Grand Prix Online

Main Menu

  • HOME
  • AUTO NEWS
    • Bizz News
      • NEW COMER
      • MODEL/MINORCHANGE
      • WORLD MOVEMENT
      • Corporate News
    • Achive
      • Car
      • Motorcycle
    • Promotion
    • Motorsport
      • MOTORSPORT NEWS
      • RACE RESULT
  • Motorcycle
    • Round Up News
    • NEW MODEL
    • Bike Technic
  • SPECIAL SCOOP
    • TOKYO MOBILITY
    • Test drive
    • REPORT
    • Classic Car
    • Interview
    • Modified
    • Technology
    • Tip&Technic
    • Insurance Tips
    • Variety Scoop
    • BOY’S TOY
    • Video
  • ABOUT US
    • ADVERTISING
    • CONTACT US
    • PRIVACY POLICY
  • INVESTOR RELATIONS
  • Work with us

logo

Header Banner

Grand Prix Online

  • HOME
  • AUTO NEWS
    • Bizz News
      • NEW COMER
      • MODEL/MINORCHANGE
      • WORLD MOVEMENT
      • Corporate News
    • Achive
      • Car
      • Motorcycle
    • Promotion
    • Motorsport
      • MOTORSPORT NEWS
      • RACE RESULT
  • Motorcycle
    • Round Up News
    • NEW MODEL
    • Bike Technic
  • SPECIAL SCOOP
    • TOKYO MOBILITY
    • Test drive
    • REPORT
    • Classic Car
    • Interview
    • Modified
    • Technology
    • Tip&Technic
    • Insurance Tips
    • Variety Scoop
    • BOY’S TOY
    • Video
  • ABOUT US
    • ADVERTISING
    • CONTACT US
    • PRIVACY POLICY
  • INVESTOR RELATIONS
  • Work with us
Classic Car
Home›Special Scoop›Classic Car›Mazda Rotary&Kenichi Yamamoto…ชายที่เคยทำให้มาสด้าขึ้นสู่จุดสูงสุด

Mazda Rotary&Kenichi Yamamoto…ชายที่เคยทำให้มาสด้าขึ้นสู่จุดสูงสุด

By นันทพงศ์ ภักดีบุตร
December 28, 2017
4032
0
Share:

          ความทรงจำของผู้คนที่ติดตามเรื่องราวของมาสด้า ค่ายรถญี่ปุ่นที่มีเรื่องราวแห่งการเปลี่ยนแปลงในหลายเรื่อง จากที่เคยเงียบเหงาจนเกือบจะหายไปจากความทรงจำของผู้ใช้รถเมืองไทยรวมไปถึงทั่วโลก ก็กลับพลิกฟื้นมาเป็นหนึ่งในกระแสค่ายรถที่ได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ

แต่หากย้อนไปในอดีตมาสด้าเคยก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในโลกยานยนต์ ด้วยการเข้าร่วมการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตที่ เลอ ม็อง ในปี 1991 ด้วยรถ 787B สปอร์ตคาร์ ที่ใช้เครื่องยนต์ โรตารี่แบบ 4 โรเตอร์ ซึ่งเป็นเพียงทีมเดียวที่ใช้เครื่องยนต์แบบโรตารี่ในการแข่งขัน ซึ่งเทคโนโลยีในการพัฒนาเครื่องยนต์โรตารี่ของมาสด้า เป็นผลงานการพัฒนาค้นคว้าและสร้างจาก “เคนอิจิ ยามาโมโต” และทีมงานวิศวกรที่เรียกว่า 47 ซามูไร

“เคนอิจิ ยามาโมโต” ถูกขนานนามว่าเป็น บิดาแห่งเครื่องยนต์โรตารี่ของมาสด้า คงมาจากหลายส่วน เพราะนอกจากเขาจะมีแนวคิดในการพัฒนาเครื่องยนต์โรตารี่ของมาสด้าให้มีสมรรถนะที่สูงขึ้น เขายังทำให้แบรนด์อย่างมาสด้ามีทิศทางและตัวตนในการสร้างรถสองประตูแบบสปอร์ตเปิดประทุนออกมาจำหน่าย จนเป็นที่รู้จักมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

เขาเรียนจบมาทางด้านวิศวกรรมยานยนต์ ญี่ปุ่นในช่วงนั้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาประเทศที่บอบช้ำจากระเบิดนิวเคลียร์ อุตสาหกรรมยานยนต์คือหนึ่งในทิศทางเศรษฐกิจที่ต้องพัฒนา ความรู้และประสบการณ์ของเขาถูกสั่งสมจากการมาทำงานที่ โรงงาน Toyo Kogyo ที่ได้เริ่มสร้างเครื่องยนต์ใหม่สำหรับรถบรรทุกสามล้อ ซึ่งจำหน่ายภายใต้แบรนด์มาสด้า

แบรนด์มาสด้าเปิดตัว Mazda R36 ในปี 1961 ซึ่งถือเป็นรถยนต์รุ่นแรก และปีต่อมามาสด้ามีโครงการพัฒนาเครื่องยนต์แบบโรตารี่ร่วมกับหุ้นส่วนทางเทคนิค NSU จากเยอรมัน “เคนอิจิ ยามาโมโต” ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องนี้ร่วมกับทีมงานวิศวกร 47 ซามูไร

จากนั้นในปี 1964 มาสด้าได้นำเสนอรถต้นแบบ Cosmo Sport ซึ่งเป็น Roadster สปอร์ตสองประตูเปิดประทุนได้ ที่วางเครื่องยนต์แบบโรตารี่ และนี่คือการเปิดประตูสู่อนาคตที่ยิ่งใหญ่ของมาสด้าในช่วงเวลานั้น จากผลงานของ “เคนอิจิ ยามาโมโต” และทีมวิศวกร 47 ซามูไร

กว่าที่ Cosmo Sport จะถูกผลิตออกมาในปี 1967 ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมันต้องผ่านข้อจำกัดกฎเกณฑ์ของหน่วยงานรัฐบาลประเทศญี่ปุ่น ที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยในช่วงแรกๆ แต่มันก็สำเร็จออกมาเป็นรถ Roadster ที่มาพร้อมเครื่องยนต์แบบโรตารี่แบบ 2 โรเตอร์ หลังจากนั้นเป็นต้นมา มาสด้าเล่นกับเครื่องยนต์แบบโรตารี่มาตลอดในทุกรุ่นที่ผลิตออกมาช่วงนั้น อย่างรถในตระกูล RX และทำให้ RX7 ได้รับความนิยมในตลาดอเมริกา ในปี 1978

“เคนอิจิ ยามาโมโต” ก้าวสู่ตำแหน่งสูงสุด Chairman ในปี 1987 จากนั้นเขาได้ทำการพัฒนา Roadster ของมาสด้าให้มีเอกลักษณ์ผสมความคลาสสิคสไตล์ยุโรป จนนำไปสู่เอกลักษณ์ two-seat roadster ของมาสด้า จนเป็นที่รู้จักและประสบความสำเร็จในการแข่งขันอย่างที่ได้กล่าวไปในช่วงต้น

จะเห็นได้ว่าเขาคือบุคคลที่ทำผลงานให้แบรนด์อย่างมาสด้าขึ้นสู่จุดสูงสุด และเป็นที่ยอมรับในตลาดรถยนต์ทั่วโลก เพราะนอกจากจะจับเอาเครื่องยนต์แบบโรตารี่มาพัฒนาและใช้งานอย่างจริงจัง ซึ่งในตอนนั้นจนกระทั่งถึงปัจจุบันไม่เป็นที่นิยมเท่ากับเครื่องยนต์แบบอื่น แต่มันก็ยังถูกใช้และพัฒนามาอย่างต่อเนื่องในรถสปอร์ตของมาสด้า

อาจเป็นเพราะการร่วมมือพัฒนากับทาง NSU ของเยอรมันทำให้เขาเล็งเห็นถึงสมรรถนะอันได้เปรียบกว่าเครื่องยนต์แบบอื่นบนพื้นฐานเดียวกัน เพราะเครื่องยนต์แบบโรตารี่นั้นในหนึ่งโรเตอร์จะเท่ากับเครื่องยนต์แบบลูกสูบถึงสามสูบ จึงมีขนาดและน้ำหนักเครื่องยนต์ที่น้อยกว่า อีกทั้งในหนึ่งกลวัตรหรือการเคลื่อนที่หมุน 1 รอบของโรเตอร์ (เปรียบได้กับลูกสูบของเครื่องยนต์โรตารี่) จะได้งานหรือกำลังจากการจุดระเบิดถึง 3 ครั้ง ซึ่งมากกว่าเครื่องยนต์แบบ 3 สูบถึง 6 เท่า เพราะเครื่องยนต์แบบลูกสูบต้องหมุนถึง 2 รอบถึงจะได้กำลังการระเบิด 1 ครั้งต่อกระบอกสูบ อีกทั้งยังต้องจุดระเบิดตามลำดับทีละสูบอีกต่างหาก ดังนั้นเครื่องยนต์แบบ 2 โรเตอร์ของมาสด้า จะเท่ากับเครื่องยนต์ 6 สูบ ที่ทำงานได้เทียบเท่าเครื่อง 12 สูบ ในเครื่องยนต์แบบ 4 จังหวะ ดูด อัด ระเบิด คลาย

ด้วยสมรรถนะที่จัดจ้านของเครื่องยนต์แบบโรตารี่ ให้การตอบสนองที่ทันทีทันใด แต่ต้องแลกมาด้วยอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ค่อนข้างมาก จึงกลายเป็นข้อจำกัดในการใช้งาน ที่กระแสโลกเดินไปตามหนทางของการประหยัดพลังงาน รวมถึงการหาเชื้อเพลิงทดแทนชนิดใหม่ ซึ่งยากที่จะรองรับเครื่องยนต์แบบโรตารี่ที่รอบจัดและความร้อนสูง มันจึงถูกนำไปใช้ในรถแบบเฉพาะอย่างพวกรถสปอร์ตหรือรถสำหรับการแข่งขัน แต่ในปัจจุบันเครื่องยนต์แบบลูกสูบมีการพัฒนาไปมากจนเพียงพอต่อการใช้งาน อีกทั้งสมรรถนะที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเครื่องยนต์แบบโรตารี่ ในรูปแบบการใช้งานจริง ทำให้เครื่องยนต์แบบโรตารี่ไม่ถูกนำมาใช้ในแบรนด์อื่น หรือแม้แต่ค่ายมาสด้าเองในปัจจุบัน

แต่ถ้าการพัฒนาเครื่องยนต์แบบโรตารี่ให้สามารถใช้เชื้อเพลิงทางเลือกได้มากขึ้น อย่างน้อยก็ต้องรองรับน้ำมันแบบแก๊สโซฮอล์ และมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่อยู่ในระดับซึ่งผู้ใช้งานสามารถยอมรับและจับต้องได้ รวมไปถึงการกระจายเทคโนโลยีให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ในอนาคตอาจจะมีการนำเอาเครื่องยนต์แบบโรตารี่มาใช้ในรถหรือยานพาหนะอื่นๆ ก็เป็นได้

สำหรับมาสด้ากับเครื่องยนต์แบบโรตารี่คงจะไม่ทิ้งกันไปไหน แต่อาจจำกัดอยู่ในรุ่นเฉพาะอย่างตระกูล Roadster จนกว่าจะมีความชัดเจนในการพัฒนาที่ลงตัวจนสามารถทำให้เครื่องยนต์แบบโรตารี่กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง ตามปณิธานของ“เคนอิจิ ยามาโมโต”

“เคนอิจิ ยามาโมโต” เขาได้เสียชีวิตลงแล้วเมื่อเร็ว ๆนี้ หลังจากมีข่าวออกมาทำให้ การรำลึกถึงเรื่องราวและผลงานที่เขาได้ทำเอาไว้เป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะมันหมายถึงอนาคตของแบรนด์อย่างมาสด้าที่ได้ผ่านวันเวลาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เชื่อได้เลยว่าโลกยานยนต์จะต้องมีการพัฒนาไปอีกมาก เหมือนกับในอดีตและเรื่องราวของเขา “เคนอิจิ ยามาโมโต” Father of the Mazda Rotary…

            

         

เรื่อง : ศิปิวรรธ ปานกลาง

ขอบคุณภาพ : www.carnichiwa.com / www.s1.cdn.autoevolution.com / www.johsautolife.com /  www.i.kinja-img.com /  www.motorpasion.com

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th

TagsKenichi Yamamotoknowlege - LifestyleMazda Rotaryรถญี่ปุ่น
0
Shares
  • 0
  • +
  • 0
  • 0

บทความแนะนำที่น่าสนใจ

บทความ รีวิว รถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านสมรรถนะ ที่น่าสนใจ
บทความ รถออกใหม่ ที่น่าสนใจ
บทความ รถครอบครัว ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านราคารถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านดีไซน์รถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านการซื้อรถ ที่น่าสนใจ
บทความเรื่องรถที่น่าสนใจ

About

logo_grandprix_online2016full

Grandprix Online กรังด์ปรีซ์ออนไลน์ ผู้นำข่าวสารยานยนต์

Thailand Automotive news leader and auto show. Our mission is the leading source of news about the global automotive industry.

Recent Posts

  • Lynk & Co 10 EM-P รถซีดานปลั๊กอินไฮบริดใช้ไฟฟ้าเดินทางได้เกือบ 200 กิโลเมตร
  • Koenigsegg Sadair’s Spear ไฮเปอร์คาร์รุ่นใหม่เน้นปรับปรุงสมรรถนะสำหรับสนามแข่ง
  • Lancia Ypsilon HF ตัวแรงของรถไฟฟ้ารุ่นเล็ก
  • ฟอร์ด ฉลองครบรอบ 29 ปี Growing Together-ส่งโปรฯ ช่วยผ่อน 29 งวด พร้อมแคมเปญพิเศษตอบแทนลูกค้า
  • New Mazda CX-3 Essential ขาย 4 รุ่น เริ่มต้นเพียง 699,000 บาท

Advertising

สนใจลงโฆษณา
ติดต่อ : 02-522-1731-8

  • Facebook
  • Youtube
  • Instagram