ในขณะที่บริษัทรถยนต์ชั้นนำของโลกทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติหรือหาบริษัทเทคโนโลยีดาวรุ่งจากซิลิคอน วัลเล่ย์ เข้ามาเป็นพาร์ตเนอร์เพื่ออัพเกรดให้ทันคู่แข่ง แต่สำหรับ Ford ผู้ผลิตรถยนต์ระดับบิ๊กทรีของประเทศสหรัฐฯ เลือกจะสร้างแพล็ตฟอร์มของตัวเองที่เปิดกว้างให้ทุกฝ่ายสามารถเข้าร่วม

บนเวทีงานแสดงเทคโนโลยี CES 2018 ที่เมืองลาส เวกัส ประเทศสหรัฐฯ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Jim Hackett ประธานบริหาร Ford ตอกย้ำให้เห็นความสำคัญของระบบการเดินทางร่วม (Shared Transportation) และระบบโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ (Smart Infrastructure) เพื่อยกระดับการใช้ชีวิตของผู้คนในมหานครใหญ่ด้วยการเข้ามาของเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ และการเชื่อมต่อข้อมูล

Hackett พร้อมผู้บริหารระดับสูงของ Ford ผลัดเปลี่ยนขึ้นมาแนะนำพันธมิตรของพวกเขาไม่ว่าจะเป็น Qualcomm, Domino, Lyft, Postmates และ Autonomic รวมทั้งการกำหนดกลยุทธ์ของรถยนต์ไร้คนขับเพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้

“เทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้นทำให้ความรู้สึกของการเป็นเจ้าของลดลง” Hackett อธิบาย “ถึงเวลาที่จะนำสิ่งที่อยู่บนถนนมาสู่เศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing Economy)”

Jim Hackett ซีอีโอ Ford บนเวที CES 2018

นับตั้งแต่เข้ามากุมบังเหียน Ford เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว Hackett แสดงมุมมองของเขาที่มีต่อรูปแบบการเดินทางในอนาคตอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมงาน CES 2018 ผู้ผลิตรถยนต์จากเมืองดีทรอยต์ เลือกจะพุ่งเป้าหมายสู่การพัฒนาระบบการเดินทางร่วมทั้งการเช่ารถส่วนบุคคล (Car Sharing), บริการรถยนต์ร่วมโดยสาร (Ride-hailing) หรือระบบขนส่งสาธารณะ (Public Transit) – ที่จะช่วยลดความหนาแน่นของการจราจร และปัญหามลพิษในเมืองใหญ่ หลังจาก Lyft บริษัทให้บริการเรียกรถผ่านแอพลิเคชั่นพาร์ตเนอร์ของพวกเขาเผยว่าการใช้บริการแบบคาร์พูลมีจำนวนเพิ่มขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์ในปัจจุบัน

Hackett ยังให้ความสำคัญกับช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านระหว่างยุคที่คนขับรถยนต์ด้วยตัวเองกับรถยนต์ไร้คนขับ โดยเขาต้องการทดสอบระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติกับบริการรถยนต์ร่วมโดยสารเพื่อช่วยขยายขอบเขตพื้นที่บริการ ก่อนหน้า Ford มีการจัดโปรแกรมทดสอบส่งพิซซ่าด้วยรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติกับ Domino ร้านดังของชาวอเมริกัน

Jim Farley หัวหน้าฝ่ายการตลาดใหญ่ Ford เปิดเผยว่าพวกเขาเตรียมจับมือผู้พัฒนาแอพลิเคชั่น Postmates เพื่อเพิ่มการทดสอบขนส่งสินค้าด้วยรถยนต์ไร้คนขับ “ตอนนี้เรากำลังทำงานเพื่อสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ของระบบขนส่งด้วยรถยนต์ไร้คนขับ เป็นการวางระบบเพื่อขนส่งทั้งคน และสินค้า”

Analysis

อย่างไรก็ตามแผนการสู่อนาคตของ Ford ไม่ได้สวยหรูอย่างที่วาดฝันบนเวที Jessica Caldwell นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมรถยนต์ของ Edmunds ออกมาให้ความเห็นว่า “วิสัยทัศน์ของ Ford ในการสร้างมหานครอัจฉริยะเป็นแนวความคิดที่น่าสนใจ แต่ในจุดนี้ยังไม่มีข้อมูลอะไรมากนัก การจะทำให้กลายเป็นความจริงต้องการความร่วมมืออย่างเต็มรูปแบบจากหน่วยงานท้องถิ่น และต้องใช้งบประมาณมหาศาล โดยต้องรอดูว่าหน่วยงานท้องถิ่นจะตอบรับความทะเยอทะยานของ Ford ในรูปแบบใด”

“หลักการของ Ford แสดงออกมาสู่สาธารณชนอาจเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง และเป็นความตื่นเต้นที่ได้เห็นว่าระบบเชื่อมต่อข้อมูลของรถยนต์จะสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นกับสังคม แต่ทั้งหมดยังเป็นอนาคตที่ยาวไกล แต่ในขณะเดียวกัน Ford ได้รับโอกาสแสดงให้เห็นว่าพวกเขาจะช่วยยกระดับชีวิตของผู้ซื้อรถยนต์ในปัจจุบันได้อย่างไร”

นอกจากนี้ Ford กำลังเร่งพัฒนาระบบเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างรถยนต์กับโครงสร้างพื้นฐาน (Vehicle-to-Infrastructure) ด้วยการร่วมมือกับ Autonomic บริษัทสตาร์ตอัพที่พัฒนาซอฟต์แวร์เกี่ยวกับอุตสาหกรรมรถยนต์ เพื่อสร้างเครือข่ายเก็บข้อมูลให้เชื่อมโยงระหว่างรถยนต์, ระบบโครงสร้างพื้นฐาน และผู้คนบนทางเท้า รวมทั้งจะนำแพล็ตฟอร์ม Vehicle-to-Everything ของ Qualcomm ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ชั้นนำมาใช้เพื่อขยายขอบเขตการเชื่อมต่อสู่เทคโนโลยีอื่นๆ

เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล

ขอบคุณข้อมูล: media.ford.com

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th