Isuzu คว้า 9 รางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี Car of The Year 2025

ฉลองความสำเร็จส่งท้ายปีอย่างยิ่งใหญ่! Isuzu คว้าถึง 9 รางวัลอันทรงเกียรติจากเวที Car of the Year 2025 รถรุ่นไหนบ้างที่ได้รับการยกย่องให้เป็นที่สุดแห่งปี ตามมาดูกันเลย
The Best 2WD Pickup under 2,500 c.c.
“New! Isuzu D-Max 2.2 Ddi MAXFORCE”
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกระแสแรงทีเดียว สำหรับการมาของ “เครื่องยนต์ดีเซลแห่งอนาคต ใหม่! 2.2 Ddi MAXFORCE…The FORCE of FUTURE พลังใหม่…กำหนดโลก จาก “ตรีเพชรอีซูซุเซลส์” เพื่อก้าวสู่ความสมบูรณ์แบบรอบด้าน ตอบโจทย์การใช้งานได้เหนือกว่า
ขุมพลัง “New! Isuzu D-Max 2.2 Ddi MAXFORCE” คือผลงานการอัปเกรดขึ้นไปอีกระดับด้วยเทคโนโลยีใหม่ เพื่อให้ “แรงขึ้น เร็วขึ้น ประหยัดน้ำมันยิ่งกว่า ตอบโจทย์การใช้งานได้มากกว่า และมีค่า CO2 ต่ำที่สุด เมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน
ซึ่งรายละเอียดของการพัฒนาจะประกอบด้วย ใหม่! หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูงถึง 250 MPa., ใหม่! กล่องควบคุม ECM แบบ Multi-Core ประสิทธิภาพสูง, ใหม่! E-VGS Turbo เทอร์โบแปรผันควบคุมการทำงานด้วยอิเล็กทรอนิกส์
และใหม่! ห้องเผาไหม้แบบ High Swirl ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น มาพร้อมกับลูกสูบใหม่ Ultra-Low Friction ให้แรงเสียดทานต่ำเป็นพิเศษ จับคู่กับเสื้อสูบแกร่งพิเศษ Extreme Strength ตลอดจนระบบหล่อลื่นเครื่องยนต์ใหม่ Hi-Flow เสริมความแกร่งด้วยชุดขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยวด้วยเฟือง และโซ่ทำจากเหล็กกล้า Timing Gear & Chain
ผลลัพธ์ก็คือ พละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,400 รอบต่อนาที จับคู่กับระบบส่งกำลังใหม่! ซึ่งมีให้เลือก 2 รูปแบบ คือ เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Rev Tronic ครั้งแรกของอีซูซุ ซึ่งมีอัตราทดต่อเนื่องในทุกช่วงความเร็ว ขับสนุกเร้าใจ ประหยัดน้ำมันได้ดีเยี่ยม หรืออีกหนึ่งทางเลือกกับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ใหม่! แบบ Genius Sport Shift อัตราทดใหม่ ออกตัวได้ดีขึ้นแม้บรรทุกหนัก ให้ความประหยัดน้ำมันได้ดีที่ความเร็วสูง
ซึ่งผ่านการพิสูจน์มาแล้ว ก่อนถึงมือผู้บริโภคชาวไทย ด้วยบททดสอบตามมาตรฐาน เป็นระยะทางเทียบเท่า 2,200,000 กิโลเมตร ที่ไม่เพียงมั่นใจได้ใน “ความแรง ความทนทาน และการประหยัดน้ำมันเท่านั้น” แต่ยังสามารถรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือควบคู่กับพลังงานทางเลือกอื่นๆ ในอนาคตได้อีกด้วยเช่นกัน ถือเป็นเทคโนโลยีดีเซลที่จะกำหนดอนาคตแห่งการขับเคลื่อนอย่างแท้จริง และเหมาะสมจริงๆ ที่จะรับรางวัล Best 2WD Pickup under 2,500 c.c. จากงาน Thailand Car of The Year 2025 ไปครอง
The Best 4WD Pickup under 3,200 c.c.
“New! Isuzu V-Cross 4×4
3.0 Ddi MAXFORCE”
ครองบัลลังก์อย่างมั่นคง จนสามารถคว้ารางวัล The Best 4WD Pickup under 3,200 c.c. ไปอีกปี สำหรับ Isuzu V-Cross 4×4
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อได้รับการอัปเกรดขึ้นไปอีกระดับ สู่ความสมบูรณ์แบบด้วยขุมพลัง ใหม่! 3.0 Ddi MAXFORCE ที่ประกอบด้วย ใหม่! ECM แบบ Multi-Core ที่ประมวลผลเร็วขึ้น เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มสมรรถนะ ผสานด้วย E-VGS Turbo ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการอัดอากาศได้อย่างรวดเร็ว
รวมถึงการใช้เสื้อสูบแกร่งพิเศษแบบ Extreme Strength เอกลักษณ์เฉพาะอีซูซุ เช่นเดียวกับชุดขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยวด้วยเฟือง และโซ่ทำจากเหล็กกล้า Timing Gear & Chain แบบ Double Scissors Gear ที่มาพร้อมระบบปรับความตึงโซ่ และขับเคลื่อนฟันเฟืองอัตโนมัติ ซึ่งทำงานได้อย่างเงียบและทนทาน
จนได้มาซึ่งเรี่ยวแรง 190 แรงม้า พร้อมแรงบิด 450 นิวตันเมตร สำหรับเครื่องยนต์ ใหม่! 3.0 Ddi MAXFORCE ที่เลือกเร้าใจได้ทั้งเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบ REV TRONIC และ Paddle Shift และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ใหม่! แบบ Genius Sport Shift ผสานเข้ากับขีดความสามารถในการขับเคลื่อนแบบ 4×4 ด้วยระบบ Terrain Command ที่เปลี่ยนรูปแบบได้อย่างแม่นยำ และฉับไว โดยมีระบบ Rough Terrain Mode ทำหน้าที่ควบคุมการกระจายกำลังเพื่อให้ขับเคลื่อนผ่านอุปสรรคได้อย่างง่ายดาย ทั้งในรูปแบบ 2 ล้อและแบบ 4 ล้อ ซึ่งมาพร้อมระบบ Electronic Diff-Lock ทํางานด้วยไฟฟ้า
เสริมความแกร่งด้วยช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ ปีกนก 2 ชั้น พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ที่ออกแบบตำแหน่งจุดยึดปีกนกใหม่ ขณะที่ด้านหลังเพิ่มความทนทานไปพร้อมๆ กับการเพิ่มความนุ่มนวลกว่าแหนบปกติ ด้วยแหนบแผ่นยาว Long Span โดยสามารถลุยน้ำได้ลึกสุดมากถึง 800 มม.เลยทีเดียว
และด้วยขีดความสามารถของขุมพลัง ใหม่! 3.0 Ddi MAXFORCE ผสานเข้ากับความเป็นสปอร์ตปิกอัพสายลุยที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นของ Isuzu V-Cross 4×4 ด้วยแล้ว ก็คงปฏิเสธไม่ได้ ว่านี่คือการควบรวม 2 ความสมบูรณ์แบบเอาไว้ด้วยกันอย่างลงตัวที่สุด ในยนตรกรรมที่มีชื่อว่า “New! Isuzu V-Cross 4×4 3.0 Ddi MAXFORCE”
The Best PPV Diesel 2WD under 3,200 c.c.
“MU-X The Next Peak”
อีกหนึ่ง “เซอร์ไพรส์” คือ “MU-X The Next Peak” ยอดยนตรกรรมอเนกประสงค์ PPV เจ้าของนิยาม “จุดสูงสุดใหม่…กับชีวิตที่เหนือกว่า” นับตั้งแต่ The PEAK of DESIGN ความโดดเด่นที่เหนือกว่าด้วยเส้นสาย Dynamic รอบคัน และสีสันอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
เติมเต็มด้วย The PEAK of LIFESTYLE จุดสูงสุดใหม่…ของความสบายที่เหนือกว่า กับเทคโนโลยีล้ำหน้า ด้วยใหม่! กล้อง 360 องศา มั่นใจเหนือกว่าด้วยมุมมองใต้ท้องรถในรุ่น RS และใหม่! พวงมาลัยไฟฟ้าในรุ่น RS และ Ultimate พร้อมพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์สำหรับทุกไลฟ์สไตล์ และ The PEAK of CONFIDENCE จุดสูงสุดใหม่…ของระบบความปลอดภัยที่เหนือกว่า ด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS Generation ล่าสุด! เสริมทัพความมั่นใจร่วมไปกับระบบความปลอดภัย Active & Passive Safety
ท้ายสุด The PEAK of PERFORMANCE จุดสูงสุดใหม่…ของสมรรถนะที่เหนือกว่า กับ “MU-X The Next Peak” รุ่น RS ขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่มากับขุมพลัง ใหม่! 2.2 Ddi MAXFORCE…The FORCE of FUTURE พลังใหม่…กำหนดโลก ซึ่ง “แรงขึ้น เร็วขึ้น ประหยัดน้ำมันยิ่งกว่า ตอบโจทย์การใช้งานได้มากกว่า และมีค่า CO2 ต่ำที่สุด เมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน
จากรายละเอียดการพัฒนา เช่น ใหม่! หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูงถึง 250 MPa., ใหม่! กล่องควบคุม ECM แบบ Multi-Core ประสิทธิภาพสูง, ใหม่! E-VGS Turbo เทอร์โบแปรผันควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ และใหม่! ห้องเผาไหม้แบบ High Swirl ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ให้สมบูรณ์แบบ พร้อมลูกสูบใหม่ Ultra-Low Friction แรงเสียดทานต่ำพิเศษ จับคู่กับเสื้อสูบแกร่งพิเศษ Extreme Strength และระบบหล่อลื่นเครื่องยนต์ใหม่ Hi-Flow ปิดท้ายความแกร่งด้วยชุดขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยว พร้อมเฟือง และโซ่ทำจากเหล็กกล้า Timing Gear & Chain
พร้อมตอบโจทย์ทุกการขับขี่ด้วยพละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบส่งกำลังใหม่! เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Rev Tronic ครั้งแรกของอีซูซุ ที่ขับสนุกเร้าใจ และประหยัดน้ำมันได้ดีเกินคาด จนสามารถพิชิตรางวัล The Best PPV Diesel 2WD under 3,200 c.c. จากงาน Thailand Car of The Year 2025 ไปได้อย่างไม่มีข้อสงสัย
The Most Popular Pickup
“New! Isuzu D-Max”
หนึ่งบทประวัติศาสตร์เกิดขึ้นไม่ได้ง่ายๆ หากแต่ต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก และนั่นคือแนวทางเติบโตตลอดมาของ “ตรีเพชรอีซูซุเซลส์” ที่สามารถบัญญัติคำว่า “ดีแมคซ์ ฟีเวอร์” ให้วงการอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ซึ่งรวมถึงการเป็นเครื่องการันตีความสำเร็จได้อย่างสวยงาม
นับตั้งแต่การเปิดตัวเจเนอเรชันแรก เป็นครั้งแรกในโลกของ “อีซูซุ ดีแมคซ์” ราวเดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ. 2545 ที่กระแสตอบรับถล่มทลาย เพื่อปูทางสู่ก้าวที่ 2 ของการพัฒนา ด้วยขุมพลังใหม่ “ดีเซล ไฮ-เทค ดีดีไอซูเปอร์คอมมอนเรล” ในพิกัด 2.5 ลิตร และ 3.0 ลิตร สร้างบทพิสูจน์ความสำเร็จด้วย“ยอดผลิตครบ 2 ล้านคัน” ในปี พ.ศ. 2550
เดือนตุลาคม พ.ศ. 2554 การมาของ “อีซูซุ ดีแมคซ์ รุ่นใหม่หมด” เจเนอเรชันที่ 2 สร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่า ด้วยการเปลี่ยนแปลงด้านงานดีไซน์ และการนำเสนอเทคโนโลยีคอมมอนเรล ล่าสุด “ดีดีไอ ซูเปอร์คอมมอนเรล เจเนอเรชัน 3.5” ภายใต้แนวคิด “เครื่องยนต์ดีเซลแห่งอนาคต” ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง ในระดับจัดงานฉลองใหญ่ “ยอดการผลิตสู่ระดับ 3 ล้านคัน” ในปี พ.ศ. 2555
ก่อนจะช็อกวงการยานยนต์ในราวปลายปี พ.ศ. 2558 เดือนพฤศจิกายน กับการเปิดตัว“อีซูซุ ดีแมคซ์ รุ่นใหม่ นวัตกรรมเปลี่ยนโลก!” อันเป็นที่มาของปรากฏการณ์ “อีซูซุ บลูเพาเวอร์” ครั้งแรกในโลก! ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร ในรถปิกอัพ กับยอดจองถล่มทลายเกินคาด
แต่นั่นยังไม่เท่ากับการมาของ “ออล-นิว อีซูซุ ดีแมคซ์” พลานุภาพ…พลิกโลก! ในปี พ.ศ. 2562 ด้วยนิยาม “รถปิกอัพที่เหนือกว่าคำว่าปิกอัพ” ที่ถูกพัฒนาให้เหนือชั้นยิ่งกว่าในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน จากพื้นฐานขุมพลัง “ดีเซล ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เจเนอเรชันที่ 2”
ต่อเนื่องไปจนถึงปลายปี พ.ศ. 2564 ช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งเผยโฉมตัวตนใหม่ของ “อีซูซุ ดีแมคซ์” ภายใต้แนวคิด “MY NEW ID…MY NEW ISUZU D-MAX” … “ใหม่! พลานุภาพ…ไร้ขีดจำกัด” ยกระดับสู่ความสมบูรณ์แบบทุกองศา ด้วยมาตรฐานใหม่ของรถปิกอัพระดับ Top Class ก่อนขึ้นสู่ขีดสุดแห่งการพัฒนา เติมเต็มความสมบูรณ์แบบ ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับโลกให้กับ New! Isuzu D-Max MAGIC EYEs ซึ่งถูกเปิดตัวขึ้นในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2565
อีกครั้งในช่วงเดือนตุลาคม ปี พ.ศ. 2566 ยุคของ New! Isuzu D-Max ในคอนเซปต์ “Unlock Your Potential…เหนือลิมิต พิชิตโลก” เริ่มขึ้นด้วยความโดดเด่นของงานดีไซน์ใหม่! ที่เหนือชั้น พร้อมออปชันที่ครบครันการตอบโจทย์ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอีกครั้งที่สร้างกระแสตอบรับอย่างดุเดือด ไม่ด้อยไปกว่าครั้งใดๆ
แต่…รางวัล The Most Popular Pickup จาก Thailand Car of The Year 2025 จะตกเป็นของใครอื่นไม่ได้ เพราะ “ตรีเพชรอีซูซุเซลล์” ได้เผยโฉมความสำเร็จล่าสุด กับการเปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซลแห่งอนาคต ใหม่! 2.2 Ddi MAXFORCE…The FORCE of FUTURE พลังใหม่…กำหนดโลก ชูจุดเด่นที่ก้าวล้ำไปอีกขั้น ด้วยศักยภาพขุมพลังที่แรงขึ้น เร็วขึ้น ประหยัดน้ำมันยิ่งกว่าเดิม ตอบโจทย์การใช้งานมากยิ่งขึ้น และมีค่า CO2 ต่ำที่สุดในรถระดับเดียวกัน ซึ่งมีให้เลือกทั้งใน “อีซูซุ ดีแมคซ์” และ “มิว-เอ็กซ์” ซึ่งได้ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน จนมั่นใจได้ว่า นี่คือเทคโนโลยีดีเซลที่จะกำหนดอนาคตแห่งการขับเคลื่อนอย่างแท้จริง
The Best Heavy-duty 4WD Single-cab Pickup
“Isuzu D-Max Spark 4×4 3.0 Ddi MAXFORCE”
“เกินคาด” คงเป็นคำที่เหมาะสมสำหรับ Isuzu D-Max Spark 4×4 ไลน์อัปที่ถือกำเนิดเพื่องานหนัก แต่สามารถคว้ารางวัล The Best Heavy-duty 4WD Single-cab Pickup ไปได้อีกครั้ง จากการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง โดยเฉพาะด้าน “สมรรถนะ” ซึ่งได้รับการอัปเกรดจากพื้นฐาน “เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ไดเร็คอินเจคชั่น” ขนาด 3.0 ลิตร ดีดีไอ บลูเพาเวอร์”
สู่ความเหนือชั้นของขุมพลัง ใหม่! 3.0 Ddi MAXFORCE ที่ประกอบด้วยรายละเอียดที่ซับซ้อน เช่น ระบบอัดอากาศ E-VGS Turbo ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งควบคุมด้วย ใหม่! ECM แบบ Multi-Core ที่ประมวลผลเร็วขึ้น เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มสมรรถนะ
ผสานเข้ากับการใช้เสื้อสูบแกร่งพิเศษแบบ Extreme Strength เอกลักษณ์เฉพาะ Isuzu ตลอดจนชุดขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยวด้วยเฟือง และโซ่ทำจากเหล็กกล้า Timing Gear & Chain แบบ Double Scissors Gear ที่มาพร้อมระบบปรับความตึงโซ่ และขับเคลื่อนฟันเฟืองอัตโนมัติ ซึ่งทำงานได้อย่างเงียบและทนทาน
เพื่อทำให้เรี่ยวแรง 190 แรงม้า พร้อมแรงบิด 450 นิวตันเมตร ทำงานได้เต็มศักยภาพ ด้วยการผสานงานของเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Rev Tronic ครั้งแรกของอีซูซุ และระบบขับเคลื่อนแบบ 4×4 ด้วย จากระบบ Terrain Command ที่ควบคุมการเปลี่ยนรูปแบบได้อย่างแม่นยำ และฉับไว
ประกอบกับระบบ Rough Terrain Mode ในการทำหน้าที่ควบคุมการกระจายกำลังทุกช่วงความเร็ว ทั้งในรูปแบบ 2 ล้อและแบบ 4 ล้อ ซึ่งมาพร้อมระบบ Electronic Diff-Lock ทํางานด้วยไฟฟ้า สำหรับสร้างความมั่นใจในการขับขี่ ไม่ว่าจะในรูปแบบของการขับเคลื่อน 2 ล้อ ความเร็วสูง (2H), 4 ล้อ ความเร็วสูง (4H) หรือ 4 ล้อ ความเร็วต่ำ (4L) ก็ตาม
ซึ่งด้วยความสามารถในการรับมือทุกรูปแบบการขับขี่ ด้วยศักยภาพอย่างที่ได้กล่าวไป จึงทำให้คณะกรรมการ Thailand Car of The Year 2025 ตัดสินให้รางวัล The Best Heavy-duty 4WD Single-cab Pickup เป็นความเหมาะสมกับ “Isuzu D-Max Spark 4×4 3.0 Ddi MAXFORCE” ไปอีกครั้งในปีนี้
The Best Hi-Tech & Safety PPV
“MU-X The Next Peak”
เป็นอีกครั้งที่รางวัล The Best Hi-Tech & Safety PPV ตกเป็นของ “ตรีเพชรอีซูซุเซลล์” โดยผลงานของ “MU-X The Next Peak”
ยนตรกรรมอเนกประสงค์ PPV เจเนอเรชันล่าสุด ที่ครบครันด้วยความ “พีค” สมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องของ “เทคโนโลยีล้ำสมัย” ที่ถูกติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เริ่มด้วยการอำนวยความสะดวกสบายจาก ใหม่! พวงมาลัยไฟฟ้า (Electric Power Steering) ที่ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่มากขึ้น, ใหม่! กล้องรอบคัน 360° Surround View Camera ที่นอกจากแสดงภาพคมชัดแบบ 3D แล้ว ยังเพิ่มมุมมองใต้ท้องรถ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น เสริมด้วย ใหม่! Infotainment Display หน้าจอขนาด 9 นิ้ว ระบบสัมผัส ที่รองรับ Wireless Android Auto &Wireless Apple CarPlay พร้อม Multitasking System เชื่อมต่อข้อมูลกับ Integrated MID ที่แสดงผลได้หลากหลายฟังก์ชัน
อีกทั้งเบาะคู่หน้ายังสามารถปรับได้ด้วยไฟฟ้า พร้อมฝั่งคนขับที่ปรับได้ถึง 8 ทิศทาง ขณะที่เบาะนั่งแถว 2 และแถว 3 สามารถปรับเอนหรือพับได้ราบสนิท มาพร้อมกับการเข้า-ออก ที่นั่งแถว 3 ด้วยระบบ One Touch ตามด้วยฝาท้ายแบบ Smart Tailgate with Step Sensor เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมติดตั้งระบบ Jam Protection ช่วยเพิ่มความปลอดภัย และสะดวกสบายในการใช้งานมากขึ้น
เหนือระดับไปกว่านั้น คือ ระบบความปลอดภัย ADAS (Advanced Driver Assistance System) ซึ่ง “MU-X The Next Peak” เลือกใช้เจเนอเรชันล่าสุด! โดยนอกจากมาพร้อมกล้องหน้าคู่, เรดาร์ 2 จุด และเซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคันแล้ว ยังได้เพิ่มเติมใหม่เข้าไปอีก 5 ระบบ ซึ่งประกอบด้วย ใหม่! ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKAS (Lane Keep Assist System), ใหม่! ระบบช่วยควบคุมทิศทางของรถตามรถคันหน้า TJA (Traffic Jam Assist), ใหม่! ELK ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ในสถานการณ์ฉุกเฉิน (Emergency Lane Keeping), ใหม่! ระบบช่วยควบคุมรถไม่ให้ออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention) ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลน พร้อม LDW (Lane Departure Warning) และใหม่! ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย RCTB (Rear Cross TrafficBrake) พร้อมระบบช่วยเตือนขณะถอย RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
เสริมทัพเข้าไปกับตัวช่วยความปลอดภัยมาตรฐาน เช่น ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชัน Stop and Go ACC (Full Speed Range Adaptive Cruise Control), ระบบช่วยแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า FCW (Forward Collision Warning) พร้อมระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking), ระบบช่วยแจ้งเตือนจุดอับสายตา BSM (Blind Spot Monitoring, ระบบเซ็นเซอร์ช่วยจอดรถยนต์ Parking Aid System, ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อมีรถสวนทางขณะเลี้ยวขวา TA-AEB (Turn Assist with Autonomous Emergency Braking), ระบบช่วยควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ AHB (Automatic High Beam), ระบบช่วยตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด PMM (Pedal Misapplication Mitigation), ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ MCB (Multi-Collision Brake) และระบบช่วยตั้งค่าจำกัดความเร็วสูงสุดด้วยตัวเอง MSL (Manual Speed Limiter)
รวมถึงเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย Active & Passive Safety อาทิ ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก ABS (Anti-Lock Brake
System) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-Force Distribution), ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) และระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก BOS (Brake Override System), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว TCS (Traction Control System),
ระบบควบคุมการทรงตัว ESC (Electronic Stability Control), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist), ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control) และระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC (Trailer Sway Control) โดยทั้งหมดนั้นอยู่ภายใต้โครงสร้างห้องโดยสาร Ultra-High Tensile ที่แกร่งและทนทาน มั่นใจได้ในทุกสถานการณ์
The Best Hi-Tech Diesel Engine
“Isuzu 2.2 Ddi MAXFORCE…
The FORCE of FUTURE”
ไม่ใช่แค่รางวัล The Best 2WD Pickup under 2,500 c.c. เท่านั้น ที่เหมาะสมกับ “Isuzu 2.2 Ddi MAXFORCE…The FORCE of FUTURE” หากแต่รวมถึงอีกหนึ่งรางวัลอันน่าภาคภูมิใจ คือ The Best Hi-Tech Diesel Engine ด้วยเช่นกัน โดยฐานะของ “อีซูซุ ผู้นำด้านเครื่องยนต์ดีเซลระดับโลก” ที่มุ่งมั่นพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง สู่การให้กำเนิดเครื่องยนต์ดีเซลแห่งอนาคต ใหม่! 2.2 Ddi MAXFORCE
พลังใหม่…กำหนดโลก ด้วยรายละเอียด
ความล้ำหน้าด้านเทคโนโลยี
ซึ่งประกอบด้วย หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูงถึง 250 MPa ใหม่!, VGS เทอร์โบแปรผันควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ใหม่! และ ECM แบบ Multi-Core ประสิทธิภาพสูง ใหม่! ตลอดจน ห้องเผาไหม้แบบ High Swirl ใหม่! ที่มาพร้อมกับลูกสูบแบบแรงเสียดทานต่ำพิเศษ และเสื้อสูบแบบขึ้นรูปแกร่งพิเศษ ตลอดจนระบบหล่อลื่นเครื่องยนต์ใหม่แบบ Hi-Flow
ทั้งยังปรับเซตการทำงานให้ลงตัวกับประสิทธิภาพของระบบส่งกำลังใหม่ ซึ่งไม่ได้มีเพียงเกียร์ธรรมดา 6 สปีดใหม่ แบบ Genius Sport Shift ที่มีการปรับเปลี่ยนอัตราทดให้เหมาะสมเท่านั้น แต่ยังมีเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ใหม่! ที่มาพร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต Rev Tronic และการปรับอัตราทดให้มีความต่อเนื่องทุกช่วงความเร็ว ตอบสนองไว และขับขี่สนุกมากยิ่งขึ้น
กับพละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,400 รอบต่อนาที ที่นอกจากพละกำลังสูงขึ้น และเร่งแซงเร็วขึ้นแล้ว ความประหยัดน้ำมันก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะข้อมูลจาก ECO Sticker ในรุ่น Hi-Lander 2 ประตู เกรด L สภาวะนอกเมือง ซึ่งการันตีการประหยัดน้ำมันกว่าเดิมสูงสุดถึง 10.7% เลยทีเดียว
The Best Fuel Economy Pickup
under 2,500 c.c.
“New! Isuzu D-Max 2.2 Ddi MAXFORCE”
สำหรับการพัฒนาในครั้งนี้ของ “New! Isuzu D-Max 2.2 Ddi MAXFORCE” นอกจากสมรรถนะที่เพิ่มขึ้นแล้ว อัตราการประหยัดน้ำมันที่มากขึ้น ยังเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่เกินความคาดหมายด้วยเช่นกัน จาก ECO Sticker ในรุ่น Hi-Lander 2 ประตู เกรด L สภาวะนอกเมือง ที่มีการการันตีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงดีขึ้นกว่าเดิม สูงสุดถึง 10.7%
ด้วยผลของการพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลแห่งอนาคต ใหม่! “New! Isuzu D-Max 2.2 Ddi MAXFORCE” ตั้งแต่ในส่วนของ ใหม่! หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูงถึง 250 MPa., ใหม่! E-VGS Turbo เทอร์โบแปรผันควบคุมการทำงานด้วยอิเล็กทรอนิกส์ และใหม่! กล่องควบคุม ECM แบบ Multi-Core ประสิทธิภาพสูง
ผสานด้วย ใหม่! ห้องเผาไหม้แบบ High Swirl ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น ตลอดจนลูกสูบใหม่ Ultra-Low Friction ที่ให้แรงเสียดทานต่ำเป็นพิเศษ จับคู่กับเสื้อสูบแกร่งพิเศษ Extreme Strength และระบบหล่อลื่นเครื่องยนต์ใหม่แบบ Hi-Flow พร้อมชุดขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยวด้วยเฟือง และโซ่ทำจากเหล็กกล้า Timing Gear & Chain ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง ทนทาน
พร้อมกับตัวเลือกระบบส่งกำลัง ซึ่งมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีดใหม่ แบบ Genius Sport Shift ที่ได้รับการปรับอัตราทดใหม่ เพื่อให้รองรับกับศักยภาพของ “New! Isuzu D-Max 2.2 Ddi MAXFORCE” โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ใหม่! ซึ่งนอกจากมาพร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต Rev Tronic แล้ว ก็ยังมีการปรับอัตราทดให้มีความต่อเนื่องทุกช่วงความเร็ว
ทำให้ไม่เพียงขับขี่สนุกมากยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังสามารถบริหารจัดการเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ภายใต้พละกำลังสูงสุดซึ่งมีให้ใช้ 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,400 รอบต่อนาที ดังที่กล่าวไปข้างต้นว่า “ดีขึ้นกว่าเดิมสูงสุดถึง 10.7%” จาก ECO Sticker ในรุ่น Hi-Lander 2 ประตู เกรด L สภาวะนอกเมือง
และด้วยการพัฒนาที่ได้มาซึ่งศักยภาพอัตราการประหยัดน้ำมัน คือสิ่งที่ทำให้ “New! Isuzu D-Max 2.2 Ddi MAXFORCE” เหมาะสมกับรางวัล The Best Fuel Economy Pickup under 2,500 c.c. อย่างสมศักดิ์ศรีแท้จริง
The Best CSR Project of The Year
“Isuzu Gives Water…for Life” Project
และท้ายสุด “ความสำเร็จที่ยั่งยืน” จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไร้ซึ่ง “การตอบแทนสังคม” ซึ่งนี่คือสิ่งที่ “กลุ่มอีซูซุในประเทศไทย” ดำเนินมาแล้วมากกว่า 10 ปี กับ โครงการ “Isuzu Gives Water…for Life” Project (อีซุซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต) ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่สังคม โดยการเข้าไปช่วยเหลือโรงเรียนที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำดื่มสะอาด โดยได้รับการสนับสนุนจากกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ซึ่งต้องย้อนกลับไป นับจากก้าวแรกในปี พ.ศ. 2556 ที่โรงเรียนบ้านห้วยจะค่าน ตชด.อนุสรณ์ จนมาถึงล่าสุด 11 ปีต่อเนื่อง ครั้งที่ 43 นำโดย มร.ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด และ มร.ฮาจิเมะ มาจิมูระ รองประธานบริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากกลุ่มบริษัทอีซูซุ เดินหน้าติดตั้งอุปกรณ์ขุดเจาะน้ำบาดาลแบบครบวงจร พร้อมระบบน้ำดื่มสะอาดที่ได้มาตรฐานให้แก่โรงเรียนอนุบาลศรีบรรพต จังหวัดพัทลุง ซึ่ง “พัทลุง” นับเป็นอีกจังหวัดที่ “อีซูซุ” ได้มอบระบบน้ำดื่มสะอาด นับจากโรงเรียนบ้านด่านโลด อำเภอตะโหมด ในปี 2556
สำหรับโรงเรียนดังกล่าว ประสบปัญหาแหล่งน้ำที่มีไม่เพียงพอสำหรับนักเรียน คุณครู และบุคลากร เนื่องจากแหล่งที่มาของน้ำที่นำมาใช้บริโภค เป็นน้ำประปาจากบ่อน้ำผิวดิน ซึ่งมีปริมาณน้ำน้อย และต้องใช้ร่วมกับคนในชุมชนข้างเคียงกว่า 300 ครัวเรือน บ่อยครั้งน้ำสำหรับอุปโภคจึงไม่เพียงพอ จึงต้องมีการซื้อน้ำดื่มจากข้างนอกมาเติมเป็นประจำ
เพราะฉะนั้น กลุ่มบริษัทอีซูซุ จึงได้ส่งทีมสนับสนุนลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เพื่อดำเนินการสำรวจและวางแผนแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ตามปณิธานดั้งเดิมที่มีมาโดยตลอดว่า “เราจะดำเนินโครงการนี้ จนกว่าจะไม่มีโรงเรียนไหนในประเทศไทยขาดแคลนน้ำสะอาด” เพื่อให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
และด้วยปณิธานแรงกล้าด้าน “การตอบแทนสังคม” ซึ่ง “อีซูซุ” ก้าวเดินมาโดยตลอดนี้เอง จึงทำให้รางวัล The Best CSR Project of The Year เป็นของ “บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด” อีกครั้ง ดั่งเช่นหลายๆ ปีที่ผ่านมา