แนะนำ วี โก้ แชมป์ 2013 รถกระบะสุดแกร่งพร้อมลุยในทุกเส้นทาง
วี โก้ แชมป์ 2013 รถกระบะทรงประสิทธิภาพที่ได้รับการออกแบบให้สามารถขับขี่ได้ในทุกท้องถนนในประเทศไทย ที่เปิดตัวไปในปี 2013 ที่ทำออกมาได้ตอบโจทย์การใช้งานกระบะได้อย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งการดีไซน์ภายนอกและภายในที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญ ที่ทำให้ผู้ขับขี่สามารถมั่นใจได้ในทุก ๆ เส้นทาง และสิ่งสำคัญที่สุดคือเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ทาง TOYOTA เน้นย้ำมาโดยตลอด เสริมให้ตัวรถมีประสิทธิภาพการใช้งานเป็นไปได้อย่างทรงพลังมากขึ้นสำหรับใครที่กำลังพิจารณาที่จะซื้อรถมือสอง ซึ่งในบทความนี้จะแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักกัน
วี โก้ แชมป์ 2013 รถกระบะสุดแกร่งพร้อมลุยในทุกเส้นทาง
สำหรับปี 2013 เป็นปีที่ TOYOTA เน้นผลิตรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูง เหมาะกับผู้ใช้งานที่ต้องการพละกำลังของเครื่องยนต์สูง ๆ ดีไซน์ล้ำ ๆ พ่วงมาด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน ทำให้ยอดขายในปีนั้น เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่เปิดตัวไปจนถึงสิ้นสุดปี 2014 เลยทีเดียวแน่นอนว่าความสำเร็จของการเปิดตัวในครั้งนี้ต้องมีสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้งานทั้งหลายเชื่อมั่นและไว้ใจในตัวรถคันนี้ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
เครื่องยนต์ทรงพลัง ที่พร้อมลุยในทุกเส้นทาง
ในรุ่นนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.5 ซีซี. รหัส 2KD-FTV (VNT) แบบ 4 สูบ VN เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ที่ขนาด 144 แรงม้า ที่ความเร็วรอบ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 343 นิวตันเมตร ที่ความเร็ว 1,600 – 2,800 รอบต่อนาที ซึ่งถือได้ว่าเป็นรถยนต์ประสิทธิภาพสูงที่มอบความเร้าใจให้แก่ผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี มั่นใจได้ว่ารถจะสามารถขับไปได้ทุกเส้นอย่างไร้กังวล
การออกแบบดีไซน์ภายนอก
สำหรับการออกแบบดีไซน์ทำออกมาได้ดูเท่ล้ำสมัยตรงรถที่ดูมีความมั่นคง แข็งแกร่งพร้อมลุยในทุกสภาพถนน ดีไซน์กระจังหน้าเป็นทรงสี่เหลี่ยมคางหมูที่ติดตั้งโลโก้ Toyota ที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน พร้อมช่องระบายอากาศที่กว้างสามารถระบายอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยไฟหน้า Halogen ส่องสว่างได้ในทุกเส้นทาง ทำให้ดูโฉบเฉี่ยวและมีมิติมากขึ้น มาพร้อมกับไฟท้ายขนาบข้างที่เด่นเห็นทุกมุมมอง สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ Vigo Champ ยังเสริมไฟตัดหมอกบริเวณกระจังหน้า 2 ดวง สามารถเสริมให้การขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และล้ออัลลอย ขอบ 16 หุ้มยางขนาดใหญ่ 265/70/16 เสริมให้ตัวรถดูบึกบึนและแข็งแกร่งมากขึ้น กล้องหลังบริเวณฝาท้าย ที่จะแสดงภาพการถอยหลังบนหน้าจอภายในตัวรถ ปิดมุมอับของการขับขี่ได้เป็นอย่างดี
การออกแบบดีไซน์ภายใน
สำหรับการดีไซน์รูปลักษณ์ภายในของ Toyota Hilux Revo ถือว่าทำออกมากได้ดูทันสมัยเช่นกัน โดยคอนโซลหน้าเป็นสีดำสนิทตัดกับเส้นสีบลอนซ์เงิน ทำให้รถดูมีลูกเล่นเยอะมากขึ้น หน้าจอ LED ขนาดใหญ่ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน พร้อมด้วยระบบความบันเทิงและระบบการขับขี่ที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบนำทาง GPS ที่สามารถทำงานร่วมกันกับ Toyota smart G-book ช่วยเหลือในส่วนของการเลือกเส้นทางการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น สามารถเลือกเส้นทางที่มีการจราจรไม่ติดขัด ที่สามารถส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ให้คุณสามารถถึงจุดหมายได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง
ซึ่งในรุ่นนี้ได้มีการพัฒนาให้การทำงานมีประสิทธิภาพกว่ารุ่นก่อน ๆ โดย Toyota Tsusho Electronics (Thailand) Co., Ltd. ได้ระบุว่าระบบนำทางดังกล่าวได้ถูกติดตั้งไว้รถกลุ่มรถโดยสารสาธารณะ หรือรถแท็กซี่ที่ขับขี่อยู่บนท้องถนนในกรุงเทพมหานครกว่า 9,000 คัน สามารถมั่นใจได้ว่าประสิทธิภาพของระบบนำทางนี้จะสามารถนำทางได้อย่างดีเยี่ยมในทุกเส้นทางนั่นเอง เสริมด้วยระบบ Audio ที่รองรับ Micro SD Card และยังมาพร้อมกับระบบความบันเทิง Dolby Audio สามารถปรับโหมดเสียงได้อย่างทรงพลัง และมีประสิทธิภาพ หน้าปัดเรือนไมล์แบบอนาล็อกที่แสดงผลการขับขี่ได้อย่างครบครัน พวงมาลัยแบบ Multi-Function สามารถควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ที่พวงมาลัยได้อย่างสะดวกสบาย
ราคาค่าตัวของ Toyota Vigo Champ
สำหรับราคาของ Toyota วี โก้ แชมป์ 2013 มีราคาเปิดตัวทั้งหมด 5 รุ่นให้เลือกด้วยกัน ได้แก่
- Toyota Vigo Champ รุ่น Smart Cab Prerunner 2.5 E ABS มีราคาขายอยู่ที่ 779,000 บาท
- Toyota Vigo Champ รุ่น Smart Cab Prerunner 2.5 G Navi มีราคาขายอยู่ที่ 819,000 บาท
- Toyota Vigo Champ รุ่น Smart Cab TRD Sportivo 2WD มีราคาขายอยู่ที่ 689,000 บาท
- Toyota Vigo Champ รุ่น Smart Cab TRD Sportivo มีราคาขายอยู่ที่ 765,000 บาท
- Toyota Vigo Champ รุ่น Double Cab TRD Sportivo Prerunner มีราคาขายอยู่ที่ 905,000 บาท
สำหรับ Toyota วี โก้ แชมป์ 2013 เป็นรถทรงประสิทธิภาพมากรุ่นหนึ่งที่ทางโตโยต้าพยายามสร้างสรรค์ และออกแบบมาให้พร้อมรับกับความต้องการของผู้ใช้งานได้ในสภาพถนนในปัจจุบัน สำหรับใครที่ต้องการซื้อหรือจับจองเป็นเจ้าของในเวลานี้ คงต้องมองหารถมือสองที่มีสภาพดี และยังทรงประสิทธิภาพ สาเหตุที่จำเป็นจะต้องเลือกรถที่มีสภาพดีก็เพราะตัวรถมีอายุการใช้งานมาแล้วอย่างน้อย 8 ปีนับตั้งแต่ปี 2013 จนถึงปี 2021 ซึ่งถือว่าเป็นรถที่ต้องอาศัยการบำรุงรักษามากยิ่งขึ้น มีส่วนที่สึกกร่อนจากการใช้งาน และยังต้องเตรียมพร้อมกับอุปกรณ์ที่เสื่อมสภาพภายในเครื่องยนต์อีกด้วย เพราะฉะนั้นแล้วผู้ที่สนใจควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจเลือกซื้อรถรุ่นนี้มาเป็นอย่างดีนั่นเอง
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th