Grand Prix Online

Main Menu

  • HOME
  • AUTO NEWS
    • Bizz News
      • NEW COMER
      • MODEL/MINORCHANGE
      • WORLD MOVEMENT
      • Corporate News
    • Achive
      • Car
      • Motorcycle
    • Promotion
    • Motorsport
      • MOTORSPORT NEWS
      • RACE RESULT
  • Motorcycle
    • Round Up News
    • NEW MODEL
    • Bike Technic
  • SPECIAL SCOOP
    • TOKYO MOBILITY
    • Test drive
    • REPORT
    • Classic Car
    • Interview
    • Modified
    • Technology
    • Tip&Technic
    • Insurance Tips
    • Variety Scoop
    • BOY’S TOY
    • Video
  • ABOUT US
    • ADVERTISING
    • CONTACT US
    • PRIVACY POLICY
  • INVESTOR RELATIONS
  • Work with us

logo

Header Banner

Grand Prix Online

  • HOME
  • AUTO NEWS
    • Bizz News
      • NEW COMER
      • MODEL/MINORCHANGE
      • WORLD MOVEMENT
      • Corporate News
    • Achive
      • Car
      • Motorcycle
    • Promotion
    • Motorsport
      • MOTORSPORT NEWS
      • RACE RESULT
  • Motorcycle
    • Round Up News
    • NEW MODEL
    • Bike Technic
  • SPECIAL SCOOP
    • TOKYO MOBILITY
    • Test drive
    • REPORT
    • Classic Car
    • Interview
    • Modified
    • Technology
    • Tip&Technic
    • Insurance Tips
    • Variety Scoop
    • BOY’S TOY
    • Video
  • ABOUT US
    • ADVERTISING
    • CONTACT US
    • PRIVACY POLICY
  • INVESTOR RELATIONS
  • Work with us
Report
Home›Special Scoop›Report›ภาษีรถยนต์ ต้องเสียเท่าไหร่ในแต่ละปี

ภาษีรถยนต์ ต้องเสียเท่าไหร่ในแต่ละปี

By จณิสตา จุลโพธิ์
January 5, 2021
4305
0
Share:

หนึ่งในรายจ่ายเกี่ยวกับรถยนต์ที่เจ้าของรถต้องจ่ายเป็นประจำทุกปีโดยเลี่ยงไม่ได้ตราบเท่าที่ยังเป็นเจ้าของรถและยังใช้รถอยู่คือภาษีรถยนต์

สำหรับผู้ที่กำลังคิดจะซื้อรถยนต์หากสงสัยว่าเมื่อซื้อรถมาแล้วจะต้องเสียภาษีรถยนต์เท่าไรในแต่ละปี หรือผู้ที่เป็นเจ้าของรถอยู่แล้วหากสงสัยว่ารถยนต์ที่ตนใช้อยู่นั้นจะต้องเสียภาษีเท่าใดเพื่อจะได้เตรียมเงินไว้ ต่อไปนี้คือรายละเอียดของอัตราภาษีและวิธีคิดภาษีรถยนต์ซึ่งจะมีความแตกต่างกันไปตามประเภทของรถยนต์ ซีซีของเครื่องยนต์หรือน้ำหนักของรถ และอายุการใช้งาน

รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง

รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน  7 ที่นั่งหรือรถเก๋ง รถเอสยูวี และรถกระบะ 4 ประตูที่มีป้ายทะเบียนสีขาวตัวหนังอักษรสีดำจะมีการคิดภาษีรถยนต์ตามความจุหรือซีซีของเครื่องยนต์ โดยที่มีอัตราภาษีในแบบขั้นบันไดคือ

-ตั้งแต่ 1 – 600 ซีซี คิดอัตราภาษีซีซีละ 50 สตางค์

-ตั้งแต่ 601-1,800 ซีซี คิดอัตราภาษีซีซีละ 1.50 บาท

-ตั้งแต่ 1,801 ซีซีขึ้นไป คิดอัตราภาษีซีซีละ 4 บาท

 

นอกจากความจุเครื่องยนต์แล้ว อายุการใช้งานของรถยนต์ก็มีผลต่อการคิดภาษีรถยนต์ โดยรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไปจะมีส่วนลดค่าภาษี และมีส่วนลดมากขึ้นตามอายุการใช้งานคือ

-อายุการใช้งาน 6 ปี ได้รับส่วนลดภาษี 10 เปอร์เซ็นต์

-อายุการใช้งาน 7 ปี ได้รับส่วนลดภาษี 20 เปอร์เซ็นต์

-อายุการใช้งาน 8 ปี ได้รับส่วนลดภาษี 30 เปอร์เซ็นต์

-อายุการใช้งาน 9 ปี ได้รับส่วนลดภาษี 40 เปอร์เซ็นต์

-อายุการใช้งานรถ 10 ได้รับส่วนลดภาษี 50 เปอร์เซ็นต์ และจะได้รับส่วนลดนี้ไปต่อเนื่องจนเลิกใช้รถยนต์

สำหรับวิธีการคำนวนรถยนต์ก็ดูจากความจุเครื่องยนต์จริงๆ ที่เล่มทะเบียนรถยนต์ เพราะรถยนต์ที่ผู้ผลิตระบุว่าเครื่องยนต์ 1,200 ซีซี จริงๆ แล้วอาจมีความจุเครื่องยนต์ 1,197 ซีซี หรือรถยนต์ที่มีถูกระบุว่าเครื่องยนต์ความจุ 2,400 ซีซีความจุเครื่องยนต์จริงที่ระบุในเล่มทะเบียนรถอาจคือ 2,356 ซีซี

หากขับรถยนต์ที่มีความจุ 1,799 ซีซี จะมีอัตราการเสียภาษีคือ

-ช่วง 600 ซีซีแรกเสียภาษีซีซีละ 50 สตางค์หรือ 0.5 บาท : 600 x 0.5 = 300 บาท

-ช่วงซีซีตั้งแต่ 601-1,799 ซีซี เสียภาษีซีซีละ 1.50 บาท : 1,799 – 600 = 1,199 x 1.50 = 1,798.50 บาท

หมายความว่าภาษีรถยนต์ตั้งแต่ปีที่ 1 ถึง 5 จะเสียอยู่ที่ 300 + 1,798.50 = 2,098.50 บาท แต่เมื่อใช้งานรถยนต์ปีที่ 6 จะเสียภาษี 1,888.65 บาท จากการได้ส่วนลดภาษี 10 เปอร์เซ็นต์

รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง

รถยนต์นั่งบุคคลเกิน 7 ที่นั่งหรือรถตู้ซึ่งจะมีป้ายทะเบียนพื้นขาว อักษรสีน้ำเงิน จะมีการคิดภาษีที่แตกต่างจากรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง โดยคำนวณอัตราภาษีตามน้ำหนักของรถ ซึ่งสามารถดูได้ที่เล่มทะเบียนรถเช่นเดียวกับความจุเครื่องยนต์ โดยมี 2 อัตราภาษีคือ

-น้ำหนักรถไม่เกิน 1,800 กิโลกรัม อัตราภาษีคือ 1,300 บาท

-น้ำหนักรถเกิน 1,800 กิโลกรัม อัตราภาษีคือ 1,600 บาท

 

รถบรรทุกส่วนบุคคล

สำหรับรถบรรทุกส่วนบุคคลหรือรถกระบะสองประตูที่มีป้ายทะเบียนพื้นขาว อักษรสีเขียว จะมีการคำนวณภาษีโดยใช้น้ำหนักของรถซึ่งดูตัวเลขนี้ได้ที่เล่มทะเบียนรถเช่นเดียวกันคือ

-น้ำหนักรถตั้งแต่ 501-750 กิโลกรัม อัตราภาษีคือ 450 บาท

-น้ำหนักรถตั้งแต่ 751-1,000 กิโลกรัม อัตราภาษีคือ 600 บาท

-น้ำหนักรถตั้งแต่ 1001-1,250 กิโลกรัม อัตราภาษีคือ 750 บาท

-น้ำหนักรถตั้งแต่ 1,251-1,500 กิโลกรัม อัตราภาษีคือ 900 บาท

-น้ำหนักรถตั้งแต่ 1,501-1,750 กิโลกรัม อัตราภาษีคือ 1,050 บาท

-น้ำหนักรถตั้งแต่ 1,751-2,000 กิโลกรัม อัตราภาษีคือ 1,350 บาท

-น้ำหนักรถตั้งแต่ 2,001-2,500 กิโลกรัม อัตราภาษีคือ 1,650 บาท

เรื่อง : กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRAND PRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th

TagsLaw - Knowledgeชำระภาษีรถประจำปีภาษีรถยนต์
0
Shares
  • 0
  • +
  • 0
  • 0

บทความแนะนำที่น่าสนใจ

บทความ รีวิว รถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านสมรรถนะ ที่น่าสนใจ
บทความ รถออกใหม่ ที่น่าสนใจ
บทความ รถครอบครัว ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านราคารถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านดีไซน์รถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านการซื้อรถ ที่น่าสนใจ
บทความเรื่องรถที่น่าสนใจ

About

logo_grandprix_online2016full

Grandprix Online กรังด์ปรีซ์ออนไลน์ ผู้นำข่าวสารยานยนต์

Thailand Automotive news leader and auto show. Our mission is the leading source of news about the global automotive industry.

Recent Posts

  • Lynk & Co 10 EM-P รถซีดานปลั๊กอินไฮบริดใช้ไฟฟ้าเดินทางได้เกือบ 200 กิโลเมตร
  • Koenigsegg Sadair’s Spear ไฮเปอร์คาร์รุ่นใหม่เน้นปรับปรุงสมรรถนะสำหรับสนามแข่ง
  • Lancia Ypsilon HF ตัวแรงของรถไฟฟ้ารุ่นเล็ก
  • ฟอร์ด ฉลองครบรอบ 29 ปี Growing Together-ส่งโปรฯ ช่วยผ่อน 29 งวด พร้อมแคมเปญพิเศษตอบแทนลูกค้า
  • New Mazda CX-3 Essential ขาย 4 รุ่น เริ่มต้นเพียง 699,000 บาท

Advertising

สนใจลงโฆษณา
ติดต่อ : 02-522-1731-8

  • Facebook
  • Youtube
  • Instagram