ห้องโดยสารมีสไตล์ ให้ความรู้สึกสปอร์ต และตอบโจทย์การใช้งานของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด

mazda_vietnam2_029

ผู้บริหารจากมาสด้า ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของคาราวานในครั้งนี้

mazda_vietnam2_061

mazda_vietnam2_057

mazda_vietnam2_060

mazda_vietnam2_013

mazda_vietnam2_011

mazda_vietnam2_012

เส้นทางจะไกลแค่ไหนก็ไม่หวั่น

ผู้เขียนเชื่อว่าเรื่องราวของเวียดนามจากที่ คาราวาน Mazda Skyactiv Asean Caravan ได้เดินทางไปทั่วประเทศ ผ่านการขับของผู้สื่อข่าวที่ผลัดเปลี่ยนกันมาร่วม 100 ชีวิต จะหลายเป็นเรื่องราวที่หยิบยกขึ้นมาพูดถึงได้ตลอดเวลา ขอขอบคุณ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้มอบโอกาสดีๆ เช่นนี้ และเป็นโอกาสดีที่จะได้นำเสนอเรื่องราว รวมทั้งเกร็ดความรู้ต่างๆ ผ่านสื่อไปอย่างกว้างขวางต่อไป เพราะคาราวานในครั้งนี้ เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่า “มาสด้า” ได้สร้างรถยนต์ที่พร้อมจะพาทุกคนเดินทางด้วยความสนุก และเร้าใจ ไปในทุกเส้นทางจริงๆ.

 

 

 

 

เรื่อง/ภาพ: พุทธิ ผาสุข

เรียบเรียงข้อมูลโดย กรังด์ปรีซ์ออนไลน์ GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th

 

 

 

TagsMazda Skyactiv Asean Caravan
0
Shares
  • 0
  • +
  • 0
  • 0

บทความแนะนำที่น่าสนใจ

บทความ รีวิว รถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านสมรรถนะ ที่น่าสนใจ
บทความ รถออกใหม่ ที่น่าสนใจ
บทความ รถครอบครัว ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านราคารถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านดีไซน์รถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านการซื้อรถ ที่น่าสนใจ
บทความเรื่องรถที่น่าสนใจ

About

logo_grandprix_online2016full

Grandprix Online กรังด์ปรีซ์ออนไลน์ ผู้นำข่าวสารยานยนต์

Thailand Automotive news leader and auto show. Our mission is the leading source of news about the global automotive industry.

Recent Posts

  • Lynk & Co 10 EM-P รถซีดานปลั๊กอินไฮบริดใช้ไฟฟ้าเดินทางได้เกือบ 200 กิโลเมตร
  • Koenigsegg Sadair’s Spear ไฮเปอร์คาร์รุ่นใหม่เน้นปรับปรุงสมรรถนะสำหรับสนามแข่ง
  • Lancia Ypsilon HF ตัวแรงของรถไฟฟ้ารุ่นเล็ก
  • ฟอร์ด ฉลองครบรอบ 29 ปี Growing Together-ส่งโปรฯ ช่วยผ่อน 29 งวด พร้อมแคมเปญพิเศษตอบแทนลูกค้า
  • New Mazda CX-3 Essential ขาย 4 รุ่น เริ่มต้นเพียง 699,000 บาท

Advertising

สนใจลงโฆษณา
ติดต่อ : 02-522-1731-8

  • Facebook
  • Youtube
  • Instagram