Grand Prix Online

Main Menu

  • HOME
  • AUTO NEWS
    • Bizz News
      • NEW COMER
      • MODEL/MINORCHANGE
      • WORLD MOVEMENT
      • Corporate News
    • Achive
      • Car
      • Motorcycle
    • Promotion
    • Motorsport
      • MOTORSPORT NEWS
      • RACE RESULT
  • Motorcycle
    • Round Up News
    • NEW MODEL
    • Bike Technic
  • SPECIAL SCOOP
    • TOKYO MOBILITY
    • Test drive
    • REPORT
    • Classic Car
    • Interview
    • Modified
    • Technology
    • Tip&Technic
    • Insurance Tips
    • Variety Scoop
    • BOY’S TOY
    • Video
  • ABOUT US
    • ADVERTISING
    • CONTACT US
    • PRIVACY POLICY
  • INVESTOR RELATIONS
  • Work with us

logo

Header Banner

Grand Prix Online

  • HOME
  • AUTO NEWS
    • Bizz News
      • NEW COMER
      • MODEL/MINORCHANGE
      • WORLD MOVEMENT
      • Corporate News
    • Achive
      • Car
      • Motorcycle
    • Promotion
    • Motorsport
      • MOTORSPORT NEWS
      • RACE RESULT
  • Motorcycle
    • Round Up News
    • NEW MODEL
    • Bike Technic
  • SPECIAL SCOOP
    • TOKYO MOBILITY
    • Test drive
    • REPORT
    • Classic Car
    • Interview
    • Modified
    • Technology
    • Tip&Technic
    • Insurance Tips
    • Variety Scoop
    • BOY’S TOY
    • Video
  • ABOUT US
    • ADVERTISING
    • CONTACT US
    • PRIVACY POLICY
  • INVESTOR RELATIONS
  • Work with us
Report
Home›Special Scoop›Report›เรียนรู้และอยู่ให้เป็นกับ “ฝุ่นละออง PM2.5”

เรียนรู้และอยู่ให้เป็นกับ “ฝุ่นละออง PM2.5”

By พุทธิ ผาสุข
January 15, 2019
2653
0
Share:

ตอนนี้ที่กรุงเทพมหานคร…เวลาขับรถในช่วงเช้ามืดจะเห็นบรรยากาศที่แสนโรแมนติก แสงไฟริมทางสีเหลืองนวล หมอกจางๆ ที่ลอยนิ่ง เห็นแล้วเหมือนอยู่ในความฝัน ไม่ก็อยู่บนถนนในเส้นทางสู่ยอดเขาสูง…แต่ที่ไหนได้ หมอกจางๆ และควันที่เห็น เปรียบเสมือนยมฑูตที่จ้องจะคร่าวิญญาณ!! นี่คือกรุงเทพในวันนี้

ฝุ่นละอองที่ลอยฟุ้งอยู่ทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ดูสวย..แต่นี่คือมลพิษ!

ช่วงนี้ผู้คนจะตื่นตัวกันมากขึ้นกับข่าวรายงานสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 กันอยู่ทุกวันในเขตกรุงเทพและปริมณฑล เพราะด้วยค่าฝุ่นละอองที่เกินมาตรฐานนี้ มีผลกระทบต่อสุขภาพของเราๆ ท่านๆ แบบคาดไม่ถึง ถ้าจะพูดว่าโรคภัยกำลังมายืนรออยู่ที่หน้าประตูบ้านก็ไม่ผิดอะไร แต่ก่อนที่จะตื่นตระหนกตกใจไปมากกว่านี้ มองในอีกด้านหนึ่ง มันเป็นสถานการณ์ที่จะช่วยสอนให้มนุษย์เห็นความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และในมุมของสังคม ยังเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ และแก้ไขกับปัญหาอย่างถูกต้อง

ในเวลานี้เพลงที่น่าจะเปิดฟังตอนขับรถมีอยู่ 2 เพลง “หมอกจางๆ และควัน คล้ายกันจนบางทีไม่อาจรู้ ก็อยากจะถามดู..ว่าเธอเป็นดั่งหมอกรึควัน” (หน้าของพี่เบิร์ดในวัย 60 แต่หน้าตายังกะวัยรุ่น 25 ลอยขึ้นมาทันที) หรือไม่ก็ฟังเสียงทรงพลังของ กมลา สุโกศล กับเพลงนี้ “อยู่เพื่อเรียนรู้ อยู่เพื่อยอมรับมัน ตามความคิดสติเราให้ทัน อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด” อยากให้ฟังแล้วคิด ตรึกตรองให้ดีว่า “ปัญหาเกิดขึ้นเพราะสาเหตุอะไร” แล้วเราจะอยู่กับมันได้ รวมทั้งแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้ด้วยสติปัญญา

ปัญหาของ ฝุ่นละออง PM2.5 ดูเป็นปัญหาใหญ่ของเมืองหลวงหลายแห่ง แต่นี่จะเป็นครั้งแรกที่คนเมืองหลวงอย่างกรุงเทพจะได้พบกับมันแบบใกล้ชิด! ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ ฝุ่นละออง PM2.5 กันก่อน

ฝุ่นละออง PM2.5 จะเรียกว่าฝุ่นละอองดูจะใหญ่ไป ต้องบอกว่ามันเป็นอนุภาคขนาดเล็กที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยที่น้อยกว่า 2.5 ไมโครเมตร หรือ ไมครอน เป็นหน่วยวัดความยาวที่มีค่าเท่ากับ 1 ใน 1,000,000 เมตร เขียนแบบนี้คงจะงง..เอาเป็นว่าหากเทียบกับขนาดเส้นผมของสาวสวยผมยาว ขาวหมวย สวยอึ๋มคนหนึ่ง เส้นผมจะมีขนาดความกว้างประมาณ 100 ไมครอน และเม็ดเลือดแดงมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 ไมโครอน ถามว่าสายตามนุษย์สามารถมองเห็นเม็ดเลือดแดงได้หรือไม่ (แต่เห็นแน่ถ้ามองผ่านกล้องจุลทรรศน์) ทีนี้เจ้าอนุภาคขนาด 2.5 ไมครอน มันจะเล็กขนาดไหนเอาเป็นว่า มันเล็กกว่าปลายเหล็กในของผึ้ง มองด้วยตาไม่เห็น สามารถลาลาลอยอยู่ในอากาศและพริ้วปลิวผ่านขนจมูกเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ สู่ปอดไปยังกระแสเลือด และแทรกซึมสู่กระบวนการทำงานของอวัยวะต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย เหมือนม้าโทรจันบุกเข้าเมืองทรอยได้แบบเนียนๆ เลยทีเดียว ฟังดูแล้วน่ากลัวจริงๆ ซึ่งจะทำให้เราเกิดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ กลายเป็นโรคเรื้อรัง หรืออาจจะกลายเป็นมะเร็งได้อีกด้วย (ถ้าไม่อยากให้ฟังดูน่ากลัว เรียกเจ้า PM2.5 ว่าเจ้าตัวเล็กก็ได้จะได้ฟังดูน่ารักดี)

โดยเจ้าตัวเล็กนี่ล่ะ เวลาที่ลาลาลอย ล่องลอยอยู่ในอากาศ จะไปแขวนลอยอยู่กับไอน้ำ ควัน และก๊าซต่างๆ แล้วยังใจดีนำพาสารต่างๆ ไปด้วยกัน หากรวมตัวกันได้ในปริมาณที่มาก ก็จะมองดูเหมือนหมอกและควันจางๆ นั่นเอง แต่เป็นหมอกพิษที่จ้องทำลายสุขภาพของมนุษย์และสิ่งมีชีวิต ซึ่งองค์การอนามัยโลก หรือ WHO พยายามรณรงค์ให้ความรู้และเตือนภัยมาอย่างต่อเนื่อง และวันนี้เจ้าตัวเล็กมันมาถึงกรุงเทพและปริมณฑลแล้วซะด้วย..อธิบายมายาว น่าจะพอเข้าใจกันแล้วนะครับ

หมอกขาวๆ อย่างนี้ เป็นหมอกธรรมชาติไม่มีอันตราย มีแต่อากาศบริสุทธิ์

ทีนี้มันส่งผลกระทบอะไรกับสุขภาพของเราบ้าง ในฐานะที่ Grandprix Online เป็นสื่อที่ทำงานด้านยานยนต์และมีความรู้จักกับค่าไอเสียจากการเผาไหม้ผ่านเครื่องยนต์มาเป็นอย่างดี พูดเลยว่าแค่เราสูดดมไอเสียเพียงแค่เสี้ยววินาทียังมีอาการคลื่นเหียนอาเจียนมึนงงกันไปพักใหญ่ นั่นเป็นเพราะว่า เมื่อเจ้าตัวเล็กถูกสูดผ่านเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ จะวิ่งถลาลึกไปถึงถุงลมที่เป็นส่วนปลายสุดของปอด! ทำให้หลอดลมฝอยและถุงลมถูกเจ้าตัวเล็กทะลุทะลวงไปถึงเส้นเลือดฝอยเข้าสู่กระแสเลือด และกระจายแบบซึมซับไปทั่วร่างกาย เกิดเป็นโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง, โรคภูมิแพ้ (กรุงเทพ), โรคหืด, โรคถุงลมโป่งพอง (แบบที่ไม่ต้องสูบบุหรี่) ส่วนใครที่เป็นโรคระบบหัวใจและหลอดเลือดอยู่แล้วจะยิ่งอันตราย เพราะอาจถูกกระตุ้นให้เกิดอาการกำเริบได้ แล้วยิ่งปล่อยให้เจ้าตัวเล็กวิ่งเล่นอยู่ในใจเรานานเกินไป จะทำให้ปอดทำงานผิดปกติกลายเป็นมะเร็งปอดได้อีกต่างหาก…พิษภัยร้ายแรงแบบดื้อเงียบแบบนี้น่าตีจริงๆ

ส่วนแบบนี้ดูหม่นๆ หมองๆ อันตรายใกล้ตัวจริงๆ

แล้วเจ้าตัวเล็ก PM2.5 มาจากไหน..มาจากฝุ่นในการก่อสร้างหรือเปล่า คำตอบคือ เกิดจากแหล่งกำเนิดทางตรง เช่น การเผาไหม้ในพื้นที่โล่ง อย่างการเผาป่า เผาหญ้า เผาไม้ เผาไล่ที และอีกสารพัดเผา และเกิดจากยานพาหนะ การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงทั้งดีเซลและแก๊สโซฮอล์ ที่เป็นแหล่งกำเนิดของซัลเฟอร์ไดออกไซด์และออกไซด์ของไนโตรเจนที่มีผลเสียต่อสิ่งมีชีวิตทั้งมวล รวมทั้งที่เกิดจากภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการผลิตไฟฟ้า ผ่านพวกสารเคมีต่างๆ แต่ที่มีปริมาณเยอะที่สุดจะอยู่ในกลุ่มเผาในที่โล่งและมาจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงนี่ล่ะ และจะสังเกตว่าเมื่อสภาพอากาศหนาวเย็น มีความชื้นในบรรยากาศมากกว่าปกติ เจ้าตัวเล็กจะรวมทีม Baby PM2.5 Avenger กลายเป็นฝุ่นละอองสะสมที่แพร่กระจายไปในอากาศมากขึ้นนั่นเอง ส่วนฝุ่นจากการก่อสร้างจะอยู่ที่ PM10

แล้วเราจะป้องกันตัวเองและจะใช้ชีวิตยังไง?

เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ มีอธรรมย่อมมีธรรมะ…มีฝุ่นในอากาศก็ต้องใส่หน้ากากกันฝุ่น ในเมื่อเจ้าตัวเล็ก PM2.5 มีขนาดเล็กที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น หน้ากากอนามัยทั่วไปกรองเจ้าตัวเล็กไมได้ เพราะป้องกันฝุ่นละอองขนาด 3 ไมครอน ได้ถึง 99% แต่ป้องกัน PM2.5 ไม่ได้เลย ฉะนั้น จึงต้องใช้หน้ากากอนามัยมาตรฐาน N95 (และไม่เกี่ยวข้องอะไรกับดาวอุลตร้าแมน M78) เพราะสามารถป้องกันฝุ่นละอองขนาด 0.3 ไมครอนได้ 95% เท่ากับว่าป้องกันเจ้าตัวเล็ก PM2.5 มาวิ่งปั่นป่วนในหัวใจได้

หน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกันอนุภาคขนาดเล็ก PM2.5 ได้

แต่แบบนี้ใช้ได้ทั้งการป้องกันสารเคมี กลิ่นแก็ส สี และฝุ่นควัน เหมาะกับงานอุตสาหกรรมหรือใครจะใส่แบบนี้ก็ตามสะดวก

ภายในกรองอากาศนอกจากจะมีแผ่นกรองแล้วยังบรรจุแท่งคาร์บอนเอาไว้อีกชั้น 

ตอนนี้ถ้าจะหาซื้อหน้ากากมาใส่ป้องกันต้องเป็นแบบ N95 เท่านั้น และใส่เมื่อจำเป็นต้องออกไปนอกบ้านหรือที่ทำงาน ไปยังสถานที่โล่งแจ้ง อาจจะดูแปลกตา แปลกประหลาดไปบ้าง แต่เพื่อสุขภาพของเรา ทำเถอะครับอย่าไปอาย ต่อไปอาจจะเป็นเทรนด์แฟชั่นแนวใหม่ก็ได้ กลายเป็น N95 Street Fashion อะไรอย่างนี้

ในวันที่ประเทศไทย กรุงเทพและปริมณฑล และจังหวัดอื่นๆ ทั่วไทยเริ่มตื่นตัวกับค่าฝุ่นละออง PM2.5 องค์การอนามัยโลกขยับไปเฝ้าระวังเรื่องเล็กที่ใหญ่กว่าเดิม นั่นคือฝุ่นระดับนาโนกันแล้ว (ENP:Environmental Nano-Pollutants) เพื่อหาวิธีรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะจากมลพิษที่เกิดขึ้นทั่วโลก กำลังรวมตัวกันเกาะกลุ่มบนชั้นโอโซน และแน่นอนว่ามันกำลังมองหาวิธีเล่นงานมนุษย์อยู่นั่นเอง

หมอกควันจากฝุ่นละอองมีพิษเหล่านี้ คงไม่เหมาะแน่หากจะวิ่งออกกำลังกายในสวนสาธารณะหรือตามที่โล่งแจ้ง

ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องนึกถึงเรื่องของสิ่งแวดล้อมกันอย่างจริงจัง ถ้ายังอาศัยภาครัฐไม่ทันใจ สิ่งที่ทำได้คือ พยายามทำลายสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด (คงไม่ต้องอธิบายต่อว่าไม่ควรทำอะไรบ้าง) แต่สำหรับในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไม่ได้นิ่งเฉย มีความพยายามในการพัฒนาเครื่องยนต์ที่มีการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงให้กลายเป็นค่าไอเสียที่ส่งผลกระทบน้อยที่สุด รวมทั้งพัฒนาทางเลือกใหม่ๆ อย่างรถพลังงานไฟฟ้า หรือ EV, รถ Plug-In Hybrid หรือแม้กระทั่งพลังงานจากไฮโดรเจน ซึ่งทั้งหมดเป็นความพยายามเพื่อสร้างพละกำลังในยานพาหนะเพื่อประโยชน์และความคุ้มค่าของพลังงานสูงสุด

สิ่งที่ประชาชนอย่างเราๆ ทำได้คือ ป้องกันตัวเองด้วยเครื่องมือต่างๆ เช่นหน้ากากอนามัย แต่สำหรับในภาพรวมของสังคม ถึงเวลาแล้วผู้มีอำนาจบ้างเมืองจะต้องกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ให้เหมาะสม ไม่ว่าจะด้วยการหาวิธีลดปริมาณรถยนต์, การลดการแออัดของเมือง ด้วยการขยายธุรกิจต่างๆ ออกไปยังพื้นที่อื่นๆ, การกำหนดอายุการใช้งานของยานพาหนะ, การกำหนดเวลาของรถบรรทุกในการขนส่งเข้าสู่ตัวเมือง, ควบคุมการก่อสร้างรวมถึงยานพาหนะที่ใช้ และที่อยากให้เกิดขึ้นคือ ปลูกต้นไม้ในกรุงเทพและปริมณฑลให้มากขึ้น อยากให้ดูสิงคโปร์เป็นตัวอย่าง แม้ว่าพื้นที่จะเล็กกว่ากรุงเทพมหานคร แต่เป็นประเทศเล็กๆ ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยต้นไม้ใหญ่ ขนาดอยู่กลางพื้นที่การค้าอย่างถนนออร์ชาร์ด ยังมีต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบพื้นที่ อย่างน้อยธรรมชาติและต้นไม้ใบหญ้ายังช่วยลดมลพิษได้ระดับหนึ่ง

เรื่องนี้อาจจะเขียนยาวหน่อย แต่อร่อยถ้ารู้จักลิ้มลอง..เรียนรู้และอยู่ให้เป็นกับ PM2.5 แม้จะน่ากลัว แต่ไม่ต้องกลัวเช่นกัน

 

 

 

 

เรื่อง/ภาพ: พุทธิ  ผาสุข

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th

Tagsกองมลพิษฝุ่นละอองฝุ่นละออง PM2.5สิ่งแวดล้อม
0
Shares
  • 0
  • +
  • 0
  • 0

บทความแนะนำที่น่าสนใจ

บทความ รีวิว รถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านสมรรถนะ ที่น่าสนใจ
บทความ รถออกใหม่ ที่น่าสนใจ
บทความ รถครอบครัว ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านราคารถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านดีไซน์รถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านการซื้อรถ ที่น่าสนใจ
บทความเรื่องรถที่น่าสนใจ

About

logo_grandprix_online2016full

Grandprix Online กรังด์ปรีซ์ออนไลน์ ผู้นำข่าวสารยานยนต์

Thailand Automotive news leader and auto show. Our mission is the leading source of news about the global automotive industry.

Recent Posts

  • Lynk & Co 10 EM-P รถซีดานปลั๊กอินไฮบริดใช้ไฟฟ้าเดินทางได้เกือบ 200 กิโลเมตร
  • Koenigsegg Sadair’s Spear ไฮเปอร์คาร์รุ่นใหม่เน้นปรับปรุงสมรรถนะสำหรับสนามแข่ง
  • Lancia Ypsilon HF ตัวแรงของรถไฟฟ้ารุ่นเล็ก
  • ฟอร์ด ฉลองครบรอบ 29 ปี Growing Together-ส่งโปรฯ ช่วยผ่อน 29 งวด พร้อมแคมเปญพิเศษตอบแทนลูกค้า
  • New Mazda CX-3 Essential ขาย 4 รุ่น เริ่มต้นเพียง 699,000 บาท

Advertising

สนใจลงโฆษณา
ติดต่อ : 02-522-1731-8

  • Facebook
  • Youtube
  • Instagram