Jeep Wagoneer Overland แต่งเพิ่มความเข้มและความแกร่งสำหรับลุยออฟโรด

Wagoneer รถเอสยูวีที่เน้นทำตลาดกลุ่มครอบครัวและผู้ที่ต้องการรถเอสยูวีหรูจาก Jeep ถูกเพิ่มรุ่นแต่ง Overland มาเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความสามารถในการลุยได้มากขึ้นด้วยการเพิ่มอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งยังถูกเพิ่มความเข้มให้กับรูปลักษณ์มากขึ้น

Jeep Wagoneer Overland ถูกระบุว่าเป็นสมาชิกที่มีความสามารถมากที่สุดในตระกูลWagoneer และถูกออกแบบสำหรับผจญภัยไปบนเส้นทางโหด โดยคำอ้างนี้มาจากการอัปเกรดอุปกรณ์ต่างๆ ที่เน้นสำหรับลุยออฟโรดตั้งแต่การใช้ล้อขนาด 20 นิ้วพร้อมยางออล–เทอร์เรน 32 นิ้ว มีแผงกันกระแทก 3 หูเกี่ยวสำหรับการลากจูง และช่วงล่าง Quadra-lift Air Suspension ที่ทำให้ใต้ท้องรถสูงจากพื้นถึง 10 นิ้วหรือ 254 มม.

การเพิ่มความสามารถให้กับรถเอสยูวีรุ่นแต่งพิเศษยังรวมไปถึงมี Electronic Limited slip Differential และระบบ Quadra-Drive II 4×4 พร้อม Transfer Case 2 สปีดที่มี Crawl Ratio หรืออัตราส่วนแรงบิดที่ล้อต่อแรงบิดฟลายวีลเครื่องยนต์ 48:1 และ Rock Mode สำหรับการลุยเส้นทางโหด

นอกจากเพิ่มความสามารถในการลุยเพิ่มขึ้นแล้ว รูปลักษณ์ของรถยังถูกสร้างความแตกต่างจากเกรดอื่นด้วยการมีหลังคาสีดำเป็นครั้งแรกของรถรุ่นนี้ พร้อมมีป้ายและการแต่งด้วยสีดำตามส่วนต่างๆ โดยรถยังมากับอุปกรณ์ต่างๆ อย่างครอสบาร์ที่รูฟเรียล ฝาท้ายเปิดโดยไม่ต้องใช้มือ และแพกเก็จ Heavy Duty Trailer Tow ที่มีทั้งอุปกรณ์ควบคุมการเบรกของสิ่งลากจูงและความสามารถในการลากจูง 4,536 กิโลกรัม

ในส่วนห้องโดยสารของรถมีเบาะหนัง Nappa ระบบปรับอากาศ 3 โซน และหลังคาซันรูฟพาโนรามิก 3 ส่วนตามWagoneer Series II ที่เป็นพื้นฐานในการผลิต พร้อมมีที่ชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย พรมปูพื้นที่มีความทนทาน และจอ Infotainment ขนาด 10.1 นิ้ว นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยขับต่างๆ มาให้ใช้อย่างระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแปรผัน ระบบตรวจจับมุมบอด ระบบตรวจจับรถที่ผ่านด้านหลัง รวมไปถึงมีระบบกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา และระบบเตือนก่อนการชนด้านหน้าพร้อมเบรกอัตโนมัติเต็มความเร็วของรถ

ระบบขับเคลื่อนของรถไม่ต่างจากรถมาตรฐานที่ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ 420 แรงม้า แรงบิด 634 นิวตัน–เมตร โดยใช้ระบบส่งกำลังอัตโนมัติ 8 สปีดเพื่อนำกำลังจากเครื่องยนต์สู่ทุกล้อของรถ ส่วนราคาของรถเริ่มต้นที่ 72,740 ดอลลาร์ และจะมีการผลิตจำกัดแค่ 2,000 คัน