แม้ Toyota Highlander หรือชื่อ Kluger ในออสเตรเลียและ Crown Kluger ในจีนจะเป็นรถเอสยูวีขายดีที่สุดในสหรัฐอเมริกามาต่อเนื่องถึง 6 ปีติดต่อกันแล้วก็ตาม แต่ทางผู้ผลิตก็ยังกระตุ้นความสนใจให้กับรถเอสยูวีขนาดกลางรุ่นนี้ที่ขายในสหรัฐอเมริกาด้วยการอัพเดตครั้งสำคัญเปลี่ยนหัวใจใหม่มาใช้เครื่องยนต์เทอร์โบรวมทั้งใส่เทคโนโลยีเพิ่มความทันสมัยให้กับรถ

จากเดิมที่ Toyota Highlander ใช้เครื่องยนต์ V6 3.5  295 แรงม้าในการขับเคลื่อน รถเอสยูวีขนาดกลางขายดีที่สุดในสหรัฐอเมริกาถูกเปลี่ยนหัวใจใหม่เป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.4 ลิตร เทอร์โบ ซึ่งมีกำลัง 265 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 418 นิวตัน-เมตรในการขับเคลื่อนแทน ซึ่งแม้ว่าเครื่องยนต์ใหม่พร้อมระบบอัดอากาศใน Highlander จะมีกำลังน้อยกว่าเครื่องยนต์เดิม 30 แรงม้า แต่ก็ให้แรงบิดเพิ่มขึ้น 62 นิวตัน-เมตรในการขับเคลื่อน

นอกจากได้แรงบิดเพิ่มขึ้นแล้วทาง Toyota ยังระบุว่าเครื่องยนต์ใหม่ที่ใช้มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพราะมีการปล่อยไนโตรเจนออกไซด์และก๊าสมีเทนจากการเผนไหม้เชื้อเพลิงน้อยลงกว่าเครื่องยนต์เดิมมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ รวมไปถึงมีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลงด้วย

Highlander ยังถูกเพิ่มความทันสมัยขึ้นในห้องโดยสารด้วย โดยเกรดสูงจะมาพร้อมกับจอแสดงข้อมูลผู้ขับแบบดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้วแทนเรือนไมล์อนาล็อกพร้อมจอขนาด 7 นิ้วแบบเดิม โดยที่จอดิจิตอลใหม่สามารถเลือกรูปแบบการแสดงข้อมูลได้ 4 แบบคือ Casual, Smart, Tough และ Sport

นอกจากนี้เกรดสูงสุดของ Highlander ยังมาพร้อมกับขอระบบ Infotainment ขนาด 12.3 นิ้ว ซึ่งเป็นออฟชั่นให้เลือกในเกรดกลางที่มาพร้อมกับจอขนาด 8 นิ้ว โดยระบบ Infotainment ที่มากับรถเป็น Toyota Audio Multimedia ใหม่ที่เริ่มใช้ครั้งแรกกับรุ่นรถปิกอัพฟูลไซส์รุ่น Tundra รุ่นปี 2022 ซึ่งมีระบบนำทางใช้ข้อมูลจากคลาวด์ การอัพเดต Over-the-Air และผู้ช่วยอัจฉริยะ รวมไปถึงรองรับการใช้ Apple CarPlay ไร้สายและ Android Auto พร้อมมีทั้ง Apple Music และ Amazon Music สำหรับการสตรีมเพลง รวมทั้งบริการ Wi-Fi Connect

ทาง Toyota ยังทำการอัพเดตอุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ ให้กับ Highlander อย่างกระจกพับไฟฟ้าและระบบเปิดฝาท้ายโดยไม่ต้องใช้มือในบางเกรด พร้อมกับเปลี่ยนตำแหน่งแท่นชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สายจากที่คอนโซลกลางไปอยู่ที่ชั้นใต้จอระบบ Infotainment ตรงกลางแทนเพื่อให้หยิบได้สะดวกขึ้น ส่วนการขาย Highlander เครื่องยนต์ใหม่ทาง  Toyota จะเริ่มตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีนี้โดยเป็นรุ่นปี 2023