Grand Prix Online

Main Menu

  • HOME
  • AUTO NEWS
    • Bizz News
      • NEW COMER
      • MODEL/MINORCHANGE
      • WORLD MOVEMENT
      • Corporate News
    • Achive
      • Car
      • Motorcycle
    • Promotion
    • Motorsport
      • MOTORSPORT NEWS
      • RACE RESULT
  • Motorcycle
    • Round Up News
    • NEW MODEL
    • Bike Technic
  • SPECIAL SCOOP
    • TOKYO MOBILITY
    • Test drive
    • REPORT
    • Classic Car
    • Interview
    • Modified
    • Technology
    • Tip&Technic
    • Insurance Tips
    • Variety Scoop
    • BOY’S TOY
    • Video
  • ABOUT US
    • ADVERTISING
    • CONTACT US
    • PRIVACY POLICY
  • INVESTOR RELATIONS
  • Work with us

logo

Header Banner

Grand Prix Online

  • HOME
  • AUTO NEWS
    • Bizz News
      • NEW COMER
      • MODEL/MINORCHANGE
      • WORLD MOVEMENT
      • Corporate News
    • Achive
      • Car
      • Motorcycle
    • Promotion
    • Motorsport
      • MOTORSPORT NEWS
      • RACE RESULT
  • Motorcycle
    • Round Up News
    • NEW MODEL
    • Bike Technic
  • SPECIAL SCOOP
    • TOKYO MOBILITY
    • Test drive
    • REPORT
    • Classic Car
    • Interview
    • Modified
    • Technology
    • Tip&Technic
    • Insurance Tips
    • Variety Scoop
    • BOY’S TOY
    • Video
  • ABOUT US
    • ADVERTISING
    • CONTACT US
    • PRIVACY POLICY
  • INVESTOR RELATIONS
  • Work with us
Variety Scoop
Home›Special Scoop›Variety Scoop›ผลวิจัยชี้เด็กดื้อกระทบการขับรถของผู้ปกครอง

ผลวิจัยชี้เด็กดื้อกระทบการขับรถของผู้ปกครอง

By นันทพงศ์ ภักดีบุตร
April 19, 2019
2426
0
Share:

บางทีปัจจัยต่อความปลอดภัยในการเดินทางอาจไม่ได้มากจากเฉพาะแค่สภาพของผู้ขับหรือผู้ใช้รถคันอื่นบนถนนเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับผู้ที่นั่งร่วมไปในรถด้วยโดยเฉพาะผู้ร่วมทางที่เป็นเด็ก เพราะมีการวิจัยใหม่ที่จัดโดย Nissan ที่ระบุว่ามากกว่า 6 ใน 10 หรือ 63 เปอร์เซ็นต์ของครอบครัวในยุโรปที่ยอมรับว่าพวกเขาต้องใช้ความพยายามมากขึ้นที่จะให้ความสนใจต่อถนนด้านหน้าอย่างเต็มที่ เมื่อลูกๆ ที่นั่งอยู่ในรถมีอาการดื้อหรือมีพฤติกรรมไม่ดี และที่หนักกว่านั้นคือ 1 ใน 3 ของผู้ใหญ่หรือประมาณ 29 เปอร์เซ็นต์ที่เปิดเผยว่าพวกเขารู้ตัวว่าจากพฤติกรรมไม่น่าพึงปราถนาของด็กทำให้ความปลอดภัยในการอยู่หลังพวงมาลัยของพวกเขาลดลง

พฤติกรรมไม่น่าพึงปราถนาสูงสุดของเด็กเมื่ออยู่ในรถคือการร้องไห้หรือร้องตะโกนกับจำนวน 65 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยการทะเลาะกันของพี่น้องหรือเพื่อนที่เบาะหลัง, เตะที่ด้านหลังเบาะผู้ขับ, และขว้างปาของเล่นในรถ ซึ่งไม่น่าแปลกใจที่จากพฤติกรรมเหล่านี้จะทำให้ผู้ปกครองบอกว่าพวกเขามักรู้สึกเครียดและรำคาญเป็นประจำเมื่อลูกๆ อยู่ในรถ รวมทั้งยอมรับว่าทำให้ต้องไปถึงที่หมายช้ากว่าปกติหรือด้วยอารมณ์ที่เสียจากการที่ต้องสู้รบกับเพื่อนร่วมทางตัวน้อยหรือระบายอารมณ์กับผู้ร่วมทางคันอื่น

มีหลายรายงานที่แสดงว่าผู้ปกครองต้องพยายามใช้วิธีต่างๆ เพื่อลดอันตรายและการสูญเสียสมาธิเมื่อขับรถโดยมีเด็กอยู่ด้วย โดย 15 เปอร์เซ็นต์เลี่ยงการใช้มอเตอร์เวย์หรือถนนที่มีความวุ่นวายในการจราจรเมื่อขับรถโดยมีเด็กไปด้วย ในขณะที่ 37 เปอร์เซ็นต์ใช้แท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนเพื่อดึงความสนใจของเด็ก ใช้ของเล่น 41 เปอร์เซ็นต์ มี 53 เปอร์เซ็นต์ที่ใช้การร้องเพลง และ 22 เปอร์เซ็นต์ที่ทำให้เด็กเงียบด้วยขนม

บรรดาผู้ปกครองบอกว่าด้วยพฤติกรรมของเด็กที่ดึงความสนใจในรถทำให้พวกเขาต้องละสายตาจากถนนรวมทั้งละมือของพวกเขาจากพวงมาลัย นอกจากนี้พวกเขายังบอกว่าพวกเขาเคยขับฝ่าไฟแดงเนื่องจากลืมที่จะสังเกตสัญญาณไฟ เคยเบรกกะทันหัน เบี่ยงออกไปอีกเลน และแม้แต่เคยต้องหยุดรถจนนิ่งสนิท ซึ่งด้วยสิ่งเหล่านี้ทำให้บรรดาผู้ปกครองต้องเปิดใช้เทคโนโลยีในรถยนต์มากขึ้นเพื่อช่วยให้การเดินทางมีความปลอดภัย จนการวิจัยชี้ว่าการหลีกเลี่ยงการสูญเสียสมาธิในขณะขับรถเป็นหนึ่งในปัจจัยสำหรับผู้ปกครองเมื่อเลือกรถที่จะซื้อ โดย 1 ใน 3 หรือ 34 เปอร์เซ็นต์บอกว่าพวกเขาจะมองหาระบบช่วยในการขับเมื่อเลือกรถคันต่อไปของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรกอัตโนมัติฉุกเฉิน, ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงจากเลน และระบบควบคุมความเร็วที่ปรับความเร็วเพื่อรักษาระยะห่างของรถคันหน้าหรือ Adaptive Cruise Control

Jean-Philippe Roux ผู้จัดการทั่วไปด้านรถครอสส์โอเวอร์ Nissan ยุโรปบอกว่า “ผู้ปกครองทั่วไปรู้ว่าการออกไปข้างนอกของครอบครัวไม่ใช่แค่นั้นเสมอไป เพราะผู้โดยสารตัวน้อยมักมีเรื่องประหลาดใจเสมอเมื่อคุณพยายามจะสนใจกับถนน ซึ่งสามารถสร้างช่วงเวลาที่เครียดให้แก่ผู้ปกครองที่อยู่หลังพวงมาลัยได้ ในขณะที่การขับรถอย่างปลอดภัยและมีสมาธิอยู่กับถนนควรเป็นสิ่งที่มาก่อนสิ่งอื่นโดยไม่ควรมีสิ่งใดมาแทนที่ อย่างไรก็ตามการรู้ว่ารถของคุณถูกติดตั้งเทคโนโลยีที่สามารถคาดการณ์และป้องกันสถานกาณณ์ที่อาจเกิดอันตรายจะช่วยสร้างความรู้สึกที่ผ่อนคลายได้เมื่ออยู่ในรถ เพราะจะช่วยดึงให้ผู้ขับหันมาสนใจถนนข้างหน้าได้”

ความจริงเกี่ยวกับเด็กและความเครียดในรถ

-ผู้ปกครองใช้เวลาประมาณ 2 ชม. 54 นาทีในรถกับลูกๆ ในแต่ละสัปดาห์ หรือเทียบได้กับ 6 วันทุกปี

-1 ใน 5 หรือ 20 เปอร์เซ็นต์ของผู้ปกครองที่บอกว่าพฤติกรรมของลูกๆ อยู่ในระดับแย่ที่สุดเมื่ออยู่ในรถ นำหน้าในขณะแต่งตัวไปโรงเรียน เมื่อไปซูเปอร์มาร์เก็ต และตอนเข้านอน

-67 เปอร์เซ็นต์ของแม่พบว่ายากที่จะมีสมาธิเมื่อขับรถโดยที่มีเด็กที่มีพฤติกรรมไม่ดีอยู่ในรถ ในขณะที่ 57 เปอร์เซ็นต์ของพ่อพูดในสิ่งเดียวกัน

-ประสิทธิภาพการขับรถของแม่จะลดลงมากเพราะพฤติกรรมของลูกๆ โดยมี 24 เปอร์เซ็นต์ที่ส่งกุญแจให้คนอื่นขับแทน ขณะที่ในส่วนของพ่อจะอยู่ที่ 12 เปอร์เซ็นต์

 

เรื่อง: กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th

TagsNissanเด็กดื้อ
0
Shares
  • 0
  • +
  • 0
  • 0

บทความแนะนำที่น่าสนใจ

บทความ รีวิว รถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านสมรรถนะ ที่น่าสนใจ
บทความ รถออกใหม่ ที่น่าสนใจ
บทความ รถครอบครัว ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านราคารถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านดีไซน์รถ ที่น่าสนใจ
บทความ ด้านการซื้อรถ ที่น่าสนใจ
บทความเรื่องรถที่น่าสนใจ

About

logo_grandprix_online2016full

Grandprix Online กรังด์ปรีซ์ออนไลน์ ผู้นำข่าวสารยานยนต์

Thailand Automotive news leader and auto show. Our mission is the leading source of news about the global automotive industry.

Recent Posts

  • Millennium Auto Group จัดงานฉลองครบรอบ 25 ปี มอบ Exclusive Program สำหรับ BMW The i7
  • ฮุนได เปิดตัว All-New Hyundai Santa Fe ราคา 1.59 ล้านบาทในรุ่นเริ่มต้น
  • PROMOTION MG JULY 2025
  • PROMOTION Mercedes-Benz JULY 2025
  • PROMOTION MAZDA JULY 2025

Advertising

สนใจลงโฆษณา
ติดต่อ : 02-522-1731-8

  • Facebook
  • Youtube
  • Instagram