ในเดือนกรกฎาคมปีหน้า บรรดาตึกสูงระฟ้าในย่านโลเวอร์แมนฮัตตัน และเทพีเสรีภาพจะกลายเป็นแบ็คดร็อปขนาดยักษ์ให้กับรถฟอร์มูล่าไฟฟ้าของการแข่งขัน Formula E Championship หลังจากเมืองนิวยอร์ก ซิตี้ ได้รับเลือกให้เป็นสนามสุดท้ายของฤดูกาล 2016-17 

ก่อนหน้านี้ไมอามี่ และลองท์บีช เป็น 2 เมืองในประเทศสหรัฐฯ ที่เคยจัดการแข่งขัน Formula E โดยศึก New York City ePrix จะกลายเป็นครั้งแรกที่รถแข่งประเภท Open-wheel จัดขึ้นกลางเมืองนิวยอร์ก โดยจะใช้ถนนย่านเร้ดฮุค ในเขตบรูคลิน ดัดแปลงเป็น Street Circuit ที่มีระยะทางรวม 1.947 กิโลเมตร

ในงานแถลงข่าวที่นิวยอร์ก เมื่อวันที่ 21 กันยายน Alejandro Agag ประธานบริหารของศึก Formula E ให้สัมภาษณ์ว่า “การแข่งขันที่นิวยอร์ก ซิตี้ นับเป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ ไม่ใช่แค่ Formula E แต่รวมถึงวงการมอเตอร์สปอร์ตโดยรวม เป็นอีกครั้งที่ตอกย้ำให้เห็นถึงปรัชญาของ Formula E ที่ต้องการนำรถแข่งที่ใช้พลังงานไฟฟ้าไปสู่มหานครที่มีชื่อเสียงทั่วโลก ในตอนที่เราเริ่มก่อตั้งการแข่งขันเป็นเหมือนความฝันในการนำ Formula E มาสู่นิวยอร์ก เมืองที่เป็นศูนย์กลางของคนทั่วโลก ผมอยากขอบคุณทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้การจัด Formula E ที่นิวยอร์ก เป็นจริงขึ้นมา”

“การสนับสนุนเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นหัวใจหลักของการพัฒนาเศรษฐกิจของนิวยอร์ก และเป็นไปตามแผน OneNYC ของนายกเทศมนตรี” Maria Torres-Springer ประธานองค์กรพัฒนาการลงทุนของนิวยอร์ก ซิตี้ ให้ความเห็น “องค์ประกอบเหล่านี้ทำให้ Formula E มีความเหมาะสมอย่างที่สุดสำหรับนิวยอร์ก เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ต้อนรับการแข่งขันรายการนี้ รวมทั้งการลงทุนด้านต่างๆ ที่จะตามมาสู่พื้นที่แถบเร้ดฮุค”

ความพิเศษอีกอย่างของศึก New York City ePrix ซึ่งเป็นสนามสุดท้ายของฤดูกาล 2016-17 ทำให้ฝ่ายจัดการแข่งขันเพิ่มไฮไลท์ให้ผู้ชมได้ลุ้นด้วยการเพิ่มการแข่งขันเป็น 2 รอบ ในวันที่ 29 กรกฎาคม และ 30 กรกฎาคม เช่นเดียวกับสนามรองสุดท้ายที่มอนทรีอัล ประเทศแคนาดา โดยรายการแรกจะออกสตาร์ทที่ฮ่องกง ในวันที่ 9 ตุลาคมนี้

เรื่อง : พูนทวี สุวัตถิกุล

ขอบคุณข้อมูล : fiaformulae.com

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th