Mazda คว้า 6 รางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี Car of The Year 2025

Mazda คว้า 6 รางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี Car of The Year 2025 ฉลองความสำเร็จส่งท้ายปี คว้ารางวัลอันทรงเกียรติจากเวที Car of the Year 2025 รถรุ่นไหนบ้างที่ได้รับการยกย่องให้เป็นที่สุดแห่งปี ตามมาดูกันเลย
BEST SEDAN DIESEL UNDER 1,500 c.c.
MAZDA2 XDL SKYACTIV-D
ที่สุดของความคุ้มค่าของกลุ่มรถเซ็กเมนต์ SEDAN ชั่วโมงนี้ต้องยกให้กับ Mazda2 XDL Skyactiv-D ที่มาพร้อมกับความแรงของเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบและความประหยัดสูงสุด 26.3 กม./ลิตร พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง G-Vectoring Control Plus ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้ Mazda2 XDL Skyactiv-D คว้ารางวัล Car of The Year 2025 มาครองได้สำเร็จ…
จุดเด่นที่คณะกรรมการลงคะแนน
ขุมพลังดีเซล ประหยัด-แรง ลงตัวทุกการใช้งาน Mazda2 XDL Skyactiv-D ตอบโจทย์การใช้งานด้วยเครื่องยนต์ Skyactiv-D 1.5 ลิตร 1,499 ซี.ซี. เทอร์โบแปรผัน แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว ส่งกำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับเกียร์ Skyactiv-D อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมแมนนวลโหมด Activematic ประหยัดน้ำมันถึง 26.3 กม./ลิตร ขับสนุกและมั่นใจด้วยระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง หรือ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) เทคโนโลยีเฉพาะของมาสด้าที่ช่วยควบคุมสมรรถนะการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้ผู้โดยสารทุกตำแหน่ง
การออกแบบลงตัวทั้งภายนอก-ภายใน
Mazda2 XDL Skyactiv-D ดีไซน์ภายนอก ให้มีความสปอร์ตและทันสมัย ด้วยไฟ LED Projector และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED Signature ระบบไฟหน้าปรับอัตโนมัติ ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ สปอยเลอร์หลัง ปลายท่อไอเสียโครเมียม ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว
ส่วนภายใน Mazda2 XDL Skyactiv-D ได้รับการออกแบบให้มีความพรีเมียม ใช้งานง่ายด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง 2 ตำแหน่ง เพิ่มความสะดวกด้วย Active Driving Display สกรีนใสแสดงข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญ Sport Paddle Shift ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยและ Cruise Control ระบบควบคุมความเร็วคงที่ รวมถึงระบบช่วยประหยัดน้ำมัน i-STOP และประหยัดพลังงาน i-ELOOP เพิ่มการขับขี่ไร้กังวล ทั้งประหยัดและปลอดภัย
นอกจากนี้ ยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ในยุคดิจิทัล ด้วยอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger), หน้าจอสี Center Display
แบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว เชื่อมต่อกับระบบ Mazda Connect ที่รองรับระบบ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto
ระบบความปลอดภัย i-Activsense
สร้างความปลอดภัยทุกการเดินทาง
Mazda2 XDL Skyactiv-D เพิ่มความมั่นใจในการใช้งานด้วยเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยเชิงป้องกัน i-Activsense ที่ช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุรุนแรง และช่วยให้การขับขี่เป็นไปได้อย่างง่ายยิ่งขึ้น เพื่อความปลอดภัยตลอดทุกการเดินทาง อาทิ ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ Advanced SCBS (Advanced Smart City Brake Support), ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ABSM), ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา
ขณะถอยหลัง (RCTA) และระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360° View Monitor) และยังคงระบบความปลอดภัยมาตรฐานอย่างครบครัน อาทิ ระบบป้องกันล้อล็อก (4W-ABS), ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ (DSC), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HLA), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล (TCS), สัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน (ESS) และเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด และด้านหลัง 4 จุด
ซึ่งทั้งหมดนี้ คือความโดดเด่นเหนือใคร ที่ทำให้ Mazda2 XDL Skyactiv-D ได้รับการ
คัดเลือกให้เป็น BEST SEDAN DIESEL UNDER 1,500 c.c. ประจำปี 2025 จากคณะกรรมการ
BEST HATCHBACK UNDER 2,000 c.c.
MAZDA3 FASTBACK 2.0 SP
ยังเป็นรถที่โดดเด่นเรื่องการออกแบบสำหรับ Mazda3 Fastback 2.0 SP ที่เน้นการออกแบบเรียบง่าย แต่มีความหรูที่สะท้อนความสปอร์ต และยังขับสนุกด้วยขุมพลัง Skyactiv และเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย ทำให้ได้รับการโหวตมากที่สุดจากคณะกรรมการ ให้เป็น BEST HATCHBACK UNDER 2,000 c.c. ในปี 2025
จุดเด่นที่คณะกรรมการลงคะแนน
ภายนอก-ภายใน หรู สะท้อนความสปอร์ต
Mazda3 Fastback 2.0 SP ภายนอกเน้นความสปอร์ตและทันสมัย ด้วยกระจังหน้าสีดำเปียโน ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED ไฟส่องสว่างกลางวัน LED ไฟท้าย LED Signature ระบบไฟหน้าปรับสูง-ต่ำ อัตโนมัติ พร้อมระบบเปิด-ปิด อัตโนมัติ กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าพับอัตโนมัติ พร้อมไฟเลี้ยว ท่อไอเสียคู่แบบสปอร์ต สปอยเลอร์หลัง หลังคาซันรูฟไฟฟ้าและล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว
ทางด้านภายใน Mazda3 Fastback 2.0 SP เพิ่มความสะดวกสบายด้วยเบาะด้านคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมบันทึก 2 ตำแหน่งเบาะด้านหลังพับได้แบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่วางสัมภาระได้ หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้า มาตรวัดดิจิทัล แบบ TFT LCD พร้อมแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสี MID ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ หน้าจอสี Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ระบบเสียง Bose รอบทิศทาง 12 ตำแหน่ง
ขุมพลัง SKYACTIV-G 2.0 ลิตร
ขับสนุกทุกเส้นทาง
Mazda3 Fastback 2.0 SP ขับเคลื่อน ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน Skyactiv-G 2.0 ให้สมรรถนะความแรงควบคู่ กับการประหยัดน้ำมัน ด้วยเทคโนโลยีที่ฉีดเชื้อเพลิงสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง ทำให้มีอัตราส่วนกำลังอัดสูง ให้แรงม้าและแรงบิดต่อเนื่องในทุกช่วงการทำงาน ให้กำลัง 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร รองรับน้ำมัน E85 อัตราสิ้นเปลือง 15.9 กม./ลิตร ระบบส่งกำลัง Skyactiv-Drive เกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ
6 สปีด ให้การตอบสนองแม่นยำในทุกรอบความเร็ว พร้อมแมนนวลโหมด Activematic ขับสนุกและปลอดภัยมากขึ้น ด้วยระบบ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ที่ช่วยควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล โดยเฉพาะในทางโค้งและในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ขับสัมผัสถึงความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันของคนกับรถได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ขีดสุดของระบบความปลอดภัย
Mazda3 Fastback 2.0 SP มาพร้อมเทคโนโลยี ความปลอดภัย i-Activsense รอบคันที่ช่วยให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อาทิ ระบบเตือน เมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Advanced Blind Spot Monitoring), ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert) และระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SCBS-R (Smart City Brake Support-Reverse)
นอกจากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ อาทิ ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360° View Monitor), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบ Stop & Go (Mazda Radar Cruise Control) อีกทั้งยังช่วยลดความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ขณะเดินทางไกล, ระบบเตือน
การชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ (Smart Brake Support) และระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced Smart City Brake Support) ที่ได้เพิ่มขีดความสามารถในการตรวจจับคนเดินถนน
จากความโดดเด่นที่เหนือชั้น ทำให้ Mazda3 Fastback 2.0 SP ได้รับการโหวตจากคณะกรรมการว่ามีความโดดเด่นเหนือคู่แข่งในคลาสเดียวกัน จนทำให้สามารถคว้ารางวัล BEST HATCHBACK UNDER 2,000 c.c. มาครองได้สำเร็จ
BEST DIESEL SUV UNDER 2,500 c.c.
MAZDA CX-5 SKYACTIV-D AWD
ยังเป็นรถ SUV ที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย ทั้งในด้านขุมพลัง ประโยชน์การใช้สอย เทคโนโลยีทันสมัยและสมรรถนะในการขับที่มั่นใจ จนทำให้ Mazda CX-5 Skyactiv-D AWD กลายเป็นรถ SUV ที่ลงตัวที่สุด และได้รับผลโหวตจากคณะกรรมการให้เป็น BEST DIESEL SUV UNDER 2,500 c.c. ซึ่งความพิเศษที่มัดใจใครหลายๆ คนจะมีอะไรบ้าง มาดูกัน
จุดเด่นที่คณะกรรมการลงคะแนน
ขุมพลัง SKYACTIV-D ประหยัด ขับสนุก
Mazda CX-5 Skyactiv-D AWD มาพร้อมกับขุมกำลังเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 2.2 ลิตร จับคู่กับระบบเกียร์ Skyactive-Drive อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบวาล์วไอเสียแปรผันอัจฉริยะ VVT และระบบเทอร์โบแปรผัน 2 ขั้นให้การตอบสนองที่รวดเร็วและแม่นยำยิ่งกว่าเดิมในทุกรอบความเร็ว ให้แรงม้าสูงสุดถึง 190 แรงม้าต่อ 4,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดถึง 450 นิวตัน-เมตร ต่อ 2,000 รอบต่อนาที พร้อมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ i-ActivAWD
ควบคุมตัวรถได้ง่ายขึ้น ด้วยระบบ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ที่ช่วยปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ตามการหักเลี้ยวพวงมาลัยของผู้ขับขี่ ควบคู่ไปกับการเบรกที่เหมาะสม เพื่อให้รถขับเคลื่อนไปอย่างนุ่มนวล มีเสถียรภาพผู้ขับขี่แก้พวงมาลัยน้อยลง ควบคุมรถง่ายและแม่นยำยิ่งขึ้น สามารถเข้าโค้งและออกจากโค้งได้อย่างนุ่มนวล
เหนือระดับกับเทคโนโลยีความปลอดภัยเต็มรูปแบบ
นอกจากนี้ Mazda CX-5 Skyactiv-D AWD ยังมาพร้อมระบบ i-Activsense เทคโนโลยีความปลอดภัยเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุได้รอบคัน ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของมาสด้าที่มอบให้กับผู้ขับขี่และคนสำคัญ อาทิ ระบบแสดงภาพ 360 องศารอบทิศทาง พร้อมมุมกล้องในแบบ Top View ผ่านหน้าจอ Center Display ขนาด 7 นิ้ว ทําให้มั่นใจและปลอดภัยยิ่งขึ้น, ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps),
ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control), ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ SBS (Smart Brake Support), ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติด้านหน้า SCBS (Smart City Brake Support), ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SCBS-R (Smart City Brake Support-Reverse), ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane-keep Assist System), ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) และระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา ขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
ซึ่งทั้งหมดนี้ คือความสุดยอดของ Mazda CX-5 Skyactiv-D AWD ที่คณะกรรมการเทคะแนนให้จนสามารถคว้ารางวัล BEST DIESEL SUV UNDER 2,500 c.c. ใน Thailand Car of The Year 2025
BEST HIGH-LIFTED PICKUP 2,200 c.c.
MAZDA BT-50 DBL 2.2 HI-RACER
กลับมาดุดันในตลาดรถปิกอัพอีกครั้ง กับ Mazda BT-50 DBL 2.2 Hi-Racer ปิกอัพสุดหรูสไตล์เอสยูวี ที่มาด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว “โคโดะ ดีไซน์” (KODO Design) เส้นสายที่เรียบง่ายแต่งดงามและขุมพลังใหม่ เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร ที่แรงและประหยัดมากยิ่งขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นจุดเด่นที่สำคัญ ทำให้คณะกรรมการผู้ตัดสิน Car of The Year 2025 ต่างโหวตให้ Mazda BT-50 DBL 2.2 Hi-Racer เป็นรถปิกอัพที่ดีที่สุดในคลาส BEST HIGH-LIFTED PICKUP 2,200 c.c.
จุดเด่นที่คณะกรรมการลงคะแนน
ภายนอกใหม่ ภายในตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
Mazda BT-50 DBL 2.2 Hi-Racer เวอร์ชัน 2025 ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่ กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ แบบรังผึ้งสไตล์สปอร์ต ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED Signature กันชนหน้าเพิ่มช่อง Air Curtain พร้อมไฟตัดหมอกทรงกลมและกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว มิติตัวรถ ยาว 5,280 มิลลิเมตร กว้าง 1,870 มิลลิเมตร สูง 1,810 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ Wheelbase 3,125 มิลลิเมตร
ส่วนภายในห้องโดยสารใช้วัสดุตกแต่งภายในสีดำด้าน Matte Black ติดตั้งหน้าจอ MID แบบสี ขนาด 7 นิ้ว หน้าจอ Center Display ขนาด 9 นิ้ว
ใหม่ รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ทำงานร่วมกับชุดลำโพง 6 ตำแหน่ง รวมถึงปรับช่อง USB ใหม่ จากแบบ Type-A เป็น
Type-C เพื่อความทันสมัย พร้อมเสริมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
ขุมพลังใหม่ ดีเซล 2.2 e-VGS Turbo
Mazda BT-50 DBL 2.2 Hi-Racer มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล รหัส RZ4F-TC ขนาด 2.2 ลิตร 2,164 ซี.ซี. 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC Commonrail Direct Injection พร้อมเทอร์โบแปรผันแบบครีบ E-VGS และ Intercooler / Electronic Wastegates พละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า
ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,400 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบ Sequential Shift พร้อม Manual
Mode + – ขับเคลื่อน 2 ล้อ รองรับน้ำมันสูงสุดดีเซล B20 รองรับมาตรฐาน EURO 5 พร้อมระบบ DPF (Diesel Particulate Filter Regeneration) ทำความสะอาดคราบเขม่า และระบบสตาร์ทรถด้วยกุญแจรีโมท Engine Remote Start ส่วนระบบช่วงล่างเป็นแบบอิสระ ปีกนก 2 ชั้น Double Wishbone with Coil Spring ช่วงล่างหลังแหนบยาวแบบ LONG SPAN WSSP พร้อมช็อคอัพ ช่วยเพิ่มเสถียรภาพการทรงตัว และชุดแหนบด้านหลังที่ให้ความสามารถในการบรรทุกและรับน้ำหนักได้มากขึ้น ระบบเบรกคู่หน้า ดิสก์เบรก / คู่หลัง ดรัมเบรกด้านระบบความปลอดภัยถูกติดตั้งระบบเบรก
ABS / EBD / BA และถุงลมนิรภัยคู่หน้าทุกรุ่นย่อย
ขณะที่รุ่น Hi-Racer ขึ้นมา ถูกติดตั้งระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว DSC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS, สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน ESS, ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HLA, ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC, เซ็นเซอร์กะระยะพร้อมกล้องมองหลัง และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง
ซึ่งทั้งหมดนี้ คือความพิเศษของ Mazda BT-50 DBL 2.2 Hi-Racer ที่คณะกรรมการต่างลงความเห็นว่า “นี่คือรถปิกอัพที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ลงตัวที่สุด”
THE BEST PERFORMANCE COMPACT SUV
MAZDA CX-30
นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในกลุ่มรถเซ็กเมนต์ COMPACT SUV สำหรับ Mazda CX-30 ที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย ทั้งในด้านขุมพลัง ประโยชน์การใช้สอย เทคโนโลยีทันสมัยและสมรรถนะในการขับที่มั่นใจ ทำให้ได้รับผลโหวตจากคณะกรรมการให้เป็น THE BEST PERFORMANCE COMPACT SUV ในปี 2025
จุดเด่นที่คณะกรรมการลงคะแนน
ขุมพลัง SKYACTIV-G ขับสนุก ตอบสนองทุกย่านความเร็ว
Mazda CX-30 ขับสนุก ตอบสนองทุกย่านความเร็ว ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G ขนาด 2.0 ลิตร ความจุ 1,998 ซี.ซี. DOHC แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual-S-VT และระบบไอเสีย 4-2-1 พร้อม i-Stop ส่งกำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Skyactiv-Drive 6 สปีด พร้อมแมนนวลโหมด ให้อัตราประหยัดน้ำมันอยู่ที่ 15.4 กม./ลิตร และรองรับน้ำมัน E85 ขับสนุกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ด้วยระบบGVC Plus ที่ช่วยควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล โดยเฉพาะในทางโค้ง และในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ขับสัมผัสถึงความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันของคนกับรถสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
การออกแบบสปอร์ต เน้นการใช้งาน
Mazda CX-30 ได้รับการออกแบบที่ให้ ทัศนวิสัยในแบบครอสโอเวอร์เอสยูวี ด้วยเบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทางพร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ได้ 2 ตำแหน่ง แผงหน้าปัดและมาตรวัดดิจิทัลแบบ TFT LCD ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลข้อมูลได้หลากหลาย เพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยการแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า โดยผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนนจอ Center Display แบบ Widescreen
ขนาด 8.8 นิ้ว ควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander เชื่อมต่อการสื่อสารแบบไร้ขีดจำกัดด้วย Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay สร้างอารมณ์สุนทรีย์ด้วยระบบเสียงคุณภาพสูงจาก Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง สะดวกสบายตลอดเส้นทางภายในห้องโดยสารที่เงียบ โปร่งสบาย พร้อมหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
เพิ่มความอเนกประสงค์ด้วยเบาะหลังแบบพับได้ 60:40 แยกอิสระจากกัน และประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า
ระบบความปลอดภัย
เชิงป้องกันเต็มรูปแบบ
Mazda CX-30 มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense รอบคัน ที่จะช่วยคาดการณ์และส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่ให้เพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุ โดยระบบความปลอดภัยที่มีการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น ได้แก่ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Advanced Blind Spot Monitoring) และระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert) นอกจากนี้
ยังมีระบบความปลอดภัยอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ อาทิ ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360° View Monitor), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Mazda Radar Cruise Control) อีกทั้งยังช่วยลดความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ขณะเดินทางไกล, ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ (Smart Brake Support) และระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced Smart City Brake Support) ที่ได้เพิ่มขีดความสามารถในการตรวจจับคนเดินถนนเพิ่มความปลอดภัยให้ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร รวมถึงผู้ใช้ถนน
จากความโดดเด่นที่เหนือชั้น ทำให้ Mazda CX-30 ได้รับการโหวตจากคณะกรรมการว่านี่คือตัวเลือกที่ดีที่สุดในกลุ่มรถเซ็กเมนต์ COMPACT SUV ทำให้คว้ารางวัล THE BEST PERFORMANCE COMPACT SUV 2025
THE MOST VALUABLE SUV
MAZDA CX-8 SKYACTIV-D AWD
ยังเป็นรถคุ้มค่ามากที่สุดสำหรับ Mazda CX-8 Skyactiv-D AWD ด้วยรูปลักษณ์ที่หรูหราและตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย ทั้งในด้านขุมพลัง ประโยชน์การใช้สอย และเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย ทำให้คณะกรรมการลงความเห็นว่า นี่คือรถที่คุ้มค่าในการใช้งานทุกด้าน จนได้รับผลโหวตให้ได้รับรางวัล THE MOST VALUABLE SUV ใน Thailand Car of The Year 2025
จุดเด่นที่คณะกรรมการลงคะแนน
ดีไซน์หรู เน้นการใช้งานอย่างครบครัน
Mazda CX-8 Skyactiv-D AWD เน้นการออกแบบและให้ความสำคัญกับพื้นที่ภายในห้องโดยสาร ความสะดวกสบาย สามารถรองรับการใช้งานจริงของผู้โดยสารในทุกตำแหน่งที่นั่ง ห้องโดยสารแบบ 3 แถว สามารถปรับพับแยกได้แบบ 60:40 พร้อมพนักวางแขน ที่วางแก้วน้ำ และช่อง USB สำหรับชาร์จไฟ 2 ช่อง ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับครอบครัวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเบาะที่นั่งแถวสามของทั้ง 2 แบบ รองรับผู้โดยสารที่มีความสูงได้ถึง 170 ซม.
การตกแต่งภายในห้องโดยสารเลือกใช้สีโทนเข้มหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้ามาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัล พร้อมจอแสดงผล
แบบสี ขนาด 7 นิ้ว เบาะนั่งในตำแหน่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง มาพร้อมระบบปรับเบาะดันหลังไฟฟ้า และระบบบันทึกตำแหน่งของเบาะ
2 ตำแหน่ง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Tri Zone พร้อมแผงควบคุมบริเวณเบาะนั่งแถวที่สอง ประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี ระบบเสียงคุณภาพ Bose รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง รองรับการเชื่อมต่อแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนผ่านระบบ Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay โดยแสดงข้อมูลผ่าน Center Display จอสีแบบสัมผัส ขนาด 8 นิ้ว ที่ควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander
ขุมพลังดีเซลเทอร์โบตอบสนอง
ทุกการใช้งาน
Mazda CX-8 Skyactiv-D AWD มาพร้อมกับขุมกำลังเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ คลีนดีเซล 2.2 ลิตร (Skyactiv-D 2.2) ที่ได้รับการปรับปรุงพัฒนาใหม่ พร้อมระบบวาล์วไอเสียแปรผันอัจฉริยะ VVT และระบบเทอร์โบแปรผัน 2 ขั้น ให้การตอบสนองที่รวดเร็ว และแม่นยำยิ่งกว่าเดิมในทุกรอบความเร็ว
ให้แรงม้าสูงสุดถึง 190 แรงม้า/4,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดถึง 450 นิวตัน-เมตร/2,000 รอบต่อนาที โดยในรุ่น XDL Exclusive มาพร้อม
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อัตโนมัติ i-Activ AWD ที่ช่วยปรับระบบการขับขี่ให้เหมาะสมกับสภาพถนนและประหยัดน้ำมันสูงถึง 17.5 กิโลเมตรต่อลิตร
ระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ
Mazda CX-8 Skyactiv-D AWD อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำ i-Activsense รอบคัน ที่จะช่วยคาดการณ์และส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่ให้เพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุ โดยระบบความปลอดภัยที่มีการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น ได้แก่ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Advanced Blind Spot Monitoring) และระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert) นอกจากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ อาทิ ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360° View Monitor), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Mazda Radar Cruise Control) อีกทั้งยังช่วยลดความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ขณะเดินทางไกล, ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ (Smart Brake Support) และระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced Smart City Brake Support) ที่ได้เพิ่มขีดความสามารถในการตรวจจับคนเดินถนน เพิ่มความปลอดภัยให้ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร รวมถึงผู้ใช้ถนน
ซึ่งทั้งหมดนี้ คือความสุดยอดของ Mazda CX-8 Skyactiv-D AWD ที่คณะกรรมการ
ลงคะแนนให้ จนทำให้สามารถคว้ารางวัล THE MOST VALUABLE SUV ใน Thailand Car of The Year 2025