MASERATI LEVANTE DIESEL SUV ที่ให้มากกว่าแค่คำว่า...หรูหรา

ย้อนกลับไปเมื่อสักประมาณ 20 กว่าปีก่อน สมัยที่ผมเริ่มเข้ามาเป็นนักข่าวสายรถยนต์ใหม่ๆ จำได้ว่า Maserati ในยุคนั้น มีเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยอยู่ 2 รุ่น คือ Ghibli และ Spyder โดยมี สวีเดน มอเตอร์ส เป็นผู้แทนจำหน่าย ผมเองเคยได้มีโอกาสไปลองขับอยู่ครั้งสองครั้ง จำได้ว่า ตอนนั้นรู้สึกว่ามันเป็นรถเครื่องยนต์ 6 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ ที่ขับยากมาก การจะควบคุมแรงม้ากว่า 300 ตัว ที่พร้อมจะกระโจนออกมาได้ทุกเมื่อนั้น มันช่างยากเย็นซะเหลือเกิน

ต่อมาหลังจากเปลี่ยนมือจาก สวีเดน มอเตอร์ส มาเป็น เอ็มไพร์ มอเตอร์สปอร์ต ซึ่งเป็นยุคที่มาเซราติกลายเป็นบริษัทในเครือของเฟียต กรุ๊ป ความเป็นรถสปอร์ตซีดานที่ดูดิบๆ ถูกปรับปรุงใหม่ ด้วยการเพิ่มดีไซน์และความทันสมัยเข้ามาผสมผสานกับความแรง ทำให้มาเซราติกลายเป็นรถยนต์ระดับพรีเมียม ที่ผมเองไม่ค่อยได้มีโอกาสได้สนิทชิดเชื้อด้วยเท่าไรนัก

แต่หลังจากนั้นไม่นาน มาเซราติในเมืองไทยก็ถูกเปลี่ยนมืออีกครั้ง โดยครั้งนี้ผู้ที่เข้าดูแลรถจากอิตาลีแบรนด์นี้ก็คือ บริษัท ดีไซน์ มอเตอร์เวอร์ค จำกัด ภายใต้กลุ่มบริษัท มาสเตอร์กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย (MGC-ASIA) โดยมี คุณปิยะเทพ ศิวากาศ นักการตลาดมือดีของบริษัท เข้ามารับหน้าที่ดูแล และเพื่อเป็นการสร้างแบรนด์มาเซราติให้กลับมาอีกครั้ง จึงเลือกที่จะนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของแบรนด์ ด้วยการส่งเจ้า Maserati Levante รถสปอร์ตเอสยูวีรุ่นแรกของแบรนด์เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยทันที ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล V6 สูบ ขนาดความจุ 3.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 275 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที และแรงบิด 600 นิวตันเมตร ที่ 2,000-2,600 รอบ/นาที ถ้าสังเกตดูตัวเลขของแรงบิดให้ดีๆ ตัวเลขระดับ 600 นิวตันเมตร ที่ให้มานั้น ระดับรถซูเปอร์คาร์กันเลยทีเดียว

ดังนั้น ผมจึงตอบรับคำเชิญทันที เมื่อทาง ดีไซน์ มอเตอร์เวอร์ค ชวนไปลองขับเจ้า Levante Diesel กันที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ภายนอกโฉบเฉี่ยว ดุดัน หรูหรามีระดับ

Maserati Levante Diesel ได้รับการพัฒนาตัวถังภายนอกที่ให้ความโฉบเฉี่ยว หรูหรา สง่างาม ในมาดสปอร์ตดุดัน ตามแบบฉบับของรถ SUV อันแสดงถึงผลงานการออกแบบรถอเนกประสงค์สไตล์อิตาเลียนอย่างแท้จริง อาทิ กระจังโครเมียมรมดำ พร้อมตราสัญลักษณ์อันโดดเด่นของมาเซราติอย่างลงตัว กรอบไฟหน้าดีไซน์เฉียบคม พร้อมไฟตัดหมอก ซุ้มล้อหน้าที่เสริมช่องระบายความร้อน ประตูแบบไร้กรอบ ดิฟฟิวเซอร์ท้ายที่มาพร้อมกับท่อไอเสียคู่ โลโกบนเสาหลังคาท้ายรถ ซึ่งมาพร้อมการดีไซน์ประตูด้านหลังให้มีขนาดเล็กลง เพิ่มความปราดเปรียว และลดค่าสัมประสิทธิแรงเสียดทาน (Cd.) ได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ ค่า Cd. มีเพียง 0.31 ซึ่งถือว่าดีที่สุดในรถยนต์ประเภทนี้

ตัวถังของ Levante เน้นการผสมผสานระหว่างโลหะและอะลูมิเนียม เพื่อลดน้ำหนัก ผ่านการออกแบบให้โฉบเฉี่ยว หรูหรา สง่างาม เพิ่มมาดสปอร์ตดุดันด้วยปลายท่อไอเสียคู่พร้อมดิฟฟิวเซอร์

สะท้อนทักษะการออกแบบของชาวอิตาเลียน ที่สามารถทำให้รถอเนกประสงค์อย่างเอสยูวีดูงดงามและโดดเด่นอย่างเหนือชั้น ซึ่งรูปลักษณ์ทั้งหมดนี้สะท้อนบุคลิกยนตรกรรมอเนกประสงค์แบบอิตาเลียนขนานแท้ได้อย่างประณีตบรรจง

ภายในหรูหรา ดีไซน์สปอร์ต งานหนังแท้จากอิตาลี

แน่นอนว่า Maserati Levante Diesel พกความหรูหรามาแบบเต็มพิกัด เพราะต้องลงต่อกรกับรถ SUV แบรนด์พรีเมียมคู่แข่งรายสำคัญจากฝั่งเยอรมนีอย่าง Porsche Cayenne ซึ่งสิ่งสำคัญนอกจากรูปลักษณ์ที่น่าสนใจของ Levante แล้ว ภายในยังถูกออกแบบตกแต่งไว้ได้อย่างหรูหรา แต่ยังคงกลิ่นอายความเป็นสปอร์ตคาร์ไว้ด้วยงานหนังแท้จากอิตาลี แถมยังมี Luxury Zegna Package ซึ่งเบาะนั่งตกแต่งด้วยหนังสลับกับผ้าไหมจากแบรนด์แฟชั่นหรู Ermenegildo Zegna ให้เลือกด้วย ขณะที่แถบประดับก็มีให้เลือกตั้งแต่วัสดุสีดำเงา เปียโน แบล็ก ลายไม้ และคาร์บอนไฟเบอร์ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเฉดสีและวัสดุตกแต่งภายในที่เลือกด้วย

นอกจากนี้ ห้องโดยสารผ่านการออกแบบให้ดูสมมาตร กว้างขวาง และสง่างามทุกมุมมอง (Seamless Cabin concept) เพลิดเพลินกับระบบเสียงคุณภาพสูง Harman Kardon ตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบ ด้วยระบบอินโฟเทนเมนต์รุ่นล่าสุด รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน ทั้ง iOS (Apple CarPlay) และแอนดรอยด์ (Android Auto) ควบคุมผ่าน Rotary controller ติดตั้งทัชสกรีน 8.4 นิ้ว พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง ผู้ขับสามารถใช้ได้สะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น

เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 275 แรงม้า ที่ใช้งานง่าย ขับสนุก นั่งสบาย

หลังจากกดปุ่มสตาร์ต สิ่งที่สัมผัสได้อย่างชัดเจนคือ เสียงคำรามของเครื่องยนต์ ที่ทางมาเซราติยืนยันว่า เป็นเสียงที่คุณจะไม่เคยได้ยินจากรถยนต์ยี่ห้อใด เป็นเสียงคำรามที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในรถมาเซราติเท่านั้น นั่นเพราะเครื่องยนต์ของรถมาเซราติทุกคัน จะถูกประกอบในโรงงานเดียวกับเฟอร์รารี่ ในเมืองมาราเนลโล ประเทศอิตาลี และนั่นย่อมรวมถึงเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ 3.0 ลิตร 275 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิด 600 นิวตันเมตร ที่ 2,000-2,600 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ สู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ ‘Q4’ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม. คันนี้ด้วย

เริ่มออกเดินทางจากโชว์รูมมาเซราติ ที่โครงการเอ-สแควร์ สุขุมวิท 26 มุ่งหน้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยใช้ทางด่วนแจ้งวัฒนะ การลองขับเริ่มต้นด้วยโหมด Normal ผมลืมบอกไป เจ้า Levante คันนี้ มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 โหมด คือ Normal Sport และ Off-Road และยังสามารถปรับระบบกันสะเทือนแบบถุงลม ที่สามารถปรับได้ถึง 5 ระดับ ซึ่งการลองขับในโหมด Normal นั้น เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงตั้งแต่ในรอบต่ำ ทำให้การขับขี่มีความคล่องตัว พอลองปรับไปโหมด Sport เพื่อลองเรียกพละกำลังของเครื่องยนต์ดู การตอบสนองของคันเร่งตั้งแต่ความเร็วระดับกลางๆ จนถึงความเร็วสูง ทำได้อย่างรวดเร็ว ไม่ทิ้งอารมณ์ความเป็นรถสปอร์ตที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์

ขณะที่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ ‘Q4’ พร้อมสำหรับทุกการเดินทาง ทั้งออนโรดหรือออฟโรด โดยมี Torque Vectoring ช่วยกระจายแรงบิดอย่างเหมาะสม ขณะที่ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ปรับความสูงได้หลายระดับ ช่วยให้การขับเป็นไปอย่างนุ่มนวลและควบคุมง่าย ผสานประสิทธิภาพการเกาะถนนในทุกเส้นทาง

สรุป…โดยรวมของภาพความเป็นสปอร์ต SUV นั้น Maserati Levante Diesel คันนี้ มีมาให้อย่างเต็มพิกัด ในความรู้สึกของผมออกจะปลื้มกับการเลือกใช้วัสดุและการออกแบบภายในของเจ้า Levante นี้ไม่ใช่น้อย ส่วนเรื่องของสมรรถนะและการขับขี่นั้น ต้องบอกว่า ถึงแม้จะมีพละกำลังมากมาย แต่ก็เป็นรถที่ขับง่าย และเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจทีเดียว

รายละเอียดด้านเทคนิค

Maserati Levante Diesel

เครื่องยนต์ V6 ดีเซล

ความจุกระบอกสูบ (ซี.ซี.) 2,987

แรงม้า (กิโลวัตต์(แรงม้า)/รอบต่อนาที) 202(275)/4,000

แรงบิด (นิวตันเมตร/รอบต่อนาที) 600/2,000-2,600

ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ

ความเร็วสูงสุด (กม./ชม.) 230

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 6.9

อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย (ลิตร/100 กม.) 7.2

ความจุสัมภาระ (ลิตร) 580

ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 80