Grand Prix Online

Main Menu

  • HOME
  • AUTO NEWS
    • Bizz News
      • NEW COMER
      • MODEL/MINORCHANGE
      • WORLD MOVEMENT
      • Corporate News
    • Achive
      • Car
      • Motorcycle
    • Promotion
    • Motorsport
      • MOTORSPORT NEWS
      • RACE RESULT
  • Motorcycle
    • Round Up News
    • NEW MODEL
    • Bike Technic
  • SPECIAL SCOOP
    • TOKYO MOBILITY
    • Test drive
    • REPORT
    • Classic Car
    • Interview
    • Modified
    • Technology
    • Tip&Technic
    • Insurance Tips
    • Variety Scoop
    • BOY’S TOY
    • Video
  • ABOUT US
    • ADVERTISING
    • CONTACT US
    • PRIVACY POLICY
  • INVESTOR RELATIONS
  • Work with us

logo

Header Banner

Grand Prix Online

  • HOME
  • AUTO NEWS
    • Bizz News
      • NEW COMER
      • MODEL/MINORCHANGE
      • WORLD MOVEMENT
      • Corporate News
    • Achive
      • Car
      • Motorcycle
    • Promotion
    • Motorsport
      • MOTORSPORT NEWS
      • RACE RESULT
  • Motorcycle
    • Round Up News
    • NEW MODEL
    • Bike Technic
  • SPECIAL SCOOP
    • TOKYO MOBILITY
    • Test drive
    • REPORT
    • Classic Car
    • Interview
    • Modified
    • Technology
    • Tip&Technic
    • Insurance Tips
    • Variety Scoop
    • BOY’S TOY
    • Video
  • ABOUT US
    • ADVERTISING
    • CONTACT US
    • PRIVACY POLICY
  • INVESTOR RELATIONS
  • Work with us
Special ScoopTip&Technic
Home›Special Scoop›5 ปัญหาเบื้องต้นที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติด

5 ปัญหาเบื้องต้นที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติด

By จณิสตา จุลโพธิ์
December 3, 2020
20551
0
Share:

สำหรับเจ้าของรถแล้วคงไม่มีอะไรที่จะทำให้หงุดหงิดรวมกับกังวลใจได้เท่ากับการที่กำลังจะออกจากบ้านไปทำธุระแต่พบว่าสตาร์ทรถแล้วไม่ติด ซึ่งจะทำให้ทั้งเกิดความกังวลว่ามีความเสียหายอะไรกับรถแต่ขณะเดียวกันก็ต้องออกไปข้างนอก ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการที่รถสตาร์ทไม่ติดมักจะมีปัญหามาจาก 5 สาเหตุเบื้องต้น

1 แบตเตอรีเสื่อม

แบตเตอรีเสื่อมมักเป็นสาเหตุหลักอันดับแรกๆ ของรถที่สตาร์ทไม่ติด เนื่องจากแบตเตอรีรับหน้าที่ในการจ่ายไฟให้กับระบบต่างๆ ของรถรวมไปถึงไดสตาร์ตหรือมอเตอร์สตาร์ต และระบบจุดระเบิดของรถยนต์ด้วย ดังนั้นหากมีไฟไม่เพียงพอหรือไม่มีไฟจึงทำให้ไม่สามารถสตาร์ทรถได้ และโดยทั่วไปไฟของแบตเตอรีอาจลดลงหรือไม่มีไฟได้หากมีการลืมเปิดไฟรถทิ้งไว้นานๆ อย่างไรก็ตามวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นก็คือการพ่วงแบตเตอรีหรือจั๊มสตาร์ทจากแบตเตอรีรถคันอื่นเพื่อสตาร์ทรถ โดยหากพ่วงแบตเตอรีจากรถคันอื่นแล้วสตาร์ทรถติด ก็ควรแก้ไขปัญหาที่แบตเตอรี แต่หากสตาร์ทไม่ติดก็แสดงว่าปัญหามาจากจุดอื่น

2 ปัญหาที่สวิตช์กุญแจ

หากปัญหารถสตาร์ทไม่ติดไม่ได้อยู่ที่แบตเตอรี โดยไฟหน้าของรถยังเปิดได้ เลื่อนกระจกไฟฟ้าขึ้นลงได้ สำหรับรถยนต์ที่ยังคงใช้กุญแจบิดสตาร์ทเครื่องยนต์อยู่ปัญหาอาจอยู่ที่สวิตช์กุญแจของรถ หรือส่วนที่บิดกุญแจเพื่อสตาร์ทรถ โดยสัญญาณหนึ่งที่อาจแสดงว่ามีปัญหามาจากจุดนี้ก็คือบิดกุญแจสตาร์ทรถลำบาก ซึ่งหากมีปัญหาที่จุดนี้การแก้ไขคือการซ่อมแซมในส่วนของสวิตช์กุญแจ

3 ไดสตาร์ทเสีย

ไดสตาร์ทหรือมอเตอร์สตาร์ททำหน้าที่ในการสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยไฟฟ้าจากแบตเตอรี โดยการแปลงพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานกลเพื่อให้เครื่องยนต์ของรถสามารถทำงานได้ ซึ่งหลังจากสตาร์ทรถเสร็จไดสตาร์ทก็จะหมดหน้าที่ จึงทำให้เป็นส่วนที่ใช้งานไม่มากและมีอายุการใช้งานยาวนาน แต่ก็สามารถเกิดความเสียหายได้ ซึ่งความเสียหายอาจเกิดขึ้นในส่วนของเซอร์กิต รีเลย์ หรือสายภายในที่สึกหรอ สำหรับอาการที่บ่งบอกว่าไดสตาร์ทเสียมีทั้งบิดกุญแจสตาร์ทแล้วเงียบไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรืออาจสตาร์ทติดแต่มีเสียงครืดคราดผิดปกติ

หากคิดว่าการสตาร์ทรถไม่ติดมาจากปัญหาที่ไดสตาร์ทวิธีแก้ไขเบื้อต้นคือลองสตาร์ทรถเร็วๆ โดยการบิดกุญแจรวดเดียว หรือใช้ไม้เคาะเบาๆ ที่ตัวไดสตาร์ทแล้วสตาร์ทรถ ซึ่งแม้จะสตาร์ทรถได้หลังจากทำวิธีใดวิธีหนึ่งแล้วก็ควรนำรถไปตรวจสอบดู

4 กรองน้ำมันเชื้อเพลิงตัน

กรองน้ำมันเชื้อเพลิงมีหน้าที่ในการกรอง ดักจับสิ่งสกปรกต่างๆ อย่างฝุ่นผง เศษโลหะ หรือคาร์บอนที่มากับน้ำมันเพื่อไม่ให้สร้างความเสียหายต่อเครื่องยนต์ โดยมีลักษณะใช้กระดาษพับเป็นครีบอยู่ภายในกระบอกโลหะหรือพลาสติก จึงทำให้เมื่อใช้ไปนานๆ แล้วมีความสกปรกจนถึงขั้นอุดตันได้ และจริงๆ แล้วก็มีคำแนะนำให้เปลี่ยนกรองน้ำมันเชื้อเพลิงทุก 40,000 ถึง 80,000 กิโลเมตร ซึ่งด้วยระยะการใช้งานที่ยาวนานจึงทำให้เจ้าของรถอาจลืมใส่ใจในส่วนนี้ ส่งผลให้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงสกปรกจนอุดตันทำให้น้ำมันไม่สามารถไปสู่เครื่องยนต์ได้ วิธีแก้ปัญหาจึงทำโดยการเปลี่ยนกรองน้ำมันเชื้อเพลิง

5 มีน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ในระดับต่ำมาก

เมื่อน้ำมันในถังของรถอยู่ในระดับที่ต่ำมากหรือมีปริมาณที่น้อยมาก แม้ว่าจะยังคงพอใช้สำหรับขับรถต่อไปได้ระยะทางหนึ่งสัก 2-3 กิโลเมตร แต่หากดับเครื่องยนต์ขึ้นมาก็อาจพบว่าสตาร์ทรถไม่ได้ ดังนั้นเมื่อมีสัญลักษณ์รูปที่เติมน้ำมันขึ้นเตือนซึ่งแสดงว่าน้ำมันในรถเหลืออยู่น้อยแล้ว ก็ควรแวะสถานีบริการน้ำมันเพื่อเติมน้ำมันเมื่อเป็นไปได้ ไม่ปล่อยให้เหลือน้ำมันอยู่ในถังน้อยมากๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องพบกับปัญหาสตาร์ทรถไม่ติดเมื่อจอดแล้วดับเครื่องยนต์ รวมไปถึงเสี่ยงต่อการทำให้เกิดความเสียหายต่อปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งจะสึกหรอเร็วขึ้นเมื่อมีน้ำมันในถังน้อย

 

เรื่อง: กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th

Tagsknowlege - Lifestyleกรองน้ำมันเครื่องความรู้ทั่วไป ยานยนต์ดูแลรถยนต์น้ำมันเชื้อเพลิงแบตเตอรี่เสื่อมไดสตาร์ท
0
Shares
  • 0
  • +
  • 0
  • 0

บทความแนะนำที่น่าสนใจ

บทความ รีวิว รถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านสมรรถนะ ที่น่าสนใจ
บทความ รถออกใหม่ ที่น่าสนใจ
บทความ รถครอบครัว ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านราคารถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านดีไซน์รถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านการซื้อรถ ที่น่าสนใจ
บทความเรื่องรถที่น่าสนใจ

About

logo_grandprix_online2016full

Grandprix Online กรังด์ปรีซ์ออนไลน์ ผู้นำข่าวสารยานยนต์

Thailand Automotive news leader and auto show. Our mission is the leading source of news about the global automotive industry.

Recent Posts

  • Voyah Free+ รถเอสยูวีรุ่นใหม่อัดมาด้วยเทคโนโลยีจาก Huawei
  • MG4 รุ่นใหม่เผยโฉมพร้อมดีไซน์ใหม่ ขนาดใหญ่ขึ้น และความร่วมมือกับ Oppo
  • Leapmotor B01 รถซีดานไฟฟ้าเริ่มทำตลาดที่จีนด้วยสองระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า
  • KLX230 ใหม่ เอาใจสายลุย พร้อมปรับราคาใหม่สุดเร้าใจ
  • ฮีโน่และกรมการขนส่งทางบก ผนึกกำลังสานต่อ “โครงการสร้างนักขับมืออาชีพ ปีที่ 3” ยกระดับมาตรฐานการขนส่งไทย

Advertising

สนใจลงโฆษณา
ติดต่อ : 02-522-1731-8

  • Facebook
  • Youtube
  • Instagram