Grand Prix Online

Main Menu

  • HOME
  • AUTO NEWS
    • Bizz News
      • NEW COMER
      • MODEL/MINORCHANGE
      • WORLD MOVEMENT
      • Corporate News
    • Achive
      • Car
      • Motorcycle
    • Promotion
    • Motorsport
      • MOTORSPORT NEWS
      • RACE RESULT
  • Motorcycle
    • Round Up News
    • NEW MODEL
    • Bike Technic
  • SPECIAL SCOOP
    • TOKYO MOBILITY
    • Test drive
    • REPORT
    • Classic Car
    • Interview
    • Modified
    • Technology
    • Tip&Technic
    • Insurance Tips
    • Variety Scoop
    • BOY’S TOY
    • Video
  • ABOUT US
    • ADVERTISING
    • CONTACT US
    • PRIVACY POLICY
  • INVESTOR RELATIONS
  • Work with us

logo

Header Banner

Grand Prix Online

  • HOME
  • AUTO NEWS
    • Bizz News
      • NEW COMER
      • MODEL/MINORCHANGE
      • WORLD MOVEMENT
      • Corporate News
    • Achive
      • Car
      • Motorcycle
    • Promotion
    • Motorsport
      • MOTORSPORT NEWS
      • RACE RESULT
  • Motorcycle
    • Round Up News
    • NEW MODEL
    • Bike Technic
  • SPECIAL SCOOP
    • TOKYO MOBILITY
    • Test drive
    • REPORT
    • Classic Car
    • Interview
    • Modified
    • Technology
    • Tip&Technic
    • Insurance Tips
    • Variety Scoop
    • BOY’S TOY
    • Video
  • ABOUT US
    • ADVERTISING
    • CONTACT US
    • PRIVACY POLICY
  • INVESTOR RELATIONS
  • Work with us
Report
Home›Special Scoop›Report›สเปค และข้อมูลของ Ferrari Amalfi ซูเปอร์คาร์สไตล์ GT ขุมกำลัง V8 รุ่นล่าสุดจากมาราเนลโล่

สเปค และข้อมูลของ Ferrari Amalfi ซูเปอร์คาร์สไตล์ GT ขุมกำลัง V8 รุ่นล่าสุดจากมาราเนลโล่

By Poonthavee Suwathikul
July 12, 2025
15
0
Share:
Ferrari Amalfi เฟอร์รารี่

เจาะลึกข้อมูล และ สเปค ของ Ferrari Amalfi ซูเปอร์คาร์รุ่นล่าสุดของ “ม้าลำพอง” เฟอร์รารี่ โดยเป็นการโมเดลใหม่ของรถสไตล์สปอร์ตคูเป้ Grand Tourer พร้อมขุมกำลังเครื่องยนต์ V8 กึ่งกลางด้านหน้า ที่มีกำลังสูงสุด 630 แรงม้า นับเป็นการผสมผสานความสง่างามร่วมสมัยเข้ากับสมรรถนะอันเร้าใจที่เป็นเอกลักษณ์ได้อย่างลงตัว

ระบบขับเคลื่อน (Powertrain)

เครื่องยนต์ของ Ferrari Amalfi คือวิวัฒนาการล่าสุดของขุมพลัง V8 ทวินเทอร์โบขนาด 3,855 ซีซี จากตระกูล F154 นับเป็นเครื่องยนต์ที่คว้ารางวัลระดับนานาชาติมากที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในเวอร์ชันล่าสุดนี้ เครื่องยนต์ได้รับการปรับแต่งให้สามารถรีดพละกำลังสูงสุดได้ถึง 630 แรงม้า ที่ 7,500 รอบต่อนาที คิดเป็นอัตราส่วนแรงม้าต่อลิตรที่ 166 แรงม้า/ลิตร พร้อมเส้นแดงของรอบเครื่องยนต์ที่ขยับขึ้นไปถึง 7,600 รอบ/นาที ซึ่งช่วยให้ผู้ขับสามารถลากรอบเพื่อใช้แรงม้าได้อย่างต่อเนื่องในทุกช่วงความเร็ว

การเพิ่มสมรรถนะในระดับนี้มาจากการออกแบบระบบอัดอากาศใหม่ทั้งหมด โดยสามารถควบคุมความเร็วรอบของเทอร์โบชาร์จเจอร์ทั้งสองแยกจากกันได้อย่างแม่นยำ ผ่านการปรับแต่งเฉพาะทางพร้อมเพิ่มขีดจำกัดรอบสูงสุดของเทอร์โบให้ขยับขึ้นไปที่ 171,000 รอบ/นาที การปรับปรุงนี้ยังรวมถึงการติดตั้งเซ็นเซอร์วัดแรงดันแยกสำหรับแต่ละฝั่งของแถวกระบอกสูบ (Cylinder Bank) เพื่อความแม่นยำในการควบคุมแรงดันบูสต์สูงสุด

กล่องควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ของเครื่องยนต์ (ECU) ที่ใช้ใน Ferrari Amalfi เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด แบบเดียวกับที่ติดตั้งใน Ferrari 296 GTB, Ferrari Purosangue และ Ferrari 12Cilindri ช่วยให้สามารถรีดศักยภาพของเครื่องยนต์ออกมาได้อย่างเต็มที่

ในขณะเดียวกัน Ferrari ยังให้ความสำคัญกับการลดน้ำหนักของเครื่องยนต์ โดยมีการนำเพลาลูกเบี้ยวใหม่ที่มีน้ำหนักเบาลงกว่าเดิมถึง 1.3 กิโลกรัม มาใช้ รวมถึงปรับโครงสร้างลูกสูบใหม่ โดยใช้เทคนิค Machining ที่ละเอียดสูง เพื่อลดวัสดุที่ไม่จำเป็นโดยไม่กระทบต่อความแข็งแรงของชิ้นส่วน ส่งผลให้น้ำหนักของลูกสูบโดยรวมของเครื่องยนต์ลดลงประมาณ 1 กิโลกรัม

Ferrari Amalfi เฟอร์รารี่Ferrari Amalfi เฟอร์รารี่

นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ Ferrari เลือกใช้น้ำมันเครื่องชนิดความหนืดต่ำ (Low Viscosity Oil) มาใช้กับเครื่องยนต์รุ่นนี้ ซึ่งช่วยลดแรงต้านในช่วงอุณหภูมิต่ำลงได้ถึง 30% เมื่อเทียบกับสูตรก่อนหน้า และช่วยให้การอุ่นเครื่องทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การตอบสนองของคันเร่ง (Throttle Response) ถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้นด้วยการนำโครงสร้างทางเทคนิคขั้นสูงมาประยุกต์ใช้ ไม่ว่าจะเป็น เพลาข้อเหวี่ยงแบบ Flat-Plane เทอร์โบชาร์จเจอร์ขนาดเล็กแบบ Low Inertia ที่หมุนได้รวดเร็ว เทคโนโลยี Twin-Scroll สำหรับการจัดการแก๊สไอเสียแบบแยกฝั่ง และเฮดเดอร์แบบ Single-Scroll ที่ออกแบบให้ท่อมีความยาวเท่ากันทุกเส้น ทั้งหมดนี้ทำให้กราฟแรงบิดมาอย่างต่อเนื่องและไต่สูงอย่างเป็นลำดับ ช่วยให้การส่งพลังในช่วงกลางถึงปลายรอบเป็นไปอย่างหนักแน่นและต่อเนื่องในทุกเกียร์

ระบบส่งกำลังเป็นแบบเกียร์คลัตช์คู่แบบเปียก (Dual-Clutch Transmission) 8 จังหวะ ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกใน Ferrari SF90 Stradale และได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมสำหรับ Ferrari Amalfi โดยใช้กล่องควบคุมใหม่ที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น พร้อมการผสานการทำงานกับซอฟต์แวร์ของเครื่องยนต์ที่ลึกมากขึ้น ทำให้การเปลี่ยนเกียร์ลื่นไหลและรวดเร็วอย่างเป็นธรรมชาติ

ประสิทธิภาพโดยรวมของระบบส่งกำลังยังได้รับการยกระดับด้วยการติดตั้งเกียร์บ็อกซ์แบบ Dry-Sump ชุดเฟือง Bevel Gear ที่ออกแบบให้มีแรงเสียดทานต่ำ และระบบจัดการแรงบิดที่คลัตช์ ทำให้การขับขี่ในเมือง โดยเฉพาะในช่วงหยุด และออกตัวมีความนุ่มนวลสูงสุด

ด้านเสียงเครื่องยนต์ (Sound Design) ก็ได้รับการพัฒนาอย่างใส่ใจ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานการปล่อยมลพิษทางเสียงที่เข้มงวดมากขึ้น โดยไม่ลดทอนเอกลักษณ์ของเสียงรถ Ferrari เสียงคำรามของเครื่องยนต์ยังคงโดดเด่นด้วยการใช้เพลาข้อเหวี่ยงแบบ Flat-Plane และเฮดเดอร์ความยาวเท่ากัน ซึ่งให้จังหวะการจุดระเบิดที่เป็นเอกลักษณ์

ระบบท่อไอเสียใช้แคตตาไลติกแบบเซรามิก ที่เคลือบด้วยโลหะ 3 ชนิด ได้แก่ โรเดียม แพลทินัม และพัลลาเดียม ซึ่งมีค่าความเฉื่อยทางความร้อนต่ำ ช่วยให้เครื่องยนต์สามารถเข้าสู่สภาวะทำงานได้เร็วขึ้น สุดท้ายระบบควบคุมเสียงท่อไอเสียถูกออกแบบให้ทำงานแบบปรับระดับได้ โดยมาพร้อมแผนที่การเปิด-ปิดเฉพาะในแต่ละโหมดการขับขี่ ช่วยให้เสียงของรถเปลี่ยนตามสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการขับในเมืองอย่างนุ่มนวล หรือเปิดโหมดสปอร์ตเต็มพลัง เสียงของ Ferrari Amalfi ยังคงเปี่ยมด้วยอารมณ์และพลังเช่นเดิมในทุกจังหวะการขับขี่

Ferrari Amalfi เฟอร์รารี่

การออกแบบ (Styling)

ภายนอก (Exterior)

Ferrari Amalfi คือการตีความรูปแบบของ 2+ Coupé Berlinetta เครื่องวางหน้ากึ่งกลางลำ (Front-Mid Engine) ด้วยแนวทางการออกแบบใหม่ที่ผสานความลุ่มลึกจากมรดกแห่ง Maranello เข้ากับทิศทางแห่งอนาคตได้อย่างกลมกลืน ทีมออกแบบจาก Ferrari Styling Centre ภายใต้การนำของ Flavio Manzoni ได้หยิบยืมแรงบันดาลใจจากสัดส่วนอันสง่างามของ Ferrari Roma พร้อมทั้งยกระดับรายละเอียดขึ้นอีกขั้นเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว ล้ำสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งแก่นแท้ของรถสปอร์ตคูเป้แบบ 2+ ของ Ferrari

รูปทรงภายนอกถูกพัฒนาขึ้นจากแนวคิด “Speedform” ที่เรียบง่ายและทรงพลัง สร้างสรรค์มวลตัวถังให้เหมือนเป็นชิ้นเดียว ด้วยสัดส่วนที่เฉียบคมและเส้นสายที่หล่อหลอมพื้นผิวให้ดูแข็งแรงและสง่างามในเวลาเดียวกัน เส้นสายของตัวรถที่เป็นเส้นแนวเว้าทรงลิ่มทอดยาวจากไฟหน้าไปจรดที่ไฟท้ายของตัวรถช่วยเน้นบุคลิกความทันสมัย และความเฉียบคมของดีไซน์ส่วนหน้าของรถที่ละทิ้งแนวคิดกระจังหน้าแบบดั้งเดิมไปอย่างสิ้นเชิงโดยแทนที่ด้วยครีบลอยตัวที่พ่นสีเดียวกับตัวรถ วางเหนือแถบสีเข้มแบบ Recessed ที่ซ่อนไฟหน้าและเซนเซอร์ต่างๆ ไว้อย่างแนบเนียน สปอยเลอร์ล่างที่ต่อกับกันชนหน้า ช่วยเสริมความกว้างของมุมมองและส่งเสริมภาพลักษณ์ความสปอร์ตได้อย่างลงตัว

Ferrari Amalfi สเปค Ferrari Amalfi สเปค Ferrari Amalfi เฟอร์รารี่ Ferrari Amalfi สเปค

ด้านท้ายรถโดดเด่นด้วยเส้นคาแร็กเตอร์ไลน์ที่โอบรอบตัวรถ (Wrapping Character Line) ลากยาวจากบ่าข้างไปจรดท้ายแบบเรียบเนียน ไฟท้ายซ่อนตัวอยู่ในช่องคัตที่เรียบง่าย โดยใช้รูปแบบกราฟิกที่สื่อถึง Ferrari ยุคคลาสสิก แต่ถ่ายทอดผ่านแนวทางการออกแบบอันร่วมสมัย สปอยเลอร์ถูกซ่อนอย่างกลมกลืนกับแนวกระจกหลังและทำงานร่วมกับดิฟฟิวเซอร์ขนาดใหญ่สำหรับหลักอากาศพลศาสตร์อย่างชัดเจน เฉดสีเปิดตัวของ Ferrari Amalfi มีชื่อว่า Verde Costiera สีเขียวอมฟ้าสดใสที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแสงสะท้อนของท้องทะเลบริเวณชายฝั่ง Amalfi ที่ช่วยเน้นเส้นสายของตัวถังให้โดดเด่น เพิ่มความสดใหม่และความน่าหลงใหลให้กับรถทั้งคัน

ภายในห้องโดยสาร (Interior)

ภายในห้องโดยสารของ Ferrari Amalfi ถูกออกแบบตามแนวคิด Dual-Cockpit ที่จัดวางพื้นที่ของผู้ขับและผู้โดยสารให้แยกออกจากกันอย่างมีเอกลักษณ์ แต่ยังคงเชื่อมโยงสายตาเข้าหากันผ่านองค์ประกอบหลักอย่างแดชบอร์ด แผงประตู และคอนโซลกลาง โดยทั้งสองฝั่งถูกโอบล้อมด้วยเส้นสายที่ต่อเนื่อง สร้างสภาพแวดล้อมที่ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวแต่เชื่อมโยงกัน

การออกแบบ “Cocoon Effect” หรือความรู้สึกโอบล้อม เสริมด้วยพื้นผิวที่มีเหลี่ยมมุมซึ่งช่วยลดทอนความสมมาตรของห้องโดยสารแบบดั้งเดิม พร้อมเน้นสายตาไปยังหน้าจอสัมผัสกลางซึ่งเป็นจุดเชื่อมปฏิสัมพันธ์หลักระหว่างผู้ขับกับผู้โดยสาร สร้างความรู้สึกของการมีส่วนร่วมระหว่างทั้งผู้ขับและผู้โดยสาร

Ferrari Amalfi สเปค Ferrari Amalfi สเปค Ferrari Amalfi สเปค

งานออกแบบภายในของ Ferrari Amalfi ได้ปรับองค์ประกอบที่ไม่จำเป็นออกทั้งหมด เพื่อสร้าง “แนวทางการออกแบบ” ที่สะอาดตา ทันสมัย และสื่อถึงความร่วมสมัยได้อย่างมีชั้นเชิง โดยเลือกใช้วัสดุพรีเมียมคุณภาพสูงผสานเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ฝังตัวไว้อย่างแนบเนียนในทุกจุดของห้องโดยสาร

แดชบอร์ดของ Ferrari Amalfi ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยเป็นครั้งแรกที่ใช้แนวคิดแบบ Monolithic Layout ซึ่งรวมเอาชุดมาตรวัดและช่องแอร์เข้าด้วยกันเป็นโครงสร้างชิ้นเดียวอย่างไร้รอยต่อ ถ่ายทอดความล้ำสมัยและเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถอย่างแท้จริง คอนโซลกลางถูกขัดเกลาขึ้นจากบล็อกอะลูมิเนียมอโนไดซ์ ออกแบบให้ลอยตัวอย่างมีมิติ พร้อมรูปทรงที่ผ่านการขึ้นรูปอย่างประณีตงดงาม

ภายในคอนโซลนี้บรรจุองค์ประกอบการใช้งานที่สำคัญไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นแผงคันเกียร์แบบ Gated ช่องเสียบกุญแจ แท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สาย และปุ่มควบคุมระบบต่างๆ ทั้งหมดถูกจัดวางอย่างลงตัว บริเวณแผงประตู มือจับประตูได้รับการออกแบบให้หลอมรวมเข้าไปในโครงสร้างที่มีรูปทรงคล้ายใบเรือ ช่วยเน้นเส้นสายของห้องโดยสารให้แยกโซนผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าอย่างชัดเจน

Ferrari Amalfi สเปค

ขณะเดียวกันลำโพงวูฟเฟอร์ (Woofers) ถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียนภายใต้พื้นผิวอะลูมิเนียมเจาะรู ช่วยเสริมบรรยากาศภายในให้มีความล้ำสมัยในเชิงวิศวกรรม ควบคู่ไปกับความประณีตหรูหราในเชิงดีไซน์

การตกแต่ง และการจับคู่สีภายในห้องโดยสารของ Ferrari Amalfi ถ่ายทอดบุคลิกอันเฉียบคมของตัวรถได้อย่างชัดเจน ด้วยการจับคู่ระหว่างวัสดุคุณภาพสูงและโทนสีที่สะท้อนแนวคิดแห่งความสปอร์ตอย่างสง่างาม สีเขียวอมฟ้าสดใส Verde Bellagio ซึ่งถูกเลือกใช้ในรถเวอร์ชันเปิดตัว ได้รับการจัดวางไว้อย่างโดดเด่นบริเวณด้านหน้าของห้องโดยสาร เพื่อดึงดูดสายตาและสร้างจุดโฟกัสที่ชัดเจน

เบาะนั่งแบบ Comfort ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริม มีให้เลือกทั้งหมด 3 ขนาด รองรับสรีระที่หลากหลาย โดยติดตั้งระบบนวดด้วยช่องลม 10 จุด พร้อมโปรแกรมการนวด 5 รูปแบบ และปรับระดับความแรงได้ 3 ระดับ นอกจากนี้ยังมีระบบระบายอากาศทั้งที่ตัวเบาะ และพนักพิงเพื่อยกระดับความสบายในทุกช่วงเวลาการขับขี่

Ferrari Amalfi สเปค

เพื่อเติมเต็มทุกประสบการณ์ในห้องโดยสาร ระบบเสียง Burmester Premium Audio System ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมระดับเรือธง ได้รับการออกแบบให้มอบคุณภาพเสียงระดับสูง ด้วยกำลังขับรวมกว่า 1,200 วัตต์ จากลำโพงจำนวน 14 ตำแหน่งทั่วห้องโดยสาร โดยใช้ Ring Radiator Tweeters เพื่อถ่ายทอดเสียงได้อย่างคมชัด ใสกระจ่าง และแม่นยำทุกโน้ตเสียง ช่วยเติมเต็มประสบการณ์เสียงระดับไฮเอนด์ภายในห้องโดยสารของ Ferrari Amalfi อย่างสมบูรณ์แบบ

ผู้โดยสารยังสามารถปรับตั้งค่ารูปแบบเสียงได้ 3 โหมด เพื่อให้เหมาะสมกับรสนิยมเฉพาะตัว ส่วนวัสดุและผิวสัมผัสที่เลือกใช้กับลำโพงทุกรายละเอียดนั้น ล้วนผ่านการคัดสรรโดยเน้นทั้งความหรูหรา ความงามทางสายตา และคุณภาพในระดับสัมผัส เพื่อสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้เป็นพื้นที่แห่งประสบการณ์ที่ทั้งประณีต ลุ่มลึก และน่าหลงใหลในทุกมิติของการเดินทาง

Ferrari Amalfi สเปค

HMI (Human-Machine Interface)

ประสบการณ์ภายในห้องโดยสารของ Ferrari Amalfi ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด เพื่อมอบปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับขี่กับตัวรถให้มีการใช้งานที่เรียบง่าย มีความรู้สึกร่วมในการใช้งานและเปี่ยมด้วยความล้ำหน้าในเชิงเทคโนโลยี ผ่านแนวคิดการออกแบบ HMI (Human-Machine Interface) เจเนอเรชั่นล่าสุด ที่รวมโซลูชันต่างๆ ไว้เพื่อยกระดับความสะดวกสบายและคุณภาพชีวิตระหว่างการเดินทาง

พวงมาลัยแบบใหม่ มาพร้อมปุ่มควบคุมแบบกด (Physical Buttons) ซึ่งสะท้อนแนวคิดการกลับสู่ระบบควบคุมที่ให้ความมั่นใจและแม่นยำในการใช้งาน พร้อมจัดวางในรูปแบบที่คำนึงถึงหลักสรีรศาสตร์ขั้นสูง เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายในทุกสภาวะการขับขี่ บริเวณซ้ายมือของพวงมาลัยโดดเด่นด้วยการกลับมาของ ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์อะลูมิเนียม อันเป็นเอกลักษณ์ของ Ferrari ที่ช่วยเชื่อมโยงผู้ขับเข้ากับรถทันทีที่กดสตาร์ต

Ferrari Amalfi เฟอร์รารี่

ตำแหน่งปุ่มต่าง ๆ ถูกแยกตามฟังก์ชันอย่างชัดเจน: ก้านพวงมาลัยด้านซ้ายประกอบด้วยปุ่มควบคุมระบบช่วยขับขี่(ADAS) Adaptive Cruise Control โทรศัพท์ และระบบสั่งงานด้วยเสียง ส่วนด้านขวาจะรวมปุ่มเปลี่ยนมุมมองหน้าจอ ที่ปัดน้ำฝน และไฟเลี้ยว ขณะที่ด้านหลังของพวงมาลัยติดตั้งปุ่มควบคุมแบบหมุนสองปุ่ม สำหรับควบคุมระดับเสียงและการเลือกคลื่นวิทยุ

ระบบ HMI ถูกจัดวางผ่านหน้าจอหลัก 3 ตำแหน่ง:

  • หน้าปัดดิจิทัลขนาด 15.6 นิ้ว แสดงข้อมูลเกี่ยวกับการขับขี่และพลศาสตร์ของตัวรถอย่างครบถ้วน
  • หน้าจอสัมผัสตรงกลางแบบ Capacitive ขนาด 10.25 นิ้ว ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถควบคุมฟังก์ชันสำคัญต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นระบบมัลติมีเดีย วิทยุ โทรศัพท์ การแสดงภาพจากสมาร์ตโฟน ระบบปรับอากาศ ปรับเบาะ และการตั้งค่ารถ
  • หน้าจอผู้โดยสารขนาด 8.8 นิ้ว ซึ่งมอบประสบการณ์แบบ “Co-Driver” อย่างเต็มรูปแบบ โดยแสดงค่าต่าง ๆ เช่น G-Force และรอบเครื่องยนต์

ด้านการเชื่อมต่อ ตัวรถรองรับการใช้งานร่วมกับ Apple CarPlay และ Android Auto เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมแท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สายในคอนโซลกลาง และระบบ MyFerrari Connect ที่ให้เจ้าของรถสามารถตรวจสอบสถานะของรถจากระยะไกลผ่านแอปพลิเคชันเฉพาะตัวได้อย่างสะดวกและปลอดภัย

อากาศพลศาสตร์ (Aerodynamics)

การพัฒนาอากาศพลศาสตร์ของ Ferrari Amalfi เกิดขึ้นจากโปรเจกต์ที่มีความซับซ้อนและพิถีพิถัน ซึ่งเป็นผลลัพธ์ของความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างแผนกเทอร์โม-ฟลูอิดไดนามิกส์ และ Ferrari Styling Centre กระบวนการนี้ผสมผสานการจำลองด้วยเทคโนโลยี CFD (Computational Fluid Dynamics) การทดสอบในอุโมงค์ลม และการปรับแต่งการออกแบบในเส้นทางเดียวกัน นำไปสู่การสร้างสรรค์รถยนต์ที่ทั้งดึงดูดสายตาและมีประสิทธิภาพในเชิงการใช้งานอย่างแท้จริง

ผลลัพธ์คือตัวถังที่ได้รับการออกแบบขึ้นรูปอย่างประณีตในทุกรายละเอียด โดยแต่ละองค์ประกอบล้วนมีหน้าที่เฉพาะเจาะจง หนึ่งในนั้นคือแผ่นแฟริ่งอากาศพลศาสตร์ที่ติดตั้งอยู่บริเวณใต้ท้องรถด้านหน้าล้อหน้า และล้อหลัง ซึ่งช่วยลดแรงต้านอากาศ และเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของอากาศ ช่องบายพาสที่อยู่เหนือชุดไฟหน้าเชื่อมต่อระหว่างส่วนหน้าของตัวรถกับห้องเครื่องยนต์ ช่วยลดการสะสมของแรงดันและเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อน

Ferrari Amalfi เฟอร์รารี่ Ferrari Amalfi สเปค

แรงกดที่เกิดขึ้นบริเวณด้านหน้ารถถูกควบคุมโดยตัวสร้างเกลียวอากาศคู่หนึ่ง ซึ่งได้รับการปรับแต่งอย่างละเอียดในอุโมงค์ลม พร้อมด้วยดิฟฟิวเซอร์สองชิ้นที่ผสานเข้ากับสปลิตเตอร์ นอกจากจะช่วยเพิ่มแรงกดหน้ารถแล้ว ยังช่วยระบายความร้อนให้กับระบบเบรกหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

ใต้ท้องรถได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยอุปกรณ์เฉพาะที่ช่วยลดแรงต้านอากาศและบริหารจัดการการไหลของอากาศอย่างละเอียด ในส่วนของท้ายรถยังมีดิฟฟิวเซอร์ที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดเพื่อหาจุดสมดุลที่ดีที่สุดระหว่างแรงกดและแรงต้านอากาศโดยมีการควบคุมการขยายตัวของกระแสอากาศในช่องกลางซึ่งช่วยเสริมการไหลให้กับกระแสลมหลังตัวรถ และเพิ่มความมั่นคงในการทรงตัวขณะขับขี่

องค์ประกอบที่โดดเด่นของส่วนท้ายรถคือสปอยเลอร์หลังแบบแอคทีฟถูกออกแบบอย่างกลมกลืนกับดีไซน์ของท้ายรถ ปีกชิ้นนี้สามารถปรับได้สามโหมด ได้แก่ Low Drag (LD) สำหรับลดแรงต้านอากาศ Medium Downforce (MD) สำหรับแรงกดปานกลาง และ High Downforce (HD) สำหรับแรงกดสูง ขึ้นอยู่กับความเร็วและแรงเร่งทั้งแนวตั้งและแนวข้าง ในช่วงทางตรง ปีกจะอยู่ในตำแหน่ง LD หรือ MD เพื่อลดแรงต้านอากาศให้ต่ำที่สุด

Ferrari Amalfi สเปค

แต่ในช่วงการขับขี่แบบไดนามิก เช่น การเข้าโค้งความเร็วสูง หรือเบรกหนัก ปีกจะปรับเข้าสู่โหมด HD เพื่อเพิ่มแรงกดถึง 110 กิโลกรัมที่ความเร็ว 250 กม./ชม. โดยมีแรงต้านอากาศเพิ่มขึ้นไม่เกิน 4% เท่านั้น ตำแหน่ง MD ช่วยให้ปีกสามารถเปลี่ยนสู่การเปิดเต็มรูปแบบได้รวดเร็วขึ้น สร้างสมดุลระหว่างความมั่นคงและประสิทธิภาพ การทำงานของปีกเป็นแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ รักษาความงามเรียบง่ายของเส้นสายรถได้แม้ในความเร็วต่ำ พร้อมยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น ส่วนท้ายยังเสริมด้วย Nolder ขนาดสูง 20 มม. ที่ติดตั้งอย่างแนบเนียน ช่วยบีบอัดการไหลของอากาศในโหมดลดแรงต้านอากาศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ส่วนหน้าของตัวรถได้รับการปรับแต่งทางวิศวกรรมอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ระบบระบายความร้อนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกสภาวะการขับขี่ โดยบริเวณตอนกลางของกันชนหน้าทำหน้าที่เป็นช่องรับอากาศหลักสำหรับระบายความร้อนของหม้อน้ำเครื่องยนต์ และคอนเดนเซอร์ของระบบปรับอากาศ ขณะที่ช่องรับอากาศด้านข้าง จะส่งอากาศเข้าสู่ชุดอินเตอร์คูลเลอร์ของระบบเทอร์โบชาร์จ

พลศาสตร์การขับขี่ (Vehicle Dynamics)

ระบบพลศาสตร์การขับขี่ของ Ferrari Amalfi ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญในวิวัฒนาการของรถสปอร์ตคูเป้แบบ 2+ ที่วางเครื่องยนต์กึ่งกลางด้านหน้า โดยเป็นผลจากการบูรณาการเทคโนโลยีล้ำสมัยล่าสุดที่ Ferrari พัฒนามาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

หัวใจของการพัฒนาครั้งนี้คือการนำระบบเบรกแบบ Brake-by-Wire มาใช้ ซึ่งเป็นระบบเบรกที่ควบคุมด้วยสัญญาณไฟฟ้าแทนสายหรือแรงดันไฮดรอลิกแบบดั้งเดิม ส่งผลให้การเบรกมีความแม่นยำสูงขึ้น ระยะเหยียบแป้นเบรกสั้นลง และควบคุมแรงเบรกได้ละเอียดกว่าเดิม โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ระบบ ABS ทำงาน โดย Brake-by-Wire จะยังคงมอบความรู้สึกในการควบคุมที่เป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกการขับขี่

Ferrari Amalfi สเปค

ระบบ ABS Evo ถูกเปิดตัวครั้งแรกใน Ferrari 296 GTB และได้รับการพัฒนาต่อยอดใน Ferrari Purosangue และ Ferrari 12Cilindri ถูกปรับแต่งให้เหมาะสมกับทุกสภาพพื้นผิวถนนและทุกโหมดการขับขี่ที่เลือกผ่าน Manettino เพื่อให้ได้สมรรถนะสูงสุดในทุกสถานการณ์ ระบบควบคุมนี้อ้างอิงข้อมูลจากเซนเซอร์ 6D sensor ที่สามารถประเมินความเร็วของรถได้อย่างแม่นยำแบบเรียลไทม์ และคำนวณระดับการลื่นไถลที่เหมาะสมที่สุดของล้อแต่ละข้างอย่างแยกอิสระ ส่งผลให้การกระจายแรงเบรกถูกปรับแต่งอย่างเหมาะสมในทุกสภาวะ

ผลลัพธ์ที่ได้คือประสิทธิภาพการเบรกในทางตรงที่มั่นคงยิ่งขึ้น และการควบคุมในสภาพแวดล้อมผสม เช่น ระหว่างการเบรกขณะเข้าโค้ง ซึ่งต้องอาศัยสมดุลระหว่างเสถียรภาพด้านข้างและแรงหน่วงตามแนวยาว ทั้งหมดนี้เพื่อยกระดับความปลอดภัยและความมั่นใจในทุกจังหวะการขับขี่

ความแม่นยำในการประเมินค่าต่าง ๆ ของระบบนี้ยังช่วยให้สามารถทำซ้ำการควบคุมรถในแต่ละสถานการณ์ได้อย่างสม่ำเสมอ ลดความคลาดเคลื่อนที่เกิดจากค่าความทนทางกล (mechanical tolerances) หรือสภาพแวดล้อมภายนอก เช่น อุณหภูมิของพื้นถนน (Tarmac Temperature)

แนวทางการทำงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของระบบควบคุมเสถียรภาพขั้นสูง Side Slip Control (SSC) 6.1 ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมโยงระบบควบคุมพลศาสตร์ทั้งหมดของรถ ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัย การจัดการแรงบิด และการควบคุมการเคลื่อนตัวในแนวดิ่งของตัวถัง เพื่อให้มั่นใจได้ว่ารถจะมอบสมรรถนะสูงสุดในทุกสถานการณ์การขับขี่อย่างไร้รอยต่อและแม่นยำสูงสุด

Ferrari Amalfi เฟอร์รารี่

อีกหนึ่งความก้าวหน้าที่โดดเด่นคือระบบประเมินค่าการยึดเกาะถนน (Grip Estimation System) ที่ทำงานร่วมกับระบบพวงมาลัยไฟฟ้า (EPS: Electric Power Steering) ซึ่งพัฒนาต่อยอดมาจากเวอร์ชั่นที่ใช้ใน Ferrari 296 GTB โดยในเจเนอเรชั่นใหม่นี้ ระบบสามารถประเมินค่าการยึดเกาะระหว่างยางกับพื้นถนนได้รวดเร็วยิ่งขึ้นถึง 10% และมีความแม่นยำสูงขึ้น แม้ในสภาพถนนที่มีแรงเสียดทานต่ำมาก

กลไกในการประมวลผลใช้การวิเคราะห์ไดนามิกของกล่องพวงมาลัยไฟฟ้าร่วมกับมุมเหวี่ยงของรถ (Yaw Angle) ที่ประเมินโดยระบบ SSC 6.1 เพื่อระบุระดับการยึดเกาะของยางในทุกช่วงเวลาแม้ในขณะที่ไม่ได้ขับขี่ถึงขีดจำกัดของรถก็ตาม ช่วยเพิ่มทั้งความไวในการตอบสนองและประสิทธิภาพโดยรวมของระบบควบคุมทั้งหมด เพื่อเสริมเสถียรภาพด้านพลศาสตร์ของรถ

Ferrari Amalfi ยังติดตั้งสปอยเลอร์หลังแบบแอคทีฟ ซึ่งจะทำงานตามค่าความเร่งในแนวตรงและแนวข้าง ในสภาวะการขับขี่แบบไดนามิก เช่น การเบรกหนักหรือการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง สปอยเลอร์จะปรับเข้าสู่โหมด High Downforce โดยอัตโนมัติ เพื่อสร้างแรงกดอากาศบริเวณด้านหลังรถเพิ่มเติม ช่วยเสริมความมั่นคงและการทรงตัวของรถได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดการขับขี่

ในด้านความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Ferrari Amalfi มาพร้อมชุดระบบ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) เจเนอเรชั่นล่าสุดที่ครอบคลุมทุกด้าน เพื่อยกระดับทั้งความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่

ฟีเจอร์เด่นที่ติดตั้งในรถรุ่นนี้ ได้แก่

  • Adaptive Cruise Control ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน
  • Automatic Emergency Braking ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
  • Blind Spot Detection ระบบตรวจจับจุดอับสายตา
  • Lane Departure Warning และ Lane Keeping Assist ระบบเตือนและช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน
  • Automatic High Beam ระบบไฟสูงอัตโนมัติ
  • Traffic Sign Recognition and Assistance ระบบอ่านและแจ้งเตือนป้ายจราจร
  • Driver Drowsiness and Distraction Detection ระบบตรวจจับอาการเหนื่อยล้าหรือเสียสมาธิของผู้ขับขี่

นอกจากนี้ยังสามารถเลือกติดตั้ง Surround View Camera และ Rear Cross Traffic Alert เพื่อการมองเห็นรอบคันและแจ้งเตือนขณะถอยหลังได้อีกด้วย ระบบทั้งหมดสามารถตั้งค่าได้ผ่านเมนูบนแผงหน้าปัดดิจิทัลและทำงานเชื่อมต่อกันอย่างกลมกลืนผ่านระบบต่างๆของตัวรถ ซึ่งประกอบด้วยเรดาร์ด้านหน้าและหลัง กล้องหลายตำแหน่ง และหน่วยควบคุมเฉพาะทางที่ทำงานร่วมกันอย่างแม่นยำ

การผสมผสานของเทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้ Ferrari Amalfi มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เปี่ยมด้วยความแม่นยำ ความมั่นใจ และความสนุกได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทุกระบบทำงานร่วมกันอย่างกลมกลืน ไม่ว่าสภาพถนนจะเป็นอย่างไร หรือสไตล์การขับขี่จะเข้มข้นเพียงใดก็ตาม

ยางรถยนต์ (Tyres)

การเลือกใช้ยางสำหรับ Ferrari Amalfi เกิดจากการพิจารณาอย่างพิถีพิถัน เพื่อหาสมดุลที่ลงตัวระหว่างรูปลักษณ์ ความสามารถด้านสมรรถนะ และความสะดวกสบายในการขับขี่ โดยล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ถูกเลือกมาเพื่อรักษาสัดส่วนที่กลมกลืนกับแนวทางการออกแบบของตัวรถ โดยไม่กระทบต่อคุณภาพการขับขี่ เพื่อรักษาความนุ่มนวลสูงสุด อัตราส่วนแก้มยาง (sidewall aspect ratio) ที่ใช้ใน Ferrari Roma ถูกนำมาใช้เช่นเดียวกันใน Amalfi เพื่อให้ได้การตอบสนองที่ไหลลื่น นุ่มนวล และสามารถดูดซับแรงสะเทือนจากพื้นผิวถนนได้อย่างดี

ขนาดของยางที่ใช้คือ 245/35 R20 ที่ล้อหน้า และ 285/35 R20 ที่ล้อหลัง ซึ่งเป็นการจัดสรรที่มอบความสมดุลระหว่างความคล่องตัวและการยึดเกาะ ช่วยส่งเสริมบุคลิกด้านพลวัตของตัวรถให้มีความเฉียบคม ตอบสนองได้ฉับไว และมั่นใจทุกการควบคุม Ferrari Amalfi มาพร้อมยางมาตรฐานที่ได้รับการพัฒนาร่วมกับพันธมิตรด้านเทคนิคระดับโลก 2 ราย ได้แก่ Bridgestone Potenza Sport และ Pirelli P ZERO ซึ่งต่างก็เป็นยางสมรรถนะสูงที่ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับบุคลิกของตัวรถโดยเฉพาะ

โปรแกรมบำรุงรักษา 7 ปีจากโรงงาน (7-Year Genuine Maintenance)

มาตรฐานคุณภาพอันไร้ที่ติของ Ferrari ควบคู่กับการให้ความสำคัญสูงสุดต่อการบริการลูกค้า คือรากฐานของโปรแกรมบำรุงรักษาแบบขยายระยะเวลา 7 ปี ที่มาพร้อมกับ Ferrari Amalfi โปรแกรมนี้มีให้บริการครอบคลุมทุกรุ่นในสายการผลิตของ Ferrari และครอบคลุมการบำรุงรักษาตามระยะอย่างครบถ้วนตลอด 7 ปีแรกของการใช้งาน เพื่อให้เจ้าของรถมั่นใจได้ว่ารถยนต์ของตนจะได้รับการดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ทั้งด้านสมรรถนะและความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ทั้งนี้ บริการสุดพิเศษดังกล่าวยังสามารถใช้ได้กับผู้ครอบครอง Ferrari Pre-owned ที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดอีกด้วย

การบำรุงรักษาเป็นประจำในโปรแกรมนี้ครอบคลุมการเข้าศูนย์ตามระยะทาง ทุก ๆ 20,000 กิโลเมตร หรือปีละหนึ่งครั้ง โดยไม่จำกัดระยะทางสะสม พร้อมการเปลี่ยนอะไหล่แท้จากโรงงาน และการตรวจสอบอย่างละเอียดโดยช่างผู้ชำนาญที่ผ่านการฝึกอบรมจาก Ferrari Training Centre ที่ Maranello โดยใช้เครื่องมือวิเคราะห์สมัยใหม่ที่ได้รับการออกแบบมาสำหรับ Ferrari โดยเฉพาะ

บริการนี้มีให้ครอบคลุมทั่วโลกในเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Ferrari และนับเป็นหนึ่งในบริการหลังการขายที่ Ferrari มุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการรักษาสมรรถนะและคุณภาพระดับตำนาน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของม้าลำพองจาก Maranello ให้คงอยู่เหนือกาลเวลา

 

เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล

ขอบคุณข้อมูล: คาวาลลิโน่ มอเตอร์

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th

TagsAmalfiCavallino MotorsFerrari AmalfiFerrari RomaFerrari ThailandGrand TourerGrand TurismoNew AmalfiSport GTSUPERCARคาวาลลิโน มอเตอร์ซูเปอร์คาร์เฟอร์รารี่
0
Shares
  • 0
  • +
  • 0
  • 0

บทความแนะนำที่น่าสนใจ

บทความ รีวิว รถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านสมรรถนะ ที่น่าสนใจ
บทความ รถออกใหม่ ที่น่าสนใจ
บทความ รถครอบครัว ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านราคารถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านดีไซน์รถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านการซื้อรถ ที่น่าสนใจ
บทความเรื่องรถที่น่าสนใจ

About

logo_grandprix_online2016full

Grandprix Online กรังด์ปรีซ์ออนไลน์ ผู้นำข่าวสารยานยนต์

Thailand Automotive news leader and auto show. Our mission is the leading source of news about the global automotive industry.

Recent Posts

  • Porsche เผยโฉม Cayenne Electric สู่สาธารณชน-พรางตัวทดสอบสมรรถนะก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
  • สเปค และข้อมูลของ Ferrari Amalfi ซูเปอร์คาร์สไตล์ GT ขุมกำลัง V8 รุ่นล่าสุดจากมาราเนลโล่
  • Ferrari Amalfi ม้าลำพองตัวใหม่จากมาราเนลโล่-ยกระดับรถสปอร์ต GT ขุมกำลัง V8 630 แรงม้า
  • ‘เจม-นันทวุฒิ’ พลิกแซง 10 นาทีท้าย-คว้าแต้มศึกฟอร์มูล่า ยูโรเปี้ยน ที่ฮังการี
  • ‘เติ้น-ทัศนพล’ นักแข่งไทยคนแรกคว้าชัยชนะในศึกฟอร์มูล่า 3 รอบสปรินต์ เรซ ที่ซิลเวอร์สโตน

Advertising

สนใจลงโฆษณา
ติดต่อ : 02-522-1731-8

  • Facebook
  • Youtube
  • Instagram