5 Powertrain ขุมพลังแบบไหนเหมาะกับคุณ ข้อดี ข้อเสีย เป็นอย่างไร

5 Powertrain ขุมพลังแบบไหนเหมาะกับคุณ ข้อดี ข้อเสีย เป็นอย่างไร และเหมาะกับการใช้งานแบบไหน ในปัจจุบันรถยนต์ในเมืองไทย มีระบบขับเคลื่อนที่ใช้พลังงานทางเลือกอยู่หลายรูปแบบ โดยแต่ละระบบขับเคลื่อนทั้ง ICE, HEV, PHEV, REEV, EV นั้นก็มี จุดเด่น จุดด้อย และกลุ่มผู้ที่ใช้งานที่เหมาะสมต่างกันออกไป การเลือกใช้จึงควรดูตาม ลักษณะการใช้งานจริงของเรา บวกกับงบประมาณ และความสะดวกด้านโครงสร้างพื้นฐาน เรามาดูกันครับว่าระบบขับเคลื่อนแต่ละแบบเป็นอย่างไร เหมาะกับการใช้งานแบบไหน
สรุปแต่ละระบบขับเคลื่อน 5 Powertrain
ระบบ | ชื่อเต็ม | เชื้อเพลิงหลัก | การเสียบปลั๊กชาร์จ | การทำงานหลัก |
ICE | Internal Combustion Engine | น้ำมัน | ❌ | เครื่องยนต์ล้วน |
HEV | Hybrid Electric Vehicle | น้ำมัน + มอเตอร์ | ❌ | มอเตอร์ช่วยเครื่องยนต์ |
PHEV | Plug-in Hybrid EV | น้ำมัน + ไฟฟ้า | ✅ | ขับด้วยไฟฟ้าระยะสั้น + น้ำมัน |
REEV | Range-Extended EV | ไฟฟ้า(หลัก) + น้ำมัน (เสริม) | ✅ | ขับด้วยไฟฟ้าเสมอ แต่น้ำมันช่วยชาร์จแบต |
BEV/ EV | Battery EV | ไฟฟ้า 100% | ✅ | ขับด้วยไฟฟ้าทั้งหมด |
ระบบไหนเหมาะกับใคร
1. ICE (เครื่องยนต์น้ำมันล้วน)
เหมาะกับ: คนที่วิ่งทางไกลบ่อย ไม่มีโอกาสชาร์จไฟเลย เช่น อยู่ต่างจังหวัดที่ห่างไกล ต้องการความคุ้นเคยในการใช้งานและซ่อมบำรุง
ข้อดี:
- โครงสร้างพื้นฐานพร้อมใช้ทั่วประเทศ
- เครื่องยนต์มีศูนย์ซ่อมทั่วไปเยอะ
ข้อเสีย:
- เปลืองน้ำมัน
- มลพิษสูง
- อนาคตอาจถูกจำกัดสิทธิหรือมีภาษีเพิ่ม
2. HEV (ไฮบริด)
เหมาะกับ: คนขับในเมืองที่รถติด (รถจะใช้ไฟฟ้าตอนความเร็วต่ำ) คนที่อยากประหยัดน้ำมันแต่ไม่อยากเสียบปลั๊ก
ข้อดี:
- ประหยัดกว่ารถน้ำมัน
- ไม่ต้องเสียบปลั๊ก
- เทคโนโลยีมั่นคง (โตโยต้าทำมา 20+ ปีแล้ว)
ข้อเสีย:
- ยังปล่อยมลพิษ
- แบตเล็ก ใช้ไฟฟ้าระยะสั้น
- ราคาแพงกว่ารถน้ำมันนิดหน่อย
3. PHEV (ปลั๊กอินไฮบริด)
เหมาะกับ: คนที่ขับทางใกล้ในชีวิตประจำวัน (เช่นไป-กลับบ้าน-ที่ทำงาน 30–50 กม./วัน) ต้องการใช้ไฟฟ้าแต่ยังอยากมีน้ำมันสำรองไว้เดินทางไกล
ข้อดี:
- ขับไฟฟ้าได้หลายสิบกิโล (30–80 กม.)
- เดินทางไกลไม่ต้องกลัวแบตหมด (เพราะมีเครื่องยนต์สำรอง)
- เหมือนมี “2 ระบบในคันเดียว”
ข้อเสีย:
- แพงกว่า HEV
- ต้องมีที่เสียบปลั๊กจึงจะคุ้ม
- ถ้าไม่ชาร์จไฟเลยจะสิ้นเปลืองกว่ารถไฮบริดธรรมดา
4. REEV (Range-Extended EV)
เหมาะกับ: คนที่อยากใช้ไฟฟ้า 100% แต่ยังกลัว range anxiety (ความวิตกกังวลเรื่องระยะทาง) หมายถึง ความกลัวหรือความกังวลที่ผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีว่าแบตเตอรี่ของรถยนต์จะไม่สามารถวิ่งไปถึงจุดหมายปลายทาง หรือไม่มีสถานีชาร์จเพียงพอระหว่างทาง
ข้อดี:
- ขับด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วน ไม่กระตุก
- เครื่องยนต์ไม่ได้ขับล้อ แต่ช่วยชาร์จแบต (เหมือนเครื่องปั่นไฟเคลื่อนที่)
ข้อเสีย:
- ระบบซับซ้อน
- ยังหารถประเภทนี้ในไทยได้น้อย (ปัจจุบันเริ่มถยอยเข้ามา เช่น Deepal S05 )
- ค่าอะไหล่เฉพาะทาง
5. EV / BEV (ไฟฟ้าล้วน)
เหมาะกับ: คนที่ขับทางไม่ไกลมาก (เช่น 30–150 กม./วัน) มีจุดชาร์จที่บ้านหรือที่ทำงาน ต้องการประหยัดค่าน้ำมัน ค่าใช้จ่ายดูแลระยะยาว และชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ
ข้อดี:
- ประหยัดมากที่สุด
- ซ่อมน้อย
- ไม่มีไอเสีย
- เร่งดี นุ่มเงียบ
ข้อเสีย:
- ต้องวางแผนชาร์จ
- เดินทางไกลบางเส้นทางยังต้องเช็คสถานี
- แบตเตอรี่ยังเป็นจุดกังวลในระยะยาว
สรุปแบบตารางเปรียบเทียบ 5 Powertrain
ผู้ใช้แบบไหน | แนะนำระบบขับเคลื่อน |
วิ่งทางไกล ไม่มีจุดชาร์จเลย | ICE |
เน้นใช้ในเมือง แต่ไม่อยากเสียบปลั๊ก | HEV |
ใช้ใกล้ๆ มีที่ชาร์จที่บ้าน เดินทางไกลบ้าง | PHEV |
อยากได้ไฟฟ้าล้วน แต่ยังไม่มั่นใจระยะทาง | REEV |
ชีวิตประจำวันวิ่งใกล้ ชอบวางแผน มีที่ชาร์จแน่นอน | EV |
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th