Mitsubishi เผยโฉม Grandis รถเอสยูวีรุ่นใหม่สำหรับขายในยุโรป ซึ่งนำชื่อมาจากรถมินิแวนเบาะสามแถวที่เคยถูกผลิตในช่วงปี 2003 ถึง 2011 อย่างไรก็ตามรถเอสยูวีรุ่นใหม่มาในรูปแบบเบาะสองแถว และใช้รถเอสยูวีรุ่น Symbioz ของ Renault เป็นพื้นฐาน โดยมีระบบขับเคลื่อนให้เลือกระหว่างไมลด์ไฮบริดหรือฟูลไฮบริด

Mitsubishi Grandis ซึ่งมีชื่อมาจากภาษาลาตินที่มีความหมายว่าใหญ่และประทับใจอยู่บนแพลตฟอร์ม CMF-B ของ Renault-Nissan-Mitsubishi Alliance ถูกส่งทำตลาดรถซี–เอสยูวีด้วยความยาว 4,410 มม. กว้าง 2,000 มม. สูง 1,580 มม. โดยเน้นกลุ่มครอบครัวอายุน้อยที่ต้องการทั้งพื้นกว้างและความอเนกประสงค์ในรถที่มีความกะทัดรัด 

ด้านการออกแบบภายนอกของรถมีด้านหน้า Dynamic Shield ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่มีความสดใหม่ พร้อมไฟหน้า LED ที่ถูกออกแบบอย่างมีสไตล์ ส่วนด้านหลังของรถเน้นรูปทรงหกเหลี่ยมด้วย Hexaguard Horizon เพื่อแสดงถึงพลังของรถ พร้อมมีไฟท้าย LED แนวนอน

รถรุ่นใหม่ยังมีการใช้สีดำเงา Glossy Black และโครเมียม Satin Chrome ที่กระจังหน้า รวมทั้งส่วนอื่นๆ ภายนอกรถ นอกจากนี้ยังมีคิ้วประตู แผงกันกระแทก กันชน และโป่งซุ้มล้อสีดำ หรือแผงกันกระแทกสีเงินและกันชนสีดำเงาขึ้นอยู่กับเกรดของรถ ในขณะที่ล้อของรถมีตั้งแต่ขนาด 17 ถึง 19 นิ้ว ส่วนสีภายนอกรถมีให้เลือก 5 สีเมทัลลิก

ห้องโดยสารของรถถูกระบุว่าเน้นความร่วมสมัย พื้นที่กว้าง การใช้งาน และความอเนกประสงค์ โดยเบาะของรถมีฟังก์ชันปรับความอุ่นหุ้มด้วยผ้าพรีเมียม นอกจากนี้ยังมีหลังคากระจก Electrochromic ที่ปรับความใสหรือขุ่นได้ ส่วนเบาะหลังสามารถปรับเลื่อนมาด้านหน้าได้ 150 มม. เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระนอกจากการพับเบาะลง

รถยังมากับจอแสดงข้อมูลการขับอีเล็กทรอนิกขนาด 7 นิ้ว หรือจอดิจิตอลขนาด 10 นิ้วขึ้นอยู่กับเกรดของรถ ส่วนจอ Infotainment ตรงกลางเป็นแนวตั้งขนาด 10.4 นิ้วพร้อม Google  Built-in ที่ทำให้สามารถเข้าถึงแอปพ์และบริการต่างๆ ของกูเกิลได้ รวมทั้ง Google Play เพื่อเข้าถึงแอปพ์ต่างๆ พร้อมรองรับทั้ง Android Auto และ Apple CarPlay ไร้สาย นอกจากนี้ยังมีที่ชาร์จไร้สาย 15W มาให้ใช้

ขุมพลังของรถมีทั้งไมลด์ไฮบริดใช้เครื่องยนต์ 1.3 ลิตรเทอร์โบ 140 แรงม้าพร้อม Belt Driven Starter Generator และแบตเตอรีลิเธียมไอออน 12V มีระบบส่งกำลังให้เลือกระหว่างแมนนวล 6 สปีดหรือดูอัลคลัตช์ 7 สปีด หรือขับเคลื่อนด้วยระบบฟูลไฮบริดใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 1.8 ลิตร 108 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าหลัก 36 kW หรือ 48 แรงม้า มอเตอร์ไฟฟ้าที่สอง 15 kW หรือ /20 แรงม้า และแบตเตอรี 1.4 kWh ให้กำลังรวมจากระบบ 156 แรงม้า โดยใช้ระบบส่งกำลังอัตโนมัติมัลติ–โหมด

รถยังใช้ 12 เซ็นเซอร์อัลตราโซนิก 4 กล้อง และเรดาร์ด้านหน้าเพื่อการมองเห็นรอบตัวรถ 360 องศาสำหรับการทำงานช่วยขับต่างๆ โดยรถจะถูกผลิตที่โรงงานของ Renault ในสเปนช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2025 นี้ ส่วนราคาและกำหนดการขายรถยังไม่มีออกมา

เรื่อง : กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th