Grand Prix Online

Main Menu

  • HOME
  • AUTO NEWS
    • Bizz News
      • NEW COMER
      • MODEL/MINORCHANGE
      • WORLD MOVEMENT
      • Corporate News
    • Achive
      • Car
      • Motorcycle
    • Promotion
    • Motorsport
      • MOTORSPORT NEWS
      • RACE RESULT
  • Motorcycle
    • Round Up News
    • NEW MODEL
    • Bike Technic
  • SPECIAL SCOOP
    • TOKYO MOBILITY
    • Test drive
    • REPORT
    • Classic Car
    • Interview
    • Modified
    • Technology
    • Tip&Technic
    • Insurance Tips
    • Variety Scoop
    • BOY’S TOY
    • Video
  • ABOUT US
    • ADVERTISING
    • CONTACT US
    • PRIVACY POLICY
  • INVESTOR RELATIONS
  • Work with us

logo

Header Banner

Grand Prix Online

  • HOME
  • AUTO NEWS
    • Bizz News
      • NEW COMER
      • MODEL/MINORCHANGE
      • WORLD MOVEMENT
      • Corporate News
    • Achive
      • Car
      • Motorcycle
    • Promotion
    • Motorsport
      • MOTORSPORT NEWS
      • RACE RESULT
  • Motorcycle
    • Round Up News
    • NEW MODEL
    • Bike Technic
  • SPECIAL SCOOP
    • TOKYO MOBILITY
    • Test drive
    • REPORT
    • Classic Car
    • Interview
    • Modified
    • Technology
    • Tip&Technic
    • Insurance Tips
    • Variety Scoop
    • BOY’S TOY
    • Video
  • ABOUT US
    • ADVERTISING
    • CONTACT US
    • PRIVACY POLICY
  • INVESTOR RELATIONS
  • Work with us
Report
Home›Special Scoop›Report›ไฟตัดหมอก ควรมีลักษณะใด ใช้เมื่อใด

ไฟตัดหมอก ควรมีลักษณะใด ใช้เมื่อใด

By นันทพงศ์ ภักดีบุตร
July 30, 2020
3390
0
Share:

หนึ่งในอุปกรณเกี่ยวกับแสงสว่างที่ผู้ผลิตรถยนต์มักมีมาให้ในเกรดสูงของรถยนต์คือ ไฟตัดหมอก หรือบางทีหากรถที่ซื้อไม่มีไฟตัดหมอกมาให้ผู้ซื้อรถก็อาจจะไปติดเพิ่มเองทั้งเพื่อประโยชน์ใช้งานในด้านความสว่างเมื่อเดินทางหรือติดเพื่อความสวยงามเพื่อให้บริเวณกันชนหน้าบริเวณสำหรับติดไฟตัดหมอกไม่เป็นแค่วัตถุสีดำติดไว้ รวมทั้งยังดูคล้ายกับเกรดสูงของรถด้วย อย่าไรก็ตามผู้ขับรถหลายคนทั้งที่มีไฟตัดหมอกติดมาให้ตั้งแต่ออกจากโชว์รูมหรือติดเพิ่มเองเพื่อความสวยงามอาจแทบไม่เคยใช้ไฟตัดหมอกเลยเพราะไม่รู้ว่าจะใช้ตอนไหนเนื่องจากไม่เคยเจอกับหมอกหนาจนต้องใช้ หรือบางคนก็อาจใช้โดยผิดวัตถุประสงค์ ดังนั้นลองมาทำความรู้จักกับไฟตัดหมอกว่าตามกฎหมายแล้วจริงๆ ควรมีลักษณะอย่างไร และควรใช้เมื่อไรนอกจากตอนที่มีหมอกหนาบนถนน

 

ลักษณะของไฟตัดหมอก

ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 15 (พ.ศ. 2536) ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ได้ระบุเกี่ยวกับไฟตัดหมอกเอาไว้ว่า “รถคันใดจะมีโคมไฟหน้ารถเพื่อใช้ตัดหมอกก็ได้ โดยติดหน้ารถข้างละหนึ่งดวงอยู่ในระดับเดียวกัน ใช้ไฟแสงขาวหรือแสงเหลืองมีกำลังไฟเท่ากัน ไม่เกินดวงละ 55 วัตต์ สูงจากพื้นทางราบไม่เกินกว่าระดับโคมไฟแสงพุ่งไกล (ไฟสูง) และโคมไฟแสงพุ่งต่ำ (ไฟต่ำ) ศูนย์รวมแสงต้องอยู่ต่ำกว่าแนวขนานกับพื้นทางราบไม่น้อยกว่า 2 องศา หรือ 0.20 เมตร ในระยะ 7.50 เมตรและไม่เฉไปทางขวา”

 

ตอนไหนที่ควรใช้ไฟตัดหมอก

1 หมอกหนา

แน่นอนว่านี่คือหน้าที่โดยตรงของไฟตัดหมอกเพราะอุปกรณ์ให้ความสว่างของรถนี้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้รวมทั้งชื่อไฟตัดหมอกยังบอกอย่างชัดเจน ซึ่งการใช้ไฟตัดหมอกในสถานการณ์ที่มีหมอกหนานั้นไม่ได้มีเฉพาะในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น แต่ในบางประเทศยังรวมไปถึงเมื่อขับรถขึ้นภูเขาหรือพื้นที่มีความสูงซึ่งมักมีหมอกหนาตอนเช้าหรือตอนกลางคืนจนทำให้มีทัศนวิสัยไม่ดีด้วย

2 ฝนตก

อีกสถานการณ์ที่ไฟตัดหมอกมีประโยชน์และอาจใช้ได้บ่อยกว่าในบ้านเราก็คือ เมื่อมีฝนตกหนักจนทำให้มองเห็นทางข้างหน้าได้ลำบากไม่ต่างกับมีหมอกหนา เพราะคุณสมบัติในการกระจายแสงของไฟตัดหมอกจะช่วยให้เป็นที่สังเกตเห็นได้ง่ายขึ้นจากรถที่สวนทางมา รวมทั้งเป็นการเพิ่มทัศนวิสัยการมองของตนเองไปด้วย

3 ขับฝ่ากลุ่มควัน

อีกสถานการณ์ที่อาจพบได้บ่อยในบ้านเรา โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนคือกลุ่มควันหนาจากการเผาหญ้าข้างทางหรือจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม จนอาจทำให้ผู้ขับรถต้องผ่านช่วงที่มีควันหนาจนมองเห็นทางข้างหน้าได้ในระยะไม่เกิน 50 เมตร ซึ่งในสถานการ์นี้ผู้ขับรถก็ควรใช้และสามารถใช้ไฟตัดหมอกได้โดยไม่ผิดกฎหมาย

4 หลังฝนหยุดตกตอนกลางคืน

หากสงสัยว่าทำไมจึงควรใช้ไฟตัดหมอกหลังฝนหยุดตกตอนกลางคืน เหตุผลก็คือเมื่อฝนหยุดตกแล้วถนนยังคงเปียกชื้น ทำให้แม้เปิดไฟสูงผู้ขับก็อาจพบว่าไม่ค่อยสว่างนัก การใช้ไฟตัดหมอกเพิ่มความเข้มของแสงจึงเป็นวิธีที่ช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ รวมทั้งยังช่วยลดการสะท้อนของน้ำที่อยู่บนผิวถนนไปด้วย ช่วยให้มองเห็นเส้นทางจราจรต่างๆ และป้ายบอกทางได้ชัดเจน

 

ใช้ไฟตัดหมอกพร่ำเพรื่อ ผิดรูปแบบจากที่กฎหมายกำหนดถูกปรับได้

จาก พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติม ปี พ.ศ. 2536 ที่ระบุการใช้ไฟตัดหมอกไว้ว่า สามารถใช้ได้ต่อเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่มีหมอก ควัน หรือฝุ่นละอองจนเป็นอุปสรรคอันอาจทำให้เกิดอันตรายขณะขับรถและต้องไม่มีรถอยู่ด้านหน้าหรือสวนมาในระยะแสงไฟ 150 เมตร รวมไปถึงการมีข้อกำหนดเกี่ยวกับทั้งลักษณะของแสงไฟ และตำแหน่งการติดตั้งไฟตัดหมอกที่รถ ทำให้หากมีการใช้ไฟตัดหมอกพ่ำเพรื่อไม่เป็นตามเงื่อนไขที่กำหนด รวมทั้งลักษณะของไฟตัดหมอกไม่เป็นไปตามประเภทและลักษณะที่กำหนด จะทำให้มีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท ดังนั้นแม้มีหลายสถานการณ์ที่ควรใช้ไฟตัดหมอก แต่ก็ควรใช้อย่างเหมาะสมด้วย และที่สำคัญคือไม่ควรใช้แทนไฟหน้า

 

 

เรื่อง: กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th

TagsLaw - Knowledgeไฟตัดหมอก
0
Shares
  • 0
  • +
  • 0
  • 0

บทความแนะนำที่น่าสนใจ

บทความ รีวิว รถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านสมรรถนะ ที่น่าสนใจ
บทความ รถออกใหม่ ที่น่าสนใจ
บทความ รถครอบครัว ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านราคารถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านดีไซน์รถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านการซื้อรถ ที่น่าสนใจ
บทความเรื่องรถที่น่าสนใจ

About

logo_grandprix_online2016full

Grandprix Online กรังด์ปรีซ์ออนไลน์ ผู้นำข่าวสารยานยนต์

Thailand Automotive news leader and auto show. Our mission is the leading source of news about the global automotive industry.

Recent Posts

  • เรเว่ สานต่อสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลัก BYD SEA V League 2025 ลีกตบลูกยางอาเซียน
  • Nissan Qashqai อัปเดตใช้ขุมพลัง e-Power เจเนเรชันที่สาม
  • Porsche ร่วมมือกับ Ferragamo ทำรถรุ่นพิเศษฉลอง 40 ปีในอิตาลี
  • BMW 540i xDrive Legacy Edition รุ่นเครื่องยนต์ 6 สูบไม่เสียบปลั๊กสำหรับแคนาดา
  • Toyota Land Cruiser Commercial เปลี่ยนจากรถเอสยูวีเป็นรถเพื่อการพาณิชย์

Advertising

สนใจลงโฆษณา
ติดต่อ : 02-522-1731-8

  • Facebook
  • Youtube
  • Instagram