Grand Prix Online

Main Menu

  • HOME
  • AUTO NEWS
    • Bizz News
      • NEW COMER
      • MODEL/MINORCHANGE
      • WORLD MOVEMENT
      • Corporate News
    • Achive
      • Car
      • Motorcycle
    • Promotion
    • Motorsport
      • MOTORSPORT NEWS
      • RACE RESULT
  • Motorcycle
    • Round Up News
    • NEW MODEL
    • Bike Technic
  • SPECIAL SCOOP
    • TOKYO MOBILITY
    • Test drive
    • REPORT
    • Classic Car
    • Interview
    • Modified
    • Technology
    • Tip&Technic
    • Insurance Tips
    • Variety Scoop
    • BOY’S TOY
    • Video
  • ABOUT US
    • ADVERTISING
    • CONTACT US
    • PRIVACY POLICY
  • INVESTOR RELATIONS
  • Work with us

logo

Header Banner

Grand Prix Online

  • HOME
  • AUTO NEWS
    • Bizz News
      • NEW COMER
      • MODEL/MINORCHANGE
      • WORLD MOVEMENT
      • Corporate News
    • Achive
      • Car
      • Motorcycle
    • Promotion
    • Motorsport
      • MOTORSPORT NEWS
      • RACE RESULT
  • Motorcycle
    • Round Up News
    • NEW MODEL
    • Bike Technic
  • SPECIAL SCOOP
    • TOKYO MOBILITY
    • Test drive
    • REPORT
    • Classic Car
    • Interview
    • Modified
    • Technology
    • Tip&Technic
    • Insurance Tips
    • Variety Scoop
    • BOY’S TOY
    • Video
  • ABOUT US
    • ADVERTISING
    • CONTACT US
    • PRIVACY POLICY
  • INVESTOR RELATIONS
  • Work with us
Tip&Technic
Home›Special Scoop›Tip&Technic›เบรก…แค่หยุดได้ยังไม่พอ

เบรก…แค่หยุดได้ยังไม่พอ

By บรรณาธิการ
September 30, 2021
2576
0
Share:

การเบรกแบ่งเป็น 2 แบบหลัก คือ เบรกเพื่อชลอความเร็ว และเบรกเพื่อหยุด

  • เพื่อความปลอดภัย ก่อนการเบรกควรประเมินสถานการณ์ด้านหน้าและด้านหลัง เพื่อให้น้ำหนักในการ เบรก เป็นไปอย่างเหมาะสม
  • การเบรกเพื่อชลอความเร็ว น้ำหนักในการเบรกต้องสัมพันธ์กับความเร็วของรถยนต์คันอื่น ไม่ควรกดเบรกหนักจนความเร็วลดลงมากเกินไป เพราะจะสิ้นเปลืองเวลาและน้ำมันเชื้อเพลิงในการเร่งความเร็ว แต่ไม่ควรแตะเบรกเบาเกินไปจนขาดความปลอดภัย

การเบรกเพื่อหยุดในสภาพปกติ ควรแตะเบรกล่วงหน้าเพื่อใช้ไฟเบรกเตือนให้รถยนต์คันหลังเตรียมตัวเบรก ไม่ควรขับเข้าไปใกล้คันหน้าและกดเบรกอย่างรุนแรง เพราะล้ออาจล็อกจนเสียการทรงตัวและทำให้เกิดความสึกหรอในชุดเบรกสูง หรือรถยนต์คันหลังอาจเบรกไม่ทันจนชนท้าย
ส่วนการเบรกในสถานะการณ์ฉุกเฉิน ควรหยุดให้ใกล้รถยนต์คันหน้ามากที่สุด เพื่อรถยนต์ที่ตามมาด้านหลังจะได้มีระยะเบรกมากขึ้น

สำหรับรถยนต์เกียร์ธรรมดา ต้องเหยียบคลัตช์เมื่อรถยนต์เกือบหยุดแล้วเท่านั้น เพราะการเหยียบเบรกพร้อมกับการเหยียบคลัตช์นั้น เปรียบเสมือนการเบรกพร้อมกับปลดเกียร์ว่าง เครื่องยนต์ที่ถูกปลดออกจากการขับเคลื่อน ไม่สามารถหน่วงช่วยการเบรกได้ รถยนต์จะมีแรงเฉื่อยเพิ่มขึ้น เบรกทำงานหนักขึ้น และระยะทางการหยุดเพิ่มขึ้น

การ เบรก ในขณะที่ยังค้างอยู่ในเกียร์ขับเคลื่อน เครื่องยนต์จะใช้รอบการหมุนหน่วงความเร็วของตัวรถยนต์ไว้ด้วย จึงควรเริ่มเหยียบคลัตช์เมื่อรถยนต์ใกล้หยุดสนิท เพื่อไม่ให้เครื่องยนต์ดับ ส่วนเกียร์อัตโนมัติก็กดเบรกอย่างเดียว ไม่ควรปลดเกียร์ว่างแล้วเบรก เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายในชุดเกียร์

การลดเกียร์ลงต่ำเพื่อช่วยเบรกเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะทำให้รอบเครื่องยนต์สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์เกิดความสึกหรอมากกว่าปกติ หรือเกิดความเสียหายได้ ล้อขับเคลื่อนที่หมุนด้วยความเร็ว เมื่อถูกหน่วงด้วยเครื่องยนต์ เพลาขับจะได้รับแรงบิดสูง อาจทำให้เพลาขับสึกหรอมากกว่าปกติ

การขับรถยนต์ด้วยความเร็วสูง เป็นความรื่นรมย์ของผู้ขับบางคน โดยอาจลืมนึกถึงระยะที่ต้องใช้ในการเบรก หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน

การใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด คือ ประมาณ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ระยะทาง 1 กิโลเมตร ใช้เวลา 36 วินาที ภายใน 1 วินาที จะแล่นไปได้ 28 เมตร เมื่อเปรียบเทียบกับสนามฟุตบอลมาตรฐาน ความยาวประมาณ 100 เมตร จะแล่นผ่านภายในเวลา 3.6 วินาที

การขับด้วยความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง บนถนนแห้ง เมื่อผู้ขับเห็นอุปสรรคด้านหน้าและต้องการเบรก จะใช้เวลาตอบสนองตั้งแต่เริ่มมองเห็นจนเท้าแตะเบรกประมาณ 0.6 วินาที หรือคิดเป็นระยะทางก่อนกดเบรก 17 เมตร และระยะทางหลังกดเบรก 85 เมตร รวมระยะทางที่ใช้หยุด 102 เมตร

แต่ถ้าผิวถนนเปียกหรือผู้ขับมีการตอบสนองช้า ระยะทางที่ใช้หยุดก็จะเพิ่มขึ้น

ความเร็วกับระยะเบรก
ที่ความเร็ว 20 กม./ชม. ระยะเบรกที่ต้องใช้อย่างน้อยที่สุด คือ 7 เมตร
ที่ความเร็ว 40 กม./ชม. ระยะเบรกที่ต้องใช้อย่างน้อยที่สุด คือ 18 เมตร
ที่ความเร็ว 60 กม./ชม. ระยะเบรกที่ต้องใช้อย่างน้อยที่สุด คือ 34 เมตร
ที่ความเร็ว 80 กม./ชม. ระยะเบรกที่ต้องใช้อย่างน้อยที่สุด คือ 54 เมตร
ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. ระยะเบรกที่ต้องใช้อย่างน้อยที่สุด คือ 80 เมตร

 

 

เรื่อง: กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th

Tagsknowlege - Lifestyleเบรก
0
Shares
  • 0
  • +
  • 0
  • 0

บทความแนะนำที่น่าสนใจ

บทความ รีวิว รถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านสมรรถนะ ที่น่าสนใจ
บทความ รถออกใหม่ ที่น่าสนใจ
บทความ รถครอบครัว ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านราคารถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านดีไซน์รถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านการซื้อรถ ที่น่าสนใจ
บทความเรื่องรถที่น่าสนใจ

About

logo_grandprix_online2016full

Grandprix Online กรังด์ปรีซ์ออนไลน์ ผู้นำข่าวสารยานยนต์

Thailand Automotive news leader and auto show. Our mission is the leading source of news about the global automotive industry.

Recent Posts

  • Porsche เผยโฉม Cayenne Electric สู่สาธารณชน-พรางตัวทดสอบสมรรถนะก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
  • สเปค และข้อมูลของ Ferrari Amalfi ซูเปอร์คาร์สไตล์ GT ขุมกำลัง V8 รุ่นล่าสุดจากมาราเนลโล่
  • Ferrari Amalfi ม้าลำพองตัวใหม่จากมาราเนลโล่-ยกระดับรถสปอร์ต GT ขุมกำลัง V8 630 แรงม้า
  • ‘เจม-นันทวุฒิ’ พลิกแซง 10 นาทีท้าย-คว้าแต้มศึกฟอร์มูล่า ยูโรเปี้ยน ที่ฮังการี
  • ‘เติ้น-ทัศนพล’ นักแข่งไทยคนแรกคว้าชัยชนะในศึกฟอร์มูล่า 3 รอบสปรินต์ เรซ ที่ซิลเวอร์สโตน

Advertising

สนใจลงโฆษณา
ติดต่อ : 02-522-1731-8

  • Facebook
  • Youtube
  • Instagram