Grand Prix Online

Main Menu

  • HOME
  • AUTO NEWS
    • Bizz News
      • NEW COMER
      • MODEL/MINORCHANGE
      • WORLD MOVEMENT
      • Corporate News
    • Achive
      • Car
      • Motorcycle
    • Promotion
    • Motorsport
      • MOTORSPORT NEWS
      • RACE RESULT
  • Motorcycle
    • Round Up News
    • NEW MODEL
    • Bike Technic
  • SPECIAL SCOOP
    • TOKYO MOBILITY
    • Test drive
    • REPORT
    • Classic Car
    • Interview
    • Modified
    • Technology
    • Tip&Technic
    • Insurance Tips
    • Variety Scoop
    • BOY’S TOY
    • Video
  • ABOUT US
    • ADVERTISING
    • CONTACT US
    • PRIVACY POLICY
  • INVESTOR RELATIONS
  • Work with us

logo

Header Banner

Grand Prix Online

  • HOME
  • AUTO NEWS
    • Bizz News
      • NEW COMER
      • MODEL/MINORCHANGE
      • WORLD MOVEMENT
      • Corporate News
    • Achive
      • Car
      • Motorcycle
    • Promotion
    • Motorsport
      • MOTORSPORT NEWS
      • RACE RESULT
  • Motorcycle
    • Round Up News
    • NEW MODEL
    • Bike Technic
  • SPECIAL SCOOP
    • TOKYO MOBILITY
    • Test drive
    • REPORT
    • Classic Car
    • Interview
    • Modified
    • Technology
    • Tip&Technic
    • Insurance Tips
    • Variety Scoop
    • BOY’S TOY
    • Video
  • ABOUT US
    • ADVERTISING
    • CONTACT US
    • PRIVACY POLICY
  • INVESTOR RELATIONS
  • Work with us
Bizz NewsReport
Home›Auto News›Bizz News›HYBRID+ เทคโนโลยีไฮบริด จาก MG วิ่งไกลไม่ง้อแท่นชาร์จ 1 ถัง ทะลุ 800 กิโลเมตร

HYBRID+ เทคโนโลยีไฮบริด จาก MG วิ่งไกลไม่ง้อแท่นชาร์จ 1 ถัง ทะลุ 800 กิโลเมตร

By พุทธิ ผาสุข
July 12, 2024
84
0
Share:

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เตรียมนำเทคโนโลยีไฮบริดรุ่นใหม่เข้ามาใส่ในโกลบอลโมเดลรุ่นล่าสุดอย่าง ALL NEW MG3 HYBRID+ รถยนต์พลังงานทางเลือกที่มาพร้อมนวัตกรรมล้ำสมัยที่จะเข้ามาจุดประกายตลาดรถยนต์ไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์สีเขียว (Green Mobility) ซึ่งพัฒนาโดย SAIC MOTOR CORPORATION ที่ผสานประสิทธิภาพที่ทรงพลัง ความประหยัด และความเป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างลงตัว สู่การยกระดับมาตรฐานรถยนต์ไฮบริดที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่และสร้างอนาคตแห่งการเดินทางที่ยั่งยืนและการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ

HYBRID+ ในแบบฉบับของ เอ็มจี ที่ทำงานได้อย่างลงตัวในทุกช่วงความเร็ว

หลังจากที่ ALL NEW MG3 HYBRID+ ทยอยเปิดตัวอย่างเป็นทางการทั้งในประเทศอังกฤษ และประเทศชั้นนำในยุโรป รวมไปถึงทวีปอเมริกาอย่างประเทศเม็กซิโก ก่อนข้ามมาสร้างปรากฏการณ์อีกซีกโลก ทั้งในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย และฟิลิปปินส์ ต่างได้รับเสียงตอบรับจากสื่อและผู้ใช้งานถึงความโดดเด่นในเรื่องการเป็นยนตรกรรมที่มอบประสิทธิภาพในการขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการความสมดุลระหว่างสมรรถนะและความประหยัด

โดยหนึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้รถรุ่นนี้เป็นที่น่าสนใจในกลุ่ม B-Segment คือ ระบบ HYBRID+ ที่เหนือกว่าด้วยสมรรถนะอันทรงพลังและการบริหารพลังงานในแบบฉบับรถไฟฟ้าจากมอเตอร์ขับเคลื่อนให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า 250 นิวตัน-เมตร และมอเตอร์ที่ใช้สร้างกระแสไฟได้สูงสุด 45 กิโลวัตต์ ผสานความแรงของเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรที่พัฒนาขึ้นใหม่จาก SAIC MOTOR CORPORATION ให้แรงม้าสูงสุด 102 แรงม้า รองรับน้ำมัน E20 รวมแรงม้าสูงสุด 194 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ไฟฟ้า EDU 3 ระดับ มาพร้อมแบตเตอรี่ Lithium-Ion ความจุ 1.83 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง สู่การเป็นโมเดลไฮบริดใหม่ที่ครบสมบูรณ์แบบด้วยความเหนือชั้นของ 8 โหมดขับเคลื่อน ที่รวมทุกระบบไฮบริดไว้ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็น ระบบขับเคลื่อนแบบอนุกรม (Series Hybrid) ระบบขับเคลื่อนแบบผสานเครื่องยนต์ และมอเตอร์ (Parallel Hybrid) หรือแม้แต่การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน (Pure EV) โดยสามารถปรับเปลี่ยนการทำงานได้อย่างราบรื่นและเหมาะสมที่สุดในแต่ละช่วงความเร็ว

เจาะลึก 8 โหมดขับเคลื่อนของ ALL NEW MG3 HYBRID+ จากจุดหยุดนิ่งไปจนถึงวิ่งแบบเต็มพลัง

  • โหมดจอดหยุดนิ่ง

ระบบจะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง (HV BATTERY) เพื่อทำให้ระบบปรับอากาศและระบบอื่นๆ ทำงานได้โดยที่เครื่องยนต์หยุดการทำงาน

  • โหมดวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนจนถึง 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เมื่อออกตัวจากจุดหยุดนิ่งในช่วงความเร็ว 0 – 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วน (Pure EV) ให้ความรู้สึกนุ่มนวลและเงียบเหมือนรถไฟฟ้า พร้อมอัตราเร่งที่ตอบสนองได้ทันใจ

  • โหมดความเร็วที่วิ่งในถนนที่มีการจราจรหนาแน่น

เมื่อความเร็วเพิ่มขึ้นเป็น 30 – 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นช่วงความเร็วต่ำ ใช้งานในเมือง ระบบจะสลับไปยังโหมดระบบขับเคลื่อนแบบอนุกรม (Series Hybrid) โดยเครื่องยนต์จะทำหน้าที่แค่เพียงปั่นไฟ และส่งกระแสไฟไปให้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนตัวรถ ทำให้ได้ความรู้สึกนุ่มนวล ตอบสนองฉับไวแบบรถไฟฟ้า และรถมีความคล่องตัวมากขึ้น

  • โหมดความเร็ววิ่งในเมือง

แต่หากความเร็วไต่ระดับไปที่ 50 – 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งมักจะเป็นช่วงสำหรับใช้งานเดินทางออกนอกเมืองด้วยความเร็วปานกลาง โหมดระบบขับเคลื่อนแบบอนุกรม (Series Hybrid) จะยังช่วยให้ผู้ขับขี่สัมผัสได้ถึงแรงบิดสูงอย่างต่อเนื่อง เพราะเครื่องยนต์ยังทำหน้าที่เป็นตัวปั่นไฟช่วยให้มอเตอร์ขับเคลื่อนล้อโดยตรงได้แบบรถไฟฟ้า พร้อมส่งกระแสไฟส่วนเกินไปเก็บยังแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ไฟส่วนเกินไปเก่วนน่น

  • โหมดความเร็ววิ่งคงที่

เมื่อวิ่งด้วยความเร็วคงที่ในช่วงความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นช่วงการขับขี่ระยะไกล ระบบจะสลับเป็นการใช้งานเครื่องยนต์ที่รอบความเร็วต่ำโดยใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวเครื่องยนต์จะตัดต่อการทำงานผ่าน Hybrid Transmission มี 3 อัตราทดแบบอัตโนมัติ มาขับเคลื่อนที่ตัวล้อโดยตรง ทำให้สามารถประหยัดน้ำมันได้มากกว่ารถแบบ Series Hybrid ทั่วไป ที่เครื่องยนต์ทำหน้าที่เพียงปั่นไฟอย่างเดียวตลอดเวลา

  • โหมดวิ่งทางไกล และเร่งแซง

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อรถอยู่ในช่วงเร่งความเร็ว 80 – 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นช่วงขับขี่ทางไกล หรือขึ้นทาง           ลาดชัน เมื่อต้องการเร่งแซง เพียงแค่กดคันเร่งเบาๆ ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฮบริดกำลังสูงจะทำงานร่วมกัน (Parallel Hybrid) ให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสกับอัตราเร่งที่ตอบสนองได้ในทันที เมื่อต้องการเร่งแซงหรือขึ้นทางชัน รถจะสามารถให้อัตราเร่งสูงสุดและตอบสนองการขับขี่ได้อย่างดี เหนือกว่ารถไฮบริดทั่วไป

  • โหมดความเร็วสูง

และเมื่อใช้ความเร็วสูงกับการขับทางไกลบนไฮเวย์ที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องยนต์จะทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยขณะที่รถขับเคลื่อนไป ระบบจะแบ่งกำลังส่วนที่เหลือจากเครื่องยนต์ไปหมุนเจนเนเรเตอร์ เพื่อปั่นไฟไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่

  • โหมดลดความเร็ว Regenerative

เมื่อผ่อนคันเร่งลดความเร็วลงมาในช่วง 120-0 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือช่วงขับขี่ลงทางชัน ระบบ HYBRID+ จะใช้มอเตอร์เป็นตัวหน่วงกำลัง ซึ่งจะทำหน้าที่ชาร์จไฟเป็นระบบ Energy Regeneration 3 ระดับ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถตั้งค่าระดับการรีเจนได้แบบรถไฟฟ้า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้สูงสุด

 

ทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความโดดเด่นและแตกต่างของระบบ HYBRID+ กับการผสานพลังอย่างลงตัวของเครื่องยนต์ที่พัฒนาให้มีประสิทธิภาพในการทำงานกับระบบไฮบริดเพิ่มมากขึ้น พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ และระบบ Hybrid Transmission ที่มี 3 อัตราทด ปรับทำงานอัตโนมัติช่วยให้เครื่องยนต์ที่ทำงานร่วมกับระบบไฮบริดมอเตอร์มีช่วงการทำงานที่กว้างมากขึ้น ตอบสนองการเร่งในช่วงความเร็วต่างๆ ได้ดีขึ้น โดยมีรอบการทำงานของเครื่องยนต์ที่ลดลง ที่สำคัญ ALL NEW MG3 HYBRID+ ยังใช้ไฮบริดมอเตอร์ เป็นเทคโนโลยีมอเตอร์ตัวเดียวกับรถไฟฟ้าแบบ High-performance Permanent Magnet Synchronous Motors อีกด้วย

และนี่คือ ระบบ HYBRID+ นวัตกรรมยานยนต์สู่การเป็น Green Mobility ที่พัฒนาโดย SAIC MOTOR CORPORATION ที่ทำให้ ALL NEW MG3 HYBRID+ เป็นยนตรกรรมไฮบริดครั้งใหม่ เพื่อยกระดับมาตรฐานรถยนต์ไฮบริด กับสมรรถนะที่ทำให้ผู้ขับขี่ได้รับความสนุก ครบเครื่อง และคุ้มค่ากว่าที่เคย เตรียมพบกับ ALL NEW MG3 HYBRID+ ที่มีกำหนดเปิดตัวในประเทศไทย เร็วๆ นี้  โดยผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านทุกช่องทางออนไลน์ของเอ็มจี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของ เอ็มจีได้ที่ Website: www.mgcars.com Line: @MGThailand Facebook: www.facebook.com/MGcarsThailand

 

 

เรื่อง : พุทธิ  ผาสุข

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th

Tagsall new mg3All-new MG3 HybridHybridMGเอ็มจี
0
Shares
  • 0
  • +
  • 0
  • 0

บทความแนะนำที่น่าสนใจ

บทความ รีวิว รถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านสมรรถนะ ที่น่าสนใจ
บทความ รถออกใหม่ ที่น่าสนใจ
บทความ รถครอบครัว ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านราคารถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านดีไซน์รถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านการซื้อรถ ที่น่าสนใจ
บทความเรื่องรถที่น่าสนใจ

About

logo_grandprix_online2016full

Grandprix Online กรังด์ปรีซ์ออนไลน์ ผู้นำข่าวสารยานยนต์

Thailand Automotive news leader and auto show. Our mission is the leading source of news about the global automotive industry.

Recent Posts

  • เรเว่ สานต่อสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลัก BYD SEA V League 2025 ลีกตบลูกยางอาเซียน
  • Nissan Qashqai อัปเดตใช้ขุมพลัง e-Power เจเนเรชันที่สาม
  • Porsche ร่วมมือกับ Ferragamo ทำรถรุ่นพิเศษฉลอง 40 ปีในอิตาลี
  • BMW 540i xDrive Legacy Edition รุ่นเครื่องยนต์ 6 สูบไม่เสียบปลั๊กสำหรับแคนาดา
  • Toyota Land Cruiser Commercial เปลี่ยนจากรถเอสยูวีเป็นรถเพื่อการพาณิชย์

Advertising

สนใจลงโฆษณา
ติดต่อ : 02-522-1731-8

  • Facebook
  • Youtube
  • Instagram