BYD จัดชุดใหญ่โชว์นวัตกรรมและเทคโนโลยีสุดล้ำ ใน Auto Shanghai 2025

BYD เข้าร่วมออกบูธในงาน Auto Shanghai 2025 ครั้งที่ 21 ที่จัดขึ้นในเมืองเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยปีนี้มาในธีม BYD Ocean Series มีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ 5 รุ่น รวมทั้งจัดแสดงเทคโนโลยีที่ช่วยเหลือในด้านการขับขี่และความปลอดภัยที่เหนือชั้น
สำหรับรถที่เปิดตัวใหม่ 5 รุ่น มีกำหนดวางจำหน่ายในไตรมาสที่ 3 ปี 2025 ได้แก่
BYD Ocean-S (รถต้นแบบ Concept Car) รถซีดานต้นแบบแนวอนาคต สื่อถึง “ความงามของมหาสมุทรผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย” ดีไซน์โค้งมน ตัวรถรูปทรงเพรียวบาง เส้นสายลื่นไหล เน้นความหรูหรา และภายในตกแต่งด้วยแรงบันดาลใจจากทะเล
BYD SEALION 06 DM-i และ SEALION 06 EV (SUV ขนาดกลาง) ใช้แพลตฟอร์ม DM รุ่นที่ 5 และ e-Platform 3.0 Evo ไฟหน้าแบบสองโทนสี (ขาวเย็นและทองอบอุ่น), ไฟท้ายทรงหยดน้ำ เป็น SUV ที่เน้นภาพลักษณ์อัจฉริยะ + ดีไซน์ลื่นไหลแบบ “Oceanic Aesthetics”
BYD SEAL 06 EV (ซีดานไฟฟ้าล้วน) ดีไซน์ทันสมัยตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ มาพร้อมระบบขับขี่อัจฉริยะ DiPilot 100 และระบบช่วงล่าง DiSus-C และจะจำหน่ายใน ไตรมาส 2 ปี 2025
BYD SEAL 06 DM-i Travel Edition (รถแวกอนไฮบริด) รถแวกอนรุ่นแรกของโลกที่ใช้ระบบไฮบริด DM-i ผสมความคล่องตัวแบบซีดานกับพื้นที่กว้างขวางของ SUV ประหยัดน้ำมัน วิ่งไกล เหมาะกับชีวิตหลากหลายรูปแบบ
ในส่วนของเทคโนโลยีที่จัดแสดงภายในบูธ ได้แก่
แพลตฟอร์ม e-Platform 3.0 Evo: รองรับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
ระบบ DiPilot และ DiSus-C: เพิ่มความฉลาดและความสบายในการขับขี่
DM-i เจเนอเรชัน 5: ระบบไฮบริดที่มีประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงสูง
แนวทางของ BYD ในงานนี้ ยังคงชูจุดเด่นด้าน เทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม ที่เน้นตอบสนองกลุ่ม ผู้ใช้รุ่นใหม่ในระดับสากล และมุ่งมั่นต่อเป้าหมาย “Zero Emission Future” หรือโลกไร้มลพิษ
นอกจากนี้ BYD ยังได้เปิดตัวรถยนต์ SUV ขนาดใหญ่ต้นแบบรุ่นใหม่จากซีรีส์ Dynasty โดยรถต้นแบบนี้มีชื่อว่า Dynasty-D ที่กลายเป็นจุดสนใจสำคัญในบูธของ BYD โดยนำเสนอความหรูหราและทิศทางใหม่ของซีรีส์ Dynasty ผสานความงามแบบจีนเข้ากับนวัตกรรมล้ำสมัย ภายใต้แนวคิด “Dragon Face” รุ่นพัฒนาใหม่
จุดเด่นของการออกแบบ มาพร้อมไฟหน้าแบบ lightbar ยาวที่สุดถึง 2.4 เมตร ไม่มีช่องว่าง ได้แรงบันดาลใจจากชายคาวังโบราณ ลักษณะคล้ายหนวดมังกร, ล้อขนาด 23 นิ้ว ได้แรงบันดาลใจจากโดมของวิหารสวรรค์ สะท้อนความสง่างามแบบจีน, ไฟท้ายลายปมจีน 3 มิติ ผสานลวดลายขนนกฟีนิกซ์ สร้างภาพลวงตาแบบศิลปะจีนโบราณ และตัวถังมีขนาดยาวถึง 5.3 เมตร
ภายในห้องโดยสารได้แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมพระราชวังต้องห้าม ใช้สัดส่วนทองคำและความเรียบง่ายแบบโมเดิร์น, ตกแต่งด้วยวัสดุจากเส้นทางสายไหม เช่น ไม้ไผ่ ทองคำเปลว กระดาษจีนโบราณ, หน้าจอแปดจอเชื่อมต่อกัน นำเสนอวัฒนธรรมโบราณผสมผสานเทคโนโลยีทันสมัย
สำหรับซีรีส์ Dynasty สามารถทำยอดขายจาก 1 ล้านคัน เป็น 2 ล้านคัน ต่อปีในเวลาเพียง 5 ปี เท่านั้น โดย HAN L และ TANG L รถรุ่นเรือธงใหม่ ใช้แพลตฟอร์ม e-Platform 3.0 Evo รองรับการชาร์จไฟแรงสูงถึง 1000 kW ชาร์จได้ 400 กม. ภายใน 5 นาที รวมทั้ง BYD กำลังขยายสถานีชาร์จเมกะวัตต์กว่า 4,000 แห่ง พร้อมสร้างพันธมิตรด้านโครงสร้างพื้นฐาน
ในส่วนของเทคโนโลยี มีหลายระบบที่สะท้อนวิสัยทัศน์ของ BYD ในการมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านยานยนต์พลังงานใหม่ ได้แก่
- แพลตฟอร์ม e-Platform 3.0 Evo
แพลตฟอร์มไฟฟ้าล้วน เจเนอเรชันล่าสุดของ BYD ซึ่งพัฒนามาจาก e-Platform 3.0 มีจุดเด่นในการรองรับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (EV), มีระบบกระจายพลังงานอัจฉริยะ, เพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ ความปลอดภัย ความเงียบ และสามารถปรับแต่งได้ง่าย รองรับรถหลายขนาดและรูปแบบตัวถัง
- เทคโนโลยี DM-i Generation 5 (Plug-in Hybrid System)
ระบบปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ ที่เน้นความประหยัดและขับได้นาน ลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันลงอย่างมาก, รองรับทั้งการเดินทางในเมืองและระยะไกล, ใช้ได้กับทั้งซีดานและ SUV รวมถึงรถแวกอนใหม่ (เช่น SEAL 06 DM-i Travel Edition)
- ระบบ DiPilot 100 (Driving Intelligence Pilot)
ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ รองรับฟีเจอร์ขับขี่กึ่งอัตโนมัติ, มีเรดาร์และกล้องความละเอียดสูงสำหรับการตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบตัวรถ, เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการขับขี่
- ระบบ DiSus-C (Intelligent Damping Control System)
ระบบควบคุมช่วงล่างอัจฉริยะของ BYD สามารถตรวจสอบสภาพถนนและปรับระดับโช้คอัพแบบเรียลไทม์, มอบประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวลและมั่นใจมากขึ้น และเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้ในรถระดับกลางขึ้นไป
- การออกแบบ Ocean Aesthetics ผสานกับฟังก์ชันล้ำยุค
ดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจจาก “มหาสมุทร” ไฟหน้าแบบ Dual-Tone, ไฟท้ายทรงหยดน้ำ, ภายในใช้การออกแบบเลียนแบบธรรมชาติ (Biomimetic Design) และทั้งหมดเน้นความรู้สึก “สงบ+เทคโนโลยี” ในเวลาเดียวกัน
- ความมุ่งมั่นสู่ Zero Emission + การเชื่อมต่อระดับโลก
รถทุกคันในบูธเน้นเทคโนโลยีลดคาร์บอนหรือไร้มลพิษ เชื่อมต่อกับเครือข่ายผู้ใช้งานทั่วโลกด้วยระบบซอฟต์แวร์ OTA และระบบเชื่อมต่อกับแอปของผู้ใช้
รวมทั้งชูไฮไลท์เทคโนโลยีอัจฉริยะ “God’s Eye” หรือ “ดวงตาแห่งเทพพระเจ้า” ซึ่งเป็นชื่อเรียกของระบบกล้องอัจฉริยะรอบคันแบบ 360 องศา ที่ผสานเข้ากับระบบขับขี่อัจฉริยะ DiPilot ใช้กล้องหลายตัวรอบคัน (รวมถึงมุมสูงแบบ bird’s-eye view) ช่วยให้ผู้ขับมองเห็นสภาพแวดล้อมรอบตัวรถแบบเรียลไทม์ เหมือนมองจากมุมบน
คุณสมบัติเด่นของระบบ God’s Eye ใน BYD
- กล้องรอบคันแบบ Ultra HD ความละเอียดสูงทุกมุม
- มุมมองเสมือนจากด้านบน (Top-down View) ช่วยในการจอดและขับในที่แคบ
- ตรวจจับวัตถุเคลื่อนไหวรอบรถ ได้แม่นยำ ทั้งคน สัตว์ สิ่งกีดขวาง
- ทำงานร่วมกับระบบ DiPilot เช่น Lane Assist, Auto Park, Collision Avoidance
- บันทึกภาพและวิดีโอ เหมือน Dash Cam อัจฉริยะ สำหรับตรวจสอบย้อนหลัง
โดยเทคโนโลยีนี้เป็นการทำงานของ AI Vision + Machine Learning: ประมวลผลภาพและสภาพแวดล้อมอย่างชาญฉลาด, Sensor Fusion: รวมข้อมูลจากกล้อง เรดาร์ และ LiDAR (ในบางรุ่น) เพื่อการตัดสินใจแม่นยำยิ่งขึ้น และระบบประมวลผลเฉพาะของ BYD ทำให้ใช้งานได้เร็วและแม่นยำ
โดยปัจจุบัน God’s Eye ติดตั้งอยู่ใน BYD Seal 06 EV, SEALION 06 และรถระดับสูงของ Ocean Series ที่รองรับ DiPilot 100 หรือสูงกว่า
Lingyuan นวัตกรรมการติดตั้งโดรนในรถยนต์ BYD ติดตั้งโดรนในรถยนต์ พร้อมแท่นปล่อยติดตั้งอยู่บนหลังคา โดรนของ BYD มีคุณภาพกล้องระดับ 4K และสามารถบินออกจากรถยนต์ได้ในขณะที่ขับขี่อยู่ ด้วยความเร็วไม่เกิน 25 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทั้งยังบินกลับมาลงจอดโดยอัตโนมัติในรัศมี 2 กิโลเมตร และบินตามรถยนต์ด้วยความเร็วสูงสุด 54 กิโลเมตร/ชั่วโมง สำหรับการชาร์จไฟ ใช้เวลาในการชาร์จไฟ 20 – 80% ภายในเวลา 30 นาที ส่วนการควบคุมทำได้ ทั้งผ่านหน้าจอสัมผัสในรถยนต์โดยตรง หรือแอพ Ling Yuan ในมือถือ
อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ต้องพูดถึง คือ เทคโนโลยีชาร์จด่วนแบบ Megawatt Fast Charging Technology ซึ่ง BYD พัฒนา Blade Battery ใหม่ ให้รองรับการถ่ายโอนประจุได้ไวมากขึ้น และยังมีแรงเสียดทานภายในต่ำลง ส่งผลให้ชาร์จได้ไวขึ้น โดยรองรับกำลังไฟสูงสุด 1,000 โวลต์ พร้อมทั้งรองรับกระแสไฟจาการชาร์จสูงสุด 1,000 แอมป์ และรองรับกำลังไฟจากการชาร์จสูงสุด 1,000 กิโลวัตต์ (kW) ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในโลก และเกิดการบัญญัติกำลังไฟในหน่วย 1 เมกะวัตต์ (MW) นับเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมที่ใช้หน่วยนี้
นอกจากนี้ สำหรับแบรนด์อื่นๆ ที่อยู่ในเครือของ BYD อย่าง Denza, FANGCHENGBAO และYANGWANG ได้มาออกบูธด้วยเช่นกัน
โดย FANGCHENGBAO หนึ่งในแบรนด์ในกลุ่มของ BYD ได้อวดโฉมรถยนต์ครบทั้งไลน์อัป โดยมีรุ่น BAO 5, BAO 8 และรุ่นใหม่ล่าสุด BAO 3 (Titan 3) มาปรากฏร่วมกันครั้งแรก พร้อมกับรุ่นพิเศษอีก 3 รุ่น และการสาธิตสดของระบบโดรนอัจฉริยะในรถยนต์ของ BYD
BAO 3 ซึ่งเป็น SUV ขนาดกะทัดรุดเน้นเทคโนโลยี มีจุดเด่นด้านความปลอดภัย ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ และดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ รุ่น “SUPER 3 Edition” ได้รับการเปิดตัวในงานนี้เช่นกัน โดยมีดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถต้นแบบ
FANGCHENGBAO ยังนำเสนอ BAO 5 ที่ผสานระบบ DiPilot ของ BYD เข้ากับระบบขับขี่ขั้นสูงของ Huawei (HUAWEI ADAS) ส่วน BAO 8 ที่ร่วมพัฒนากับ DJI และ Huawei ได้รวมเทคโนโลยีขั้นสูง 4 อย่าง พร้อมโครงสร้างตัวถังแบบแชสซีส์แยกเพื่อสมรรถนะออฟโรดและความสบายของผู้โดยสาร
มีการเปิดตัวชุดแต่งอย่างเป็นทางการ 3 แบบ ได้แก่
- “BAO 8 Whale Titan Kit” เน้นความใหญ่และแข็งแกร่ง
- “BAO 3 SUPER 3 Edition” ดีไซน์แนวไซไฟ
- “BAO 5 Urban Matrix Kit” สไตล์เมืองอนาคต
ด้าน YANGWANG แบรนด์รถยนต์พลังงานใหม่ระดับพรีเมียม เปิดตัว U8L รุ่นใหม่ SUV หรูขนาดใหญ่ พร้อมด้วยรถรุ่นอื่น ๆ ได้แก่ YANGWANG U7, U8 และ U9
YANGWANG U8L เป็น SUV หรูขนาดใหญ่ที่มีที่นั่ง 6 ที่นั่ง และมีระยะฐานล้อและความยาวตัวรถมากที่สุดในบรรดารุ่นหลักในระดับเดียวกัน ด้วยพื้นที่ที่กว้างขวางและความหรูหราในระดับผู้บริหาร U8L ตอบสนองความต้องการของที่นั่งแบบ “3 แถวเต็มรูปแบบ” อย่างแท้จริง โดยเหมาะสำหรับการรับรองแขกธุรกิจระดับสูงและการเดินทางแบบกลุ่ม เสริมความแข็งแกร่งให้กับไลน์ผลิตภัณฑ์ระดับสูงของ YANGWANG และเพิ่มความหลากหลายให้กับการใช้งาน
โดยลักษณะเด่นของ YANGWANG U8L มีพื้นฐานจากเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม e4 และระบบควบคุมตัวถังอัจฉริยะ DiSus-P, ระยะฐานล้อ 3,250 มม. ความยาวตัวรถ 5,400 มม., การจัดวางที่นั่งแบบ 2+2+2 สะดวกสบายทุกแถว, ดีไซน์ด้านหน้าที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสัญลักษณ์ “鼎” (ติ่ง) พร้อมโทนสีดำทอง Obsidian Black และ Daybreak Gold, ตกแต่งด้วยตราสัญลักษณ์ทองคำ 24K ทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และพวงมาลัย พร้อมด้วยระบบความปลอดภัยขั้นสูง เช่น การลอยน้ำฉุกเฉิน, เสถียรภาพยางระเบิด, การกลับรถในที่แคบ และระบบช่วยขับอัจฉริยะ DiPilot 600
นอกจาก U8L แล้ว YANGWANG ยังมีผลิตภัณฑ์เด่นอีก ได้แก่
- YANGWANG U8: รถออฟโรดพลังงานใหม่
- YANGWANG U9: รถซูเปอร์คาร์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ พร้อมชุดตกแต่งคาร์บอนไฟเบอร์ส่วนบุคคล
- YANGWANG U7: ซีดานไฟฟ้าเรือธง พร้อมเทคโนโลยี DiSus-Z
YANGWANG มีไลน์ผลิตภัณฑ์ครอบคลุมตั้งแต่ราคา 600,000 ถึง 2,000,000 หยวน และเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งในกลุ่มราคานี้และระดับพรีเมียมยิ่งขึ้นในอนาคต เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไปสู่มาตรฐานที่สูงขึ้นอีกด้วย
ส่วน Denza แบรนด์ที่คนไทยน่าจะได้พอรู้จักกันมาบ้างแล้ว ครั้งนี้มาพร้อมกับการเผยโฉมรถสปอร์ตต้นแบบ DENZA Z เปิดตัวครั้งแรกในงานนี้ โชว์เทคโนโลยีช่วงล่าง DiSus-M และระบบบังคับเลี้ยวแบบไร้กลไก Steer-by-Wire ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ตัดการเชื่อมโยงทางกลไกระหว่างพวงมาลัยและล้อหน้าออกทั้งหมด แล้วใช้ระบบไฟฟ้าในการควบคุมการเลี้ยวแทน
ภายในบูธ DENZA Z ถ่ายทอดปรัชญาการออกแบบใหม่ “Pure Emotion” ของแบรนด์ โดยรวมเทคโนโลยีล้ำสมัยหลายอย่าง เช่น ระบบบังคับเลี้ยวแบบไร้กลไก (Steer-by-wire) ที่พัฒนาโดย DENZA เอง, ระบบควบคุมตัวถังด้วยสนามแม่เหล็ก DiSus-M, แพลตฟอร์ม e3 อัจฉริยะ และโครงรถที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ สะท้อนถึงอนาคตของยานยนต์พรีเมียมอัจฉริยะ ดีไซน์และเทคโนโลยีล้ำยุค
DENZA Z โดดเด่นด้วยด้านหน้าสไตล์ Quantum Pulse, เส้นสันด้านข้าง Light Blade และท้ายรถที่ออกแบบเพื่อสมรรถนะสูงสุดบนสนามแข่ง ภายในตกแต่งแบบสปอร์ตเต็มขั้นด้วยเบาะคาร์บอนไฟเบอร์, โรลเคจเสริมความแข็งแรง และแดชบอร์ดคาร์บอนไฟเบอร์ สร้างประสบการณ์ดื่มด่ำสำหรับคนรักรถสปอร์ต และยังเป็นรถสปอร์ตคันแรกของโลกที่ติดตั้งระบบช่วงล่าง DiSus-M แบบอัจฉริยะ ปรับความหนืดได้ในเวลาไม่ถึง 10 มิลลิวินาที ช่วยให้ขับขี่คล่องตัวแต่ยังคงความสบาย พร้อมระบบสแกนพื้นถนนล่วงหน้าเพื่อให้เข้าโค้งเฉียบ เบรกมั่นคง และให้ความรู้สึกเหมือนลอยอยู่บนพรมวิเศษ
แบรนด์ DENZA ยังได้พัฒนาระบบบังคับเลี้ยว Steer-by-wire ที่ไม่มีการเชื่อมต่อทางกล ให้การตอบสนองในระดับมิลลิวินาที และความแม่นยำระดับมิลลิเมตร เสริมด้วยพวงมาลัยแบบพับได้ เพิ่มความปลอดภัย พื้นที่ใช้งาน และการปรับแต่งห้องโดยสาร ระบบนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ “by-wire” เต็มรูปแบบของ DENZA ที่รวมการขับเคลื่อน การบังคับเลี้ยว ระบบเบรก และช่วงล่างไว้ในระบบไฟฟ้าทั้งหมด
หลักการทำงานของระบบ Steer-by-Wire
- พวงมาลัย: เมื่อผู้ขับหมุนพวงมาลัย สัญญาณจะถูกส่งผ่าน เซนเซอร์อิเล็กทรอนิกส์
- ECU (หน่วยควบคุม): ประมวลผลทิศทางและแรงที่ใช้หมุนพวงมาลัย
- Actuators (กลไกขับเคลื่อนที่ล้อหน้า): รับคำสั่งจาก ECU และปรับมุมล้อให้เหมาะสมทันที
- มอเตอร์ไฟฟ้า: ปรับแรงต้านและการหมุนของพวงมาลัยให้สอดคล้องกับการตอบสนองของรถ (เช่น ความเร็วรถ ทิศทางล้อ)
ข้อดีของ Steer-by-Wire
- ไม่มีการสั่นสะเทือนจากถนนส่งมาที่พวงมาลัย ทำให้การขับขี่นุ่มนวลขึ้น
- ปรับการตอบสนองของพวงมาลัยได้ตามสถานการณ์ (เช่น ความเร็วต่ำ = หมุนง่าย, ความเร็วสูง = มั่นคง)
- ยืดหยุ่นด้านการออกแบบภายใน ส่งผลให้พวงมาลัยสามารถพับเก็บหรือเปลี่ยนรูปทรงได้ง่าย (Denza Z ใช้พวงมาลัยแบบ “Yoke”)
- เหมาะกับรถยนต์ไร้คนขับในอนาคต เพราะไม่ต้องมีระบบกลไกซับซ้อน
- ความท้าทายของระบบนี้ก็มีเช่นกัน เพราะจะต้องมีระบบสำรอง (Redundant System) กรณีไฟฟ้าขัดข้อง และยังต้องพัฒนาความเชื่อมั่นให้ผู้ขับรู้สึก “มั่นใจ” ว่าระบบแม่นยำเทียบเท่าหรือดีกว่าระบบกลไกเดิม นั่นเอง
รวมทั้งนำรุ่นอื่นๆ มาจัดแสดง เช่น DENZA N9 SUV พรีเมียมเทคโนโลยีสูง มาพร้อมระบบไฮบริด 2.0T DM Super, ช่วงลมคู่ DiSus-A และระบบขับขี่อัจฉริยะ LiDAR DiPilot-300 ทำความเร็วในการทดสอบ Moose Test ได้สูงสุด 180 กม./ชม., DENZA D9 MPV ครองแชมป์ยอดขายอันดับหนึ่งในจีนต่อเนื่อง 2 ปี ด้วยยอดขายกว่า 300,000 คัน, DENZA Z9GT และ Z9 พร้อมเทคโนโลยี e3, DiPilot-300, ห้องโดยสารอัจฉริยะ และรุ่นพิเศษที่ร่วมมือกับเกมจีน Black Myth: Wukong และDENZA N7 รุ่นปรับโฉมปี 2025 เน้นกลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่ มาพร้อมแพ็กเกจสไตล์คาร์บอนไฟเบอร์ใหม่
Denza Z9 GT ตกแต่งสไตล์ Black Myth : Wukong
ต้องยอมรับว่าถ้าพูดถึงในแง่ของเทคโนโลยีสุดล้ำต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน BYD สามารถสร้างความน่าตื่นเต้นได้ในทุกครั้ง และยังเป็นการสะท้อนวิสัยทัศน์ของแบรนด์ในการเป็นผู้นำยานยนต์พลังงานใหม่ของโลกได้อย่างชัดเจนมากขึ้น และที่สำคัญไปกว่านั้น เรายังได้เห็นยุคใหม่ของยานยนต์จีนที่ก้าวหน้าขึ้นไปมาก เป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ที่พูดได้ว่า BYD นั้นเป็นเสมือนตัวแทนของการขับเคลื่อนแห่งอนาคตที่สามารถจับต้องได้แล้วในวันนี้จริงๆ
ขอขอบคุณ บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ตัวแทนจัดจำหน่าย รถยนต์ไฟฟ้า BYD ในประเทศไทย ที่เอื้อเฟื้อและอำนวยความสะดวกในการเดินทางสู่งาน Auto Shanghai 2025 ในครั้งนี้
เรื่อง : พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th